คนกลุ่มนั้น ท่าทางยิ่งใหญ่เกรียงไกร ในที่สุดก็เดินเข้ามาถึงลานกว้างแห่งหนึ่ง
ประตูลานเปิดกว้างอยู่ ภายในและภายนอกลานนั้น มีธงโบกสะบัด ทุกสามก้าวมีหนึ่งคนคุม ทุกห้าก้าวมีหนึ่งป้อมยาม โดยรวมแล้วมีบอดี้การ์ดมากกว่าหนึ่งร้อยคนยืมคุ้มกันอยู่อย่างเข้มงวด
บรรยากาศ เคร่งขรึมน่าเกรงขาม ทั้งยังแฝงไปด้วยความพร้อมในการลงมือฆ่าอย่างชัดเจน
เซี่ยหมิง ไม่ไหวติงใดใด ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่ตลอด เขาเดินเข้ามาพร้อมกับ ราชาเปี้ยนและหวังหลี จนเข้าไปในเขตลานบ้าน
ลานบ้านอันกว้างใหญ่ โดยมีห้องโถงใหญ่จัดวางอยู่ตรงกลาง
เหนือประตูมีแผ่นป้ายดิ้นทองแขวนไว้ พร้อมกับตัวอักษรสามตัวที่เขียนไว้อย่างสวยสดงดงามว่า “ห้องประชุม”
ราชาเปี้ยนพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ที่นี่คือสถานที่ที่สำคัญที่สุดในตงไห่ของพวกเรา โดยปกติแล้วจะเปิดใช้เฉพาะในงานพิธีสำคัญๆ เท่านั้น”
“หวังเหมี่ยนรอคุณชายเซี่ยอยู่ที่นี่ นั่นแสดงว่าเขาให้ความสำคัญกับคุณชายเป็นอย่างมาก นับว่าเขายังพอรู้จักกาลเทศะอยู่บ้างเหมือนกัน”
“เชิญครับ คุณชายเซี่ย”
เซี่ยหมิง พยักหน้า ถูกคนที่รายล้อมอยู่นำก้าวเข้าไปด้านในห้องโถง
ภายในห้องประชุมนั้น บรรยากาศดูจริงจังเป็นอย่างมาก ข้างแถวเก้าอี้ด้านซ้ายมือ มีคนยืนอยู่หลายสิบคน
พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตงไห่ ซึ่งได้รับแจ้งให้มาร่วมการประชุม
ส่วนด้านขวาเว้นว่างอยู่ น่าจะเตรียมไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติ
เซี่ยหมิง ยิ้มและมองไปที่ตรงกลาง
ตรงกลางนั้นวางเก้าอี้ไว้สามตัว เก้าอี้ทางซ้ายและทางขวาว่างอยู่ ส่วนเก้าอี้ตรงกลาง มีชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาสง่างามน่าเกรงขามสวมชุดสีทองระยิบระยับ นั่งอยู่ตรงนั้น
ชายวัยกลางคนผู้นั้น จ้องมองมาที่เซี่ยหมิงด้วยเช่นกัน
เซี่ยหมิง ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาวุโสท่านนี้คงจะเป็นจินยีโหวของตงไห่ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศแน่ๆ ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว วันนี้ได้มาเห็นกับตา ช่างสง่างามเสียจริงๆ”
“เซี่ยหมิงขอคารวะ”
หวังเหมี่ยนพยักหน้าและพูดว่า “คุณชายเดินทางมาเหนื่อยๆ เชิญนั่งสิ”
“ขอบคุณมากครับ”เซี่ยหมิงทำตัวมีมารยาทมากๆ ราวกับเป็นสุภาพบุรุษที่ถ่อมตน หลังจากกล่าวคำขอบคุณแล้ว เขาก็นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวแรกของแถวขวา
เจ้านกแร้ง นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่สองถัดไปจากเขา
ส่วนคนที่เหลือถงอานและผู้ติดตามคนอื่นๆ ของเซี่ยหมิงที่ตามมาจากตอนเหนือ ก็นั่งลงกันตามลำดับ
ด้านซ้าย คนของตงไห่ ก็ค่อยๆ นั่งลงด้วยเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายนั่งจ้องตากัน ต่างไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอะไรกันก่อนดี บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง
ราชาเปี้ยนกระแอมขึ้นหนึ่งครั้ง และเดินวางมาดไปยังเวทีที่อยู่ตรงกลาง
จากนั้น ก็นั่งลงตรงเก้าอี้ด้านขวาของหวังเหมี่ยน
บนเวทีแห่งนี้ เดิมทีจะมีเพียงเก้าอี้ตัวใหญ่เพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นของผู้นำเกาะนั่นเอง แต่ตอนนี้ตำแหน่งของผู้นำเกาะว่างลง เช่นนั้นเรื่องราวต่างๆ ของตงไห่ จึงมีผู้รับผิดชอบมากถึงสามคน
ดังนั้นเดิมทีที่มีเก้าอี้แค่หนึ่งตัว ตอนนี้จึงกลายเป็นสามตัวไปโดยปริยาย
เก้าอี้ด้านซ้ายของหวังเหมี่ยนว่างอยู่ เพราะราชาจั่วเจียน ยังมาไม่ถึง
เมื่อเห็นผู้คนต่างไม่พูดจากัน ราชาเปี้ยนจึงมองไปยังหวังเหมี่ยน และถามเย้ยหยันไปว่า “นายท่าน ไม่ทราบว่าจะเริ่มกันได้หรือยัง?”
หวังเหมี่ยนขมวดคิ้ว แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ พร้อมกับหัวเราะและตอบกลับไปว่า “ไม่ทราบว่า ราชาเปี้ยนหมายถึงเรื่องอะไรงั้นหรือ”
ราชาเปี้ยนถอนใจอย่างเย็นชา และตอบอย่างไม่สบอารมณ์ไปว่า “คุณชายเซี่ยก็มาถึงแล้ว เธอยังแสร้งทำเป็นงุนงงอยู่อีกหรือ!”
“ทะเบียนสมรสของตระกูลเซี่ย อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้รับ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเหมี่ยนเจื่อนลงเล็กน้อย
ราชาเปี้ยนรู้สึกว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ ต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย อาจกล่าวได้ว่า เขาไม่เคยเห็นหวังเหมี่ยนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
เขายืนขึ้น และพูดเสียงดังขึ้นว่า “ท่านทั้งหลาย ตงไห่ของพวกเรา ตั้งแต่ที่ผู้นำเกาะเสียชีวิตลงด้วยอาการป่วย พวกเราก็กลายเป็นเรือที่ขาดหางเสือ”
“แม้ว่าตอนนี้จะยังสามารถรักษาสถานการณ์ต่างๆ ไว้ได้ แต่ก็พลาดโอกาสในการเติบโตและพัฒนาไปมากแล้ว สืบเนื่องจาก สถานการณ์ภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเราจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือที่แข็งแกร่งจากต่างประเทศ”
“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของการต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว พวกเราจำเป็นต้องมีพันธมิตรอันแข็งแกร่ง ถึงจะสามารถบรรลุถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ร่วมกันได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...