บทที่107ไม่เลือกวิธีการ
จูนหยูนเสวี่ยไม่ได้โมโหหรือผิดหวังหรือแค้นอะไรนางมีผ้าคลุมหน้าอยู่มันคลุมหน้าอย่างมิดชิดไม่งั้นก็จะเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของนางนางไม่กล้าที่จะเอาหน้าแบบนี้ออกมาให้คนอื่นเห็นแน่
จูนหยูนเสวี่ยเดินเข้ามาใกล้พูดด้วยเสียงที่ผ่อนคลายนางพูดขึ้นมาว่า“ท่านรองอาจารย์ใหญ่อย่าโมโหไปเลยหยูนเสวี่ยจะได้จำนวนเมล็ดรึเปล่าไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญจริงๆคืออารมณ์ของท่ารองอย่าอารมณ์เสียเพราะเรื่องของหยูนเสวี่ยเลย”
“ใช่แล้วอาจารย์ท่านเห็นไหมว่าศิษย์พี่หยูนเสวี่ยเป็นห่วงท่านขนาดไหนท่านอย่าโมโหไปเลย”หลัวฉีเดินเข้ามาพูดด้วยอีกคน
พอได้ฟังคำพูดที่แสดงความเป็นห่วงออกมาเหอจงถอนหายใจไปหลายทีเขายังไม่สามารถรับกับเรื่องนี้ได้แต่กลับพูดเรื่องที่ไม่พอใจทั้งหมดให้จูนหยูนเสวี่ยกับหลัวฉีฟัง
พอจูนหยูนเสวี่ยได้ฟังใบหน้าหลังผ้าคลุมก็เปลี่ยนไปสายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ดูถูกนางงั้นเหรอ?
คนอย่างจูนหยูนเสวี่ยตั้งแต่เข้ามาในสำนักเทียนโจ้งก็เป็นเทพธิดาที่ลูกศิษย์ทุกคนต่างก็อิจฉาฝีมือของนางอยู่ในนักจิตชั้นสามเป็นคนที่โดดเด่นมากจำนวนเมล็ดนั้นมันควรจะเป็นของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่อาจารย์กลับบอกว่าดูถูกนาง?
ความโกรธนี้จะจำให้ขึ้นใจ
จูนหยูนเสวี่ยเปิดปากพูดทำท่าเหมือนคนน่าสงสารนางพูดด้วยเสียงที่มีความเศร้านิดๆ“เป็นความผิดของหยูนเสวี่ยเองที่ไม่ดูตัวเองแล้วยังทำให้ท่านรองต้องเดือดร้อนเพราะข้าอีกหยูนเสวี่ยขอขมาท่านรองณที่นี้ด้วย”
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนยังไม่ทันได้ก้มเอวลงไปเป็นอย่างที่คิดไว้เหอจงรีบเอามือขึ้นมาห้ามนางไว้ก่อน
เหอจงพูดความไม่พอใจออกมาโดยที่มีน้ำโห“หยูนเสวี่ยเรื่องนี้ข้าไม่โทษเจ้าถ้าจะโทษก็ควรโทษตาเฒ่าโล่ชิวเห้อที่เกินไป!ข้าเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักเทียนโจ้งถ้าข้าต้องการจำนวนเมล็ดแค่คนเดียวแล้วจะทำไม?แต่เขากลับไม่ให้ข้า”
“อาจารย์ข้าว่าอาจารย์ใหญ่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่มีท่านอาจารย์อยู่ในสายตา!ช่างน่ารังเกียจสักจริง!”หลัวฉีพูดความในใจออกมาโดนเหอจงจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธทันที
ไม่มีเขาอยู่ในสายตางั้นเหรอ?เหอจงรู้สึกว่าเขาโดนดูถูก
ในเวลานี้เองจูนหยูนเสวี่ยก็มีแสงแวบออกมาเสียงของนางมีความเย็นออกมาพร้อมกับพูดด้วยความโมโหที่เหอจงได้รับมานางพูดว่า“ท่านรองอย่าโกรธไปเลยข้ารู้สึกว่าที่ศิษย์น้องหลัวฉีพูดก็มีเหตุผล”
“หยูนเสวี่ยทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนี้?”
“ท่านรองนี้ไม่ใช่สิ่งที่หยูนเสวี่ยต้องการจะสื่อแต่มันคือความจริง!ท่านทำงานอย่างหนักเพื่อสำนักเทียนโจ้งมานานนับหลายสิบปีต่อให้ไม่มีผลงานก็ยังมีความพยายามสำหรับพวกเราที่เป็นลูกศิษย์แล้วท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่รองอาจารย์ใหญ่สำหรับใจของพวกเราแล้วท่านคืออาจารย์ใหญ่ของพวกเรา!”คำที่จูนหยูนเสวี่ยพูดออกมาล้วนตื่นเต้นมากพอนางเห็นว่าสีหน้าของเหอจงมีการเปลี่ยนแปลงนางจึงรีบใช้โอกาสนี้พูดต่อ“แต่โล่ชิวเห้อก็เกินไปเขาเอาอำนาจทั้งหมดของสำนักเทียนโจ้งอยู่ในกำมือของตัวเองไม่ยอมแบ่งให้อาจารย์ใหญ่อย่างท่านเลยเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอิจฉาท่านกลัวว่าพอท่านได้ใจของพวกเราแล้วมีอำนาจจะมาแย่งตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ไปจากเขา!”
เพื่อเอาใจของเหอจงจูนหยูนเสวี่ยจึงเรียกชื่อโล่ชิวเห้อออกมาแล้วเรียกเหอจงว่าอาจารย์ใหญ่
นี่มันตรงกับคำพูดที่อยู่ในใจของเหอจง!
ไม่มีทางที่เขาจะพอใจที่จะเป็นรองอาจารย์ใหญ่ไปชั่วชีวิตแต่ถ้าโล่ชิวเห้อยังอยู่เขาก็ไม่มีวันที่จะได้ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่มามีเพียงแค่ต้องถูกเขากดหัวตัวเองไม่มีทางได้เงยหัวเด็ดขาด
จูนหยูนเสวี่ยพูดกระซิก“ท่านอาจารย์ใหญ่หรือว่าท่านไม่คิดที่จะให้ความเป็นธรรมกับตัวเองเลยเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...