เสียงของหวังตัวยวี่เบามาก ราวกับยุงที่บินสาละวนอยู่ท่ามกลางลมทะเล จนฉินเทียนแทบจะไม่ได้ยินเสียงของเธอเลย
“เธอว่าอะไรนะ?”
“พูดอีกทีสิ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเทียนที่กำลังตื่นเต้นอยู่นั้น ผู้ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินอย่างคุณหนูหวังก็กลับรู้สึกเคอะเขินขึ้นมา
หน้าของเธอแดงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เธอพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ไปคุยกับเจ้าเปี้ยนแก่เองเถอะ ฉันหมายความว่า ฉันรับปาก.....แล้ว”
ครั้งนี้ ฉินเทียนได้ยินอย่างชัดเจน เขารู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง
คิดไม่ถึงเลยว่าหวังตัวยวี่จะตอบตกลงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ แถมยังบอกให้เขาไปคุยกับราชาเปี้ยนเองอีกด้วย
ถ้าเช่นนั้นเรื่องทุกอย่างต่อจากนี้ ทางก็สะดวกแล้วสิ!
“ขอบคุณมากนะครับคุณหนูใหญ่!” ฉินเทียนกุมมือหวังตัวยวี่ อย่างแน่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
จนเขาสัมผัสได้ว่าตัวของหวังตัวยวี่ สั่นเทาไปทั่ว เขาถึงได้รู้สึกตัวและรีบปล่อยมือออก
“เอ่อ ขอโทษนะ”
“ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยจริงๆ” เขาอธิบายด้วยสีหน้าอันแดงก่ำ
“อย่าพึ่งดีใจเกินไป อีกหน่อยเมื่อตกอยู่ในมือคุณหนูอย่างฉันแล้ว นายก็จะรู้เอง!”
พูดจบ ไม่รอให้ฉินเทียนได้ตอบกลับ เธอก็ใช้ขาถีบฉินเทียนตกน้ำไปทันที
พอฉินเทียนโผล่หัวพ้นน้ำขึ้นมาหวังตัวยวี่ก็ขี่วาฬหัวทุยออกไปไกลมากแล้ว เธอมองฉินเทียนที่กำลังตกที่นั่งลำบากอยู่อย่างนั้น และหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ
“นั่นคือที่อยู่ของราชาจั่วเจียน นายว่ายน้ำข้ามไป แล้วบอกพวกเขาว่านายเป็นเชลยศึกของฉัน ให้พวกเขาพานายไปหาฉันที่เกาะหวัง”
“จำไว้ว่า รีบไปให้ไว เพราะฉันรอนายได้ไม่นานนักหรอกนะ”
ไม่ทันรอให้ฉินเทียนพูดอะไรต่อ เธอก็ขี่วาฬหัวทุยจากไปอย่างรวดเร็ว รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นยืนตัวตรงอยู่บนหลังของปลาวาฬ ค่อยๆเคลื่อนออกไป ไม่นานนักก็กลายเป็นจุดดำเล็กๆ ในสายตาของฉินเทียน
ที่อยู่ของราชาจั่วเจียน?
ที่แท้ที่นี่ไม่ใช่ฐานทัพหลักของเกาะหวังแต่เป็นเกาะจั่วเจียนต่างหาก ฉินเทียนรู้สึกตัวเองโชคร้าย เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หวังตัวยวี่ผู้นี้ แม้จะตอบตกลงรับปากแล้ว แต่เธอยังสร้างความลำบากให้ตัวเขาได้อีก
เขาไม่มีทางเลือก นอกจากต้องพยายามว่ายน้ำข้ามฝั่งไปเท่านั้น
โชคดีที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยเมตร นั่นมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกลำบากแต่อย่างใด
สิบนาทีต่อมา ในที่สุดฉินเทียนก็เหยียบขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
สำหรับคนที่ไม่ได้ออกทะเลบ่อยๆ แต่ต้องมาลอยคอเท้งเต้งต่อสู้อยู่ท่ามกลางทะเลนานขนาดนี้ จนในที่สุดด้วยความมานะบากบั่น เขาก็ทำมันจนสำเร็จ ความรู้สึกโล่งใจเช่นนั้น มันสุดที่จะหาคำไหนมาบรรยายได้จริงๆ
เมื่อลมทะเลพัดโชยมา ฉินเทียนโอนถ่ายกำลังภายใน กลุ่มควันสีขาวปรากฏบนเสื้อผ้าของเขา และไม่นานนัก เสื้อผ้าที่เปียกโชก กลับแห้งสนิทราวกับเหมือนใหม่
เขาสังเกตเห็นว่าเกาะเล็กๆ แห่งนี้ น่าจะเป็นด้านหลังของภูเขา ภูมิประเทศค่อนข้างชัน และไม่มีบ้านพักคนอยู่อาศัย
อยากจะได้หลินจือเลือดเร็วๆ ก็ต้องอาศัยให้คนบนเกาะ พาเขาไปพบกับหวังตัวยวี่ เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงเคลื่อนไหวและพุ่งทะยานตัวออกไป
ไม่นานนัก ฉินเทียนก็มาถึงบนยอดเขาแห่งหนึ่ง กระแสลมที่นี่แรงขึ้นกว่าเดิม เขายืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง และมองทอดสายตาออกไป
พื้นที่ราบภูเขาอันไกลโพ้น มีอาคารบ้านเรือนเรียงรายกันเป็นตับราวกับเกล็ดปลา ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ อันเงียบสงบแห่งหนึ่ง
จู่ๆ ฉินเทียนก็นึกถึงเหนือฟ้าขึ้นมา ที่นั่นเป็นเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เขาได้ซื้อไว้ในต่างประเทศ และเขาได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ทั้งหมดอย่างถาวร
ในฐานะสำนักงานใหญ่ของวิหารเทพ เนื้อที่ของเหนือฟ้านั้นมีขนาดใหญ่กว่าเกาะที่อยู่ตรงหน้าอยู่หลายเท่าตัว ยิ่งไปกว่านั้น ระดับความสูงนั้นก็อันตรายมากกว่าอีกด้วย
น่าเสียดายที่หลายปีมานี้เขาต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อปฏิบัติภารกิจ ไล่ฆ่าลอบสังหารพวกกากเดนสังคม จนแทบไม่ได้อยู่บนเกาะนั้นเลย
ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบบนเกาะเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ ฉินเทียนก็รู้สึกว่า หากในอนาคตเขาสามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายของเรื่องทางโลกได้แล้ว เขาจะใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลกับซูซูและลูกของเขา โดยตัดขาดจากโลกภายนอกและใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข
นั่นคือสิ่งที่มีความหมายที่สุดในชีวิตต่างหากเล่า
น่าเสียดาย แม้ความตั้งใจจะอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สามารถทำมันให้สำเร็จ เขายังมีปัญหาเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องจัดการ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ฉินเปียวน้องชายต่างมารดาของเขา ที่เข้าร่วมกับวิหารเทพสังหาร และตอนนี้เป็นหนึ่งในสิบแปดเทพสังหารไปแล้ว ซึ่งนี่ถือว่าเป็นอันตรายครั้งใหญ่ที่ซ่อนอยู่อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...