เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาอันข่มขู่ของจินยีโหวแล้ว สีหน้าของเซี่ยหมิงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด เขาเงยหน้าขึ้น และจ้องตากับจินยีโหวทันที
เขายิ้มอย่างเย็นชาและตอบกลับไปว่า “นายท่าน คนของฉันพูดจาไม่มีมารยาท หากมีอะไรผิดพลาด ขอโปรดอภัยให้ด้วย”
“แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมันจะฟังดูหยาบคาย แต่ดูจากเหตุผลแล้วมันก็ไม่มีอะไรผิดนะ”
“ในเมื่อฉันมาที่นี่เพื่อขอแต่งงาน ถ้างั้นตามความคิดฉันแล้ว พวกเราควรจะจัดการธุระให้เสร็จสิ้นเสียก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังจะดีกว่า”
พูดเช่นนี้ ชัดเจนแล้วว่า เขาเห็นด้วยกับคำพูดของ เจ้านกแร้ง และถงอาน
ทันทีที่เขาพูดจบจินซานที่อยู่ตรงประตูใหญ่ก็แทบจะทนต่อไปไม่ไหว
เขาเป็นคนสนิทของจินยีโหว และยังเป็นคนรุ่นหลังที่มีความสามารถโดดเด่นของตงไห่อีกด้วย
“คนแซ่เซี่ย พวกเธอหมายความว่ายังไงกันแน่? ที่นี่คือตงไห่ ไม่ใช่ภาคเหนือของพวกเธอนะ!”
“ท่าทางเช่นนี้ของพวกเธอ คือการมาขอแต่งงานอย่างนั้นหรือ? ฉันว่ามันไม่ต่างอะไรกับการมาฉุดสาวไปแต่งงานเลยสักนิด!”
“ในเมื่อเธอพูดเช่นนี้ งั้นฉันจะบอกเธอให้ชัดเจนแล้วกันว่า คุณหนูใหญ่ของพวกเรารังเกียจเธอ และตงไห่จะไม่มีวันดองญาติกับพวกเธออย่างแน่นอน!”
“ไสหัวไปซะ!”
เมื่อได้ยินที่จินซานพูดแล้ว บรรดาวัยรุ่นเลือดร้อนของตงไห่ ต่างทนไม่ไหวกันอีกต่อไป ในเวลานั้น บรรดาฝูงชนต่างพากันเกรี้ยวโกรธ และร่วมกันขับไล่เซี่ยหมิงและคนของเขาให้ออกไปทันที
เจ้านกแร้ง ยืนขึ้นแสยะยิ้มมองไปทางเซี่ยหมิงและพูดแนะนำว่า “คุณชาย คนพวกนี้เสียงดังวุ่นวายเกินไปแล้ว ฉันอยากจะควักเอาสมองของพวกเขาออกมาดูสักหน่อยว่ามันเป็นสีอะไรกันแน่”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้น เมื่อนึกถึงตอนใช้นิ้วมือบีบไปที่หัวกะโหลกจนแตก และควักเอาสมองข้างในออกมา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แมร่งเอ๊ย ที่แท้ก็เป็นปีศาจที่เห็นการฆ่าคนเป็นเรื่องสนุกคนหนึ่งนี่เอง
เซี่ยหมิง ไม่ได้ตอบอะไร เจ้านกแร้ง แต่กลับจ้องมองไปทางหวังเหมี่ยน พร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านโหว ให้คำตอบที่แน่ชัดมาเถอะ”
“ฉันเซี่ยหมิงชอบพอคุณหนูหวังของพวกเธอ เธอยินยอมที่จะยกเขาให้แต่งงานกับฉันไหม?”
หวังเหมี่ยนตอบอย่างเย็นชาว่า “ถ้าฉันตอบว่าไม่หล่ะ?”
เซี่ยหมิง หัวเราะและพูดว่า “ฉันยังไงก็ได้ แต่คนของฉันตามฉันมาไกลขนาดนี้ แถมยังถูกทำให้อับอายขายหน้าเช่นนี้อีก หากพวกเขาทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสมลงไป ฉันเองคงขวางพวกเขาไม่ได้หรอกนะ”
หวังเหมี่ยนโกรธจัด “เซี่ยหมิง เธอกล้าขู่ฉันเชียวหรือ?”
“เธออย่าลืมนะ ว่าที่นี่คือที่ไหน!”
เจ้านกแร้งอดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ไหว “เป็นอาณาเขตของพวกเธอแล้วยังไงหล่ะ? จินยีโหว ถ้าคิดเช่นนั้น เธอก็เรียกพวกเธอมาด้วยเลย หรือจะระดมยิงปืนใหญ่ใส่พวกเราหล่ะ!”
“ถ้าไม่กล้ารุมกันเข้ามา งั้นพวกเราเปลี่ยนวิธีก็ได้ ตัวต่อตัวกันไปเลย!”
“ตงไห่ของพวกแกมีคนต่อสู้เป็นไหมหล่ะ? หนึ่งต่อหนึ่ง เข้ามาเลย! กูรับเอง!”
ชายหนุ่มผู้นี้โอ้อวดแสนยานุภาพ เขาแทบจะอดรนทนรอไม่ไหวอยากที่จะฆ่าสังหารหมู่คนพวกนั้น เห็นชัดเจนว่าพวกเขาขี้เกียจใช้การเจรจาต่อรอง และเลือกใช้กำลังข่มขู่จัดการแทน
หวังเหมี่ยนโกรธจัดจนหน้าดำ แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่สามารถออกคำสั่งให้ใช้ปืนใหญ่ระดมยิงจู่โจมเซี่ยหมิงได้
แต่วิธีที่สองของ เจ้านกแร้ง มันทำได้แน่นอน นั่นคือ การต่อสู้แบบตัวต่อตัว
เป็นวิธีที่สามารถกำราบคู่ต่อสู้ และเป็นวิธีที่เรียกคืนศักดิ์ศรีกลับมาได้อีกด้วย
ถูกคนอื่นข่มขู่อย่างกำเริบเสิบสานในอาณาเขตของตนเองเช่นนี้ แม้ว่าหวังเหมี่ยนคิดอยากจะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติด้วยแล้ว แต่ในเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้คงอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วหล่ะ
“สู้ก็สู้สิ ใครกลัวกันหล่ะ”
“ใครก็ได้ ไปเอากระบองทองคำของฉันมา!”
เขายืนขึ้นด้วยสีหน้าอันโกรธจัด เขาต้องการลงมือจัดการกับคนยโสโอหังอย่าง เจ้านกแร้ง ด้วยตัวเอง
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที
กลิ่นดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว แค่เห็นก็รู้ว่ามันใกล้จะระเบิดแล้ว
ขณะนั้น มีเสียงตะโกนเข้ามาจากด้านนอก
“ราชาจั่วเจียน มาถึงแล้ว!”
“น้อมต้อนรับราชาจั่วเจียน!”
ราชาจั่วเจียน ,หวังเจี่ยนตามด้วยคนสนิทจำนวนหนึ่ง เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แค่เห็นเขา ร่างกายอันกำยำ เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายลม ใบหน้าเข้มงวด แววตาดุจดั่งเสือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...