เมื่อได้ฟังคำแนะนำของหวังหลี แล้ว หวังเหมี่ยนยิ้มและพูดว่า “จริงด้วยสิ เซี่ยหมิงเป็นคุณชายแห่งตระกูลเซี่ย แกเองก็เป็นเจ้าชายแห่งตงไห่ของพวกเราเหมือนกัน”
“เจ้าชายต้อนรับเจ้าชาย ระดับชนชั้นเท่าเทียมกัน จะว่าไปก็เหมาะสมเข้าท่าจริงๆ แหละ”
“เช่นนั้นก็ดี เธอนำคนไปที่ท่าเรือเพื่อรอต้อนรับเขาแทนลุงก็แล้วกัน”
หวังหลี รีบคุกเข่าลงกับพื้น และลดศีรษะลงต่ำสุด
หวังเหมี่ยนหัวเราะและพูดว่า “ทำไมหรือ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
หวังหลี เอาศีรษะจรดลงกับพื้น
หวังเหมี่ยนหัวเราะและพูดว่า “พอแล้ว มีอะไรก็เงยหน้าขึ้นมาพูดเถอะ”
หวังหลี จึงยอมเงยหน้าขึ้นมองหวังเหมี่ยน พร้อมกับพูดด้วยความจริงใจว่า “ฉันเป็นเด็กกำพร้า มีวาสนาและโชคดีมากแค่ไหน ที่ผู้นำเกาะรับเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรม ยิ่งไปกว่านั้น ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวใหญ่ของตงไห่อีกด้วย”
“ฉันกับผู้นำเกาะ แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ในใจของฉัน ถือว่าผู้นำเกาะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของฉันมาโดยตลอด และเป็นคนสนิทใกล้ชิดที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว”
“หลังจากที่พ่อของฉันเสียชีวิตไป สถานการณ์โดยรวมของตงไห่ ยังดีที่มีจินยีโหวคอยดูแลจัดการ แถมยังดูแลพี่สาวของฉันเป็นอย่างดีอีกด้วย”
“ชีวิตของหวังหลี เป็นของตงไห่ ชั่วชีวิตนี้ ฉันขออุทิศและมอบเพื่อตงไห่ทั้งหมด”
“ยังไงก็ตาม ฉันกับผู้นำเกาะ แม้จะมีสถานะเป็นพ่อลูกกัน แต่ฉันก็ไม่กล้า และไม่มีทางกล้าที่จะยกตัวเองขึ้นเป็นคุณชายอะไรทั้งสิ้น”
“ฉันเป็นเพียงคนสามัญชนคนหนึ่งที่ตงไห่รับมาเลี้ยงดูเท่านั้นเอง”
“หากคุณลุงสงสัยในตัวฉัน ก็ฆ่าฉันได้เลย”
เมื่อเห็นหวังหลี คุกเข่าลงต่อหน้าตนและกล่าวด้วยวาจาอันเด็ดเดี่ยวด้วยความจริงใจแล้วนั้น หวังเหมี่ยนกลับรู้สึกเกรงใจอยู่บ้างเหมือนกัน
เมื่อครู่ตนเองจงใจใช้คำว่า “คุณชาย” เพื่อพูดฉีกหน้าหวังหลี ดูเหมือนเขากลายเป็นคนใจแคบมากๆ อย่างไรอย่างนั้นเลย
“เอาหล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“เธออยู่ตงไห่มานานหลายปี ทำคุณประโยชน์ให้กับตงไห่มาไม่น้อย เรื่องพวกนี้พวกเราล้วนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งกันดีอยู่แล้ว”
“เธอพูดถูก ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเราจะเสียมารยาทไม่ได้ มันเหมาะสมแล้ว ที่เธอจะไปทำหน้าที่ในครั้งนี้”
“รีบไปเถอะ ให้หม่าซือเย๋ไปพร้อมกับเธอด้วย และพาเซี่ยหมิงมาพบฉันที่นี่”
“รับทราบ!”หวังหลีน้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน และรีบเดินไปยังด้านนอกทันที
เมื่อเขาหันหลังกลับไป แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังดูซื่อๆ และจริงใจ แต่ในแววตาลึกๆ นั้น กลับมีทีท่าที่เปลี่ยนไป
นั้นคือความอัดอั้นตันใจที่เก็บกดมานาน ในที่สุดความทะเยอทะยานและความปรารถนาก็ได้ปลดปล่อยเสียที
“หวังหลี นายท่านว่าอย่างไรบ้าง?” ปากทางเข้าห้องโถง มีชายชราผมขาวคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา
หม่าซือเย๋ คนข้างกายของหวังเหมี่ยน กล่าวได้ว่า ผู้นำเกาะ หวังเหมี่ยน จินยีโหวสามารถดูแลจัดการสถานการณ์โดยรวมของตงไห่เอาไว้ได้ อย่างน้อยดูจากภายนอก ก็ไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นคุณงามความดีของ หม่าซือเย๋
อย่ามองว่าเขาไม่มีวิชาทักษะการต่อสู้ หวังเหมี่ยนมักพูดเสมอว่า ศักยภาพการต่อสู้ของหม่าซือเย๋นั้นเทียบชั้นได้กับปรมาจารย์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ซือเย๋”
เมื่อเห็น หม่าซือเย๋แล้วหวังหลี จึงรีบเก็บเขี้ยวเล็บกลับลงไปทันที เขาตอบด้วยท่าทีเคารพว่า “คุณลุงทบทวนแล้ว เห็นสมควรที่จะทำการต้อนรับให้สมเกียรติครับ”
“เขาไม่สะดวกออกหน้า เลยให้คุณไปที่ท่าเรือพร้อมกับฉัน”
หม่าซือเย๋ พยักหน้าและพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ที่ฉันรีบมาที่นี่ เพราะกลัวว่านายท่านจะหุนหันพลันแล่น และทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะสม”
“ยังไงแล้วตระกูลเซี่ยก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของภาคเหนือ ถ้าไม่ล่วงเกินได้ ก็อย่าล่วงเกินเป็นดีที่สุด”
“หวังหลี รีบไปกันเถอะ!”
ทั้งสองคน นำกำลังสำคัญไปด้วยจำนวนหนึ่ง รวมทั้งสิ้นยี่สิบกว่าคน เคลื่อนพลอย่างเกรียงไกรจนมาถึงท่าเรือ
เวลานี้ นอกจากเรือสำราญ เรือนายพลของเกาเหมิ่งที่ถูกสกัดกั้นโดยจินซานแล้ว ที่ไกลออกไป ยังมีเรือสำราญอีกลำหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ
นั่นคือเรือลำที่เซี่ยหมิงโดยสารมานั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...