คิดไม่ถึงว่าฉินเทียนจะกล้าขานรับการต่อสู้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์ที่รู้แล้วว่าตนเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีฝีมือดีอันดับหนึ่งในตงไห่แล้วด้วย ทำให้สือซินยิ่งรู้สึกเหนือความคาดหมายมากขึ้นไปอีก
เขาอดไม่ได้ที่จะลดความดูถูกที่มีต่อฉินเทียนไปบ้างเล็กน้อย
เขานับถือผู้ชายอกสามศอก ใจถึง ที่กล้าได้กล้าเสียกล้าขานรับการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นฉินเทียนตั้งการ์ดด้วยมือเปล่าทั้งสองข้างแล้ว ดูยังไงก็ไม่เหมือนมืออาชีพ เขาจึงพูดเย้ยหยันออกไปว่า “นับว่าเธอยังมีความกล้าหาญอยู่บ้างเหมือนกันนะ”
“ฉันรู้ดีว่า มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเอาชนะฉัน งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน หากเธอรับมือฉันได้ครบสามดาบ ฉันตกลงที่จะพาเธอไปด้วย”
“ว่าไงหล่ะ?”
ฉินเทียนยิ้มและรีบตอบกลับไปว่า “ถ้างั้นยิ่งดีเลย ขอบคุณสหายที่เมตตาช่วยเหลือ”
สือซินปล่อยเสียงเฮิงด้วยความเย็นชา “ฉันยอมเมตตาช่วยเหลือเธอ แต่ขวานของฉันอาจจะไม่ก็ได้นะ____พร้อมแล้ว สำหรับดาบที่หนึ่ง!”
ก่อนที่เขาจะลงดาบ เขาจงใจตะโกนเสียงดังเพื่อเป็นสัญญาณเตือนฉินเทียน เห็นได้ว่าเขาไม่คิดจะฉวยโอกาสเอาเปรียบคนอื่น ถือว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างมาก
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า และใช้ดาบฟันเฉียงลงมา
ท่าทางดูเงอะๆ งะๆ บวกกับความเร็วที่ไม่ได้เร็วมากนัก มองแค่แวบเดียว มันไม่แตกต่างอะไรกับชาวนาชราที่กำลังตัดฟืนอยู่บนภูเขาเลย
ดาบในมือเขา ดูไปแล้วก็เป็นแค่ขวานที่ทั้งยาวทั้งหนักและทั้งหนาเล่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความแหลมคมอะไร
แต่ดาบเล่มนี้กลับทำให้สีหน้าของฉินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากเมื่อครู่ที่เขาเห็นการฝึกซ้อมของสือซินเขารู้สึกได้ว่าชายผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
การลงดาบแต่ละครั้งดูเหมือนจะไม่ได้มีหลักเกณฑ์ใด แต่กลับแฝงไปด้วยท่วงทำนองและจินตภาพอันลึกซึ้ง
ตอนนี้ เมื่อเผชิญกับขวานที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ความรู้สึกนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เจตจำนงดาบ!
สือซินอายุยังน้อย แต่สามารถอาศัยขวานเล่มนี้ฝึกฝนจนถึงขั้นเจตจำนงดาบเจตจำนงดาบได้จริง
ที่เรียกว่าเจตจำนงดาบนั้น จริงๆ แล้วความหมายของมันค่อนข้างกว้าง อารมณ์และความรู้สึกที่ไม่สามารถนิยามได้ เพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้อยู่แล้ว
แต่กลับควบคุมดาบนั้นได้ในทุกท่วงท่า
นั้นคือความรู้สึกกดดันอย่างหนึ่ง
เห็นชัดว่าดาบกำลังฟันลงมา และรู้ดีว่าควรจะหลบ แต่ภายใต้แรงกดดันนั้น เขากลับยกขาไม่ขึ้น และไม่รู้ว่าจะต้องหลบไปทางไหนดี
เหมือนว่าดาบเล่มนี้ ทำการปิดล็อกทางหนีทีไล่ของคู่ต่อสู้ไปหมดแล้ว
ทั้งหมดที่ว่ามา ดูเหมือนจะช้าแต่กลับเร็วกว่าที่คิด ฉินเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้ล่าถอย แต่กลับก้าวไปข้างหน้าและรับขวานนั้นเอาไว้
เหมือนจะทำไปด้วยความมุทะลุ แต่นั่นกลับเป็นก้าวที่มีความลึกลับอย่างมาก
และก้าวนี้ยังสามารถเข้าถึงจุดสำคัญของเจตจำนงดาบของสือซินได้อีกด้วย เป็นก้าวที่สามารถทำลายเจตจำนงของดาบได้อย่างแท้จริง
ดาบที่พุ่งเข้ามาดูเหมือนจะสูญเสียทิศทางไป ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นท่ามกลางอากาศ
ฉินเทียนฉวยโอกาสจากแสงสว่างจ้านั้น ก้าวไปทางซ้ายหนึ่งก้าว ก็สามารถหลบหลีกดาบเล่มนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เป็นไปได้ยังไง?
ดาบของสือซินเวิ้งว้างอยู่กลางอากาศ เขาอ้าปากค้าง ดูเหม่อลอยไปบ้างเล็กน้อย
เขาภูมิใจกับดาบเล่มนี้ของเขาเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีใครสามารถหลบดาบของเขาได้ง่ายๆเหมือนฉินเทียนมาก่อนเลย
“น้องชายท่านนี้ ฉันควรยกย่องเธอว่าฉลาด หรือจะว่าเธอโง่ดีหล่ะ?”
“เธอเห็นว่าสือซินผู้นี้เป็นคนซื่อๆ ฆ่าคนตามอำเภอใจไม่เป็น ดังนั้นเลยใช้ตัวเองพุ่งเข้าหาดาบ เพื่อบีบให้สือซินยั้งมือ”
“แน่นอนว่าความกล้าหาญเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง แต่หากสือซินยั้งมือไม่ทันหล่ะ? ป่านนี้เธอไม่ถูกหั่นเป็นสองท่อนแล้วหรือ”
เจ้าหนวดเคราที่อยู่ข้างๆ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นความลึกลับของฉินเทียน และเขาคิดว่า ฉินเทียนเองต้องมั่นใจแน่ว่าสือซินจะไม่ฆ่าคนตามอำเภอใจ ดังนั้นเขาจึงกัดฟันรับดาบเล่มนั้นเพื่อ บีบให้สือซินยั้งมือเอาไว้
ฉินเทียนขี้เกียจจะอธิบาย เขายิ้มและมองไปทางสือซินพร้อมกับพูดว่า “กระบวนท่าแรกไม่เลวเลยทีเดียวนะ”
“มาต่อกันเลยดีกว่า”
สือซิน ตกอยู่ในภวังค์ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้าหนวดเคราแล้ว เขารู้สึกว่า ฉินเทียนกำลังใช้กลอุบายบางอย่างอยู่
จับจุดอ่อนของตนเองได้ และบีบให้เขาต้องยั้งมือ
เขากัดฟันและพูดว่า “แม้ฉันจะไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้า แต่หากเธอยังไม่รู้จังหวะแบบนี้อีกหล่ะก็ อย่าหาว่าฉันโหดเหี้ยมอำมหิตก็แล้วกัน!”
“กระบวนท่าที่สอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...