บทที่ 141 เฟิ่งเซียวเคยมาหานางหรือ?
เหอจงคือคนที่วางยาพิษลงในน้ำชาเพื่อฆ่าโล่ชิวเห้อ คนที่กิน แน่นอนว่าต้องเป็นคนถูกวางยา เขาจะต้องตรวจสอบก่อน เพื่อหาหลักฐาน พอถึงตอนนั้นจะดูสิว่าเหอจงจะบิดเบือนยังไง?
ให้พวกหรูมั่นหยิบกล่องอาหารไปที่สำนักตันเก๋อ เหอจงเดินเข้ามาในห้อง ใช้สายตารังเกลียดมองไปที่โล่ชิวเห้อที่นอนอยู่บนเตียง “ได้ยินแล้วล่ะสิ? ไอ่แก่เหอจงนั้นมาดูว่าเจ้ามีแผนการอะไร? เขาน่ะอยากให้แกตายเร็วๆด้วยซ้ำ”
“ข้ารู้ดี เป็นการลำบากที่ต้องให้ไท่ซ่างฮ่องมาช่วยข้า” โล่ชิวเห้อพยักหน้าพร้อมยิ้มอย่างยากลำบาก
“เอาล่ะ ” เฟิ่งเซียวสะบัดมือไปมา เขาไม่ชอบอารมณ์สึกลึกซึ้งอะไรแบบนี้ เฟิ่งเซียวพูดต่ออีกว่า “ตาแก่โล่ สถานการณ์ในเขาปู้หวังอันตรายมากๆ ข้าได้ยินลูกศิษย์สำนักไม่น้อยที่เล่ากันว่า มีคนถูกจับไปสอบสวนแล้ว เจ้าควรจะรีบจบการฝึกซ้อม ให้พวกเขารีบกลับมา”
“รุนแรงขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“เรื่องความเคลื่อนไหวของสิ่งของวิเศษที่ได้ปรากฏตัวขึ้น เจ้ามองไม่เห็น แต่คนพวกนั้นล้วนหาของวิเศษไม่เจอ แล้วเจ้าคิดว่าพวกเขาจะทำอะไร? หากมีการลงมือ พวกศิษย์ตัวจิ๋วจากสำนักเทียนโจ้ง ยังไม่พอให้พวกมันฆ่าเลย” เฟิ่งเซียวพูด
เมื่อได้ยินดังนั้น โล่ชิวเห้อรีบพยักหน้าตอบรับ จึงรีบออกคำสั่งไปที่เขาปู้หวังทันที เพื่อจบการฝึกซ้อมลง ให้ลูกศิษย์ทุกคนกลับมา
เฟิ่งเซียวรู้สึกพึงพอใจ ที่ครั้งนี้ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นแล้ว
นกพิราบส่งข่าวไปที่เขาปู้หวังอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ทราบว่าต้องจบการฝึกซ้อมก่อนเวลา ศิษย์สำนักเทียนโจ้งไม่มีคนที่ไม่พอใจ พวกเขาดีใจจนไม่ทันด้วยซ้ำ รีบจุดพลุบัตรเทียนโจ้ง เพื่อเตือนศิษย์คนอื่นๆที่ยังอยู่ในเขาปู้หวัง ให้รีบไปรวมตัวที่รอบนอก
พลุนั้น พวกจูนจิ่วมองเห็นแล้ว จูนหยูนเสวี่ยก็เห็นเช่นกัน
จูนจิ่วพูดขึ้นว่า “นี่สำนักเทียนโจ้งกำลังเรียกให้ลูกศิษย์กลับไปรวมตัวที่รอบนอก มีนัยเพื่อยุติการฝึกซ้อม พวกเจ้าได้แกนสัตว์กันพอหรือยัง?”
“พอแล้ว แม่นางจูนวางใจได้ หากพวกเราได้ที่สอง ไม่มีคนที่สามารถได้ที่หนึ่งแน่” หยูนเฉียวใช้มือตบตรงกระเป๋าคาดเอว ยิ้มแป้นอย่างปีติยินดี
ยิ่งมีตัวช่วยอย่างเครื่องหอมดึงดูดสัตว์ที่เป็นข้อได้เปรียบ ทำให้แกนสัตว์ของพวกเขามีมากจนนับไม่ถ้วน มีใครที่จะกล้าเทียบกับพวกเขาได้?
จูนเสี่ยวเหล่ยพยักหน้า “เตรียมตัวเสร็จแล้ว พี่สาวเก้าเราจะออกไปรวมตัวกันตอนนี้เลยหรือ?”
“ใช่ แผนการเดิมของพวกเราก็คือการไปที่เขาปู้หวังรอบนอก ตอนนี้การฝึกซ้อมจบลงก่อนเวลา ซึ่งมันยิ่งดีเสียอีก ไปเถอะ เราออกเดินทางกันเถอะ”
“ดี”
……
จูนหยูนเสวี่ยเห็นพลุแล้วเช่นกัน นางก้มหัวมองไปที่ผ้าพันแผลตรงเท้า สีหน้าดูหม่นหมอง
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา จูนหยูนเสวี่ยเงยหน้าขึ้นพร้อมรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าให้ดูงดงามเย่อหยิ่งดุจดอกบัวขาวทันที นางนั่งเฉียงอยู่ใต้ต้นไม้และพิงต้นไม้ไว้ด้วยความอ่อนแรง เมื่อเงยหน้ามองมา ใบหน้าที่งดงามเร้าใจคน ความเย็นเหยือกแต่แฝงด้วยความสง่างาม ชายใดที่ได้เห็นจำต้องเหม่อมอง ทั้งมุมปากยังเผยรอยยิ้มสดใส
มีหญิงงามคนหนึ่งยืนข้างกายชายผู้นั้น เมื่อนางเห็นก็ส่งสายตามองบนใส่และสายตาที่เฉียบคมโหดร้ายเหมือนมีดเพ่งมองมาที่จูนหยูนเสวี่ย
ชายผู้นั้นเดินก้าวเท้าใหญ่เข้ามาใกล้ ถามจูนหยูนเสวี่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “แม่นางจูน ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...