บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 152

บทที่ 152 ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน

เหอจงนั่งอยู่บนที่นอน สายตาของเขาแฝงด้วยความโหดร้ายอำมหิต เขารอตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ รออยู่ทั้งวัน จนฟ้าใกล้มืดสนิทแล้ว หลัวฉีถึงจะถูกคนหามกลับมา เหอจงเงยหน้าไปดู หลัวฉีที่ฉีดราดส่งกลิ่นเหม็นหื่น เหม็นจนเหอจงเกือบจะเป็นลมไป

สีหน้าที่นึกรังเกียจของเขา รีบโบกมือไล่ “ยกออกไป ยกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าสองคนอยู่ก่อน ว่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น?”

ซือถูซิวเป็นคนของเขา การไปฝึกฝนที่เขาปู้หว่งครั้งนี้ ซือถูซิวรายงานข่าวสารให้เขากับจูนหยูนเสวี่ยตลอดเวลา ดังนั้น เหอจงรู้เวลาที่คณะฝึกฝนจะกลับมาเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้ เหอจงจึงคิดแผนการชั่วร้ายอันหนึ่งออกมาได้

จูนจิ่วอยู่ท่ามกลางคณะทีมฝึกฝนด้วย เมื่อดูปฏิกิริยยาของเฟิ่งเซียวที่รักและทะนุถนอมจูนจิ่วมากขนาดนั้น แค่เพียงจับตัวจูนจิ่วไว้ได้ ยังจะกังวลว่าเฟิ่งเซียวจะเป็นศัตรูกับเขาอีกหรือ?

เขาไม่เชื่อหรอกว่า เมื่อเขากรีดหูและนิ้วมือของจูนจิ่วส่งไปให้ดูแล้ว และหากยังไม่พอ? ก็ฟันขาของจูนจิ่วเสีย เขาไม่เชื่อว่าเฟิ่งเซียวจะนิ่งดูดายอยู่ได้ ขอเพียงแค่ให้เฟิ่งเซียวอยู่ในกำมือเขา ลำดับต่อไปก็คือฆ่าโล่ชิวเห้อทิ้ง ส่วนเขาก็จะได้ขึ้นเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้ง

ถึงแม้ในตอนแรกจะมีปัญหา แต่ก็ยังสามารถแก้ไขได้อยู่

ดังนั้น เขาจึงสั่งให้หลัวฉีนำลูกศิษย์ที่ติดตามเขาอยู่จำนวนหนึ่งร้อยกว่าคนมุ่งตรงไป เดิมทีควรจะจับตัวจูนจิ่วได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่ารอตั้งแต่เช้าจนค่ำ สิ่งที่เหอจงรอกลับมาได้กลับเป็นสภาพของโล่ชิวเห้อในตอนนี้ เขาโกรธจนหายใจหอบ สายตาทั้งคู่เหมือนดั่งมีดที่อาบยาพิษมองจ้องไปที่ศิษย์ทั้งสองที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา

ทั้งสองคนหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด พูดจาไม่ออกสักคำ เหอจงโกรธจัด “พวกเศษสวะ”

เขาสะบัดแขนเสื้อทั้งสองคนก็ถูกโยนกระเด็นออกไป ซึ่งกระทบโดนบาดแผลบนร่างกาย เขารู้สึกเจ็บปวดจน ต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นจูนหยูนเสวี่ยที่มีสีหน้าขาวซีดเดินเข้ามา “หยูนเสวี่ยเจ้ากลับมาแล้ว”

“รองหัวหน้า เกิดเรื่องแล้ว จูนจิ่วบอกว่า นางสามารถทำให้โล่ชิวเห้อฟื้นคืนมาภายในสามวันและจะให้เขาพูดความจริงแก่ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้งเองว่าเกิดอะไรขึ้น”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ นางโกหก” เหอจงลุกขึ้นยืน ใบหน้าบึ้งตึง เขาพูดว่า “ยาพิษนั้นเจ้าเป็นคนให้ข้าเอง และเจ้าก็พูดเองว่า ยาพิษนั้นสามารถฆ่าโล่ชิวเห้อได้ แต่แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้โล่ชิวเห้อยังมีชีวิตอยู่”

“ตอนนี้เจ้ามาบอกข้าว่า โล่ชิวเห้อยังมีโอกาสรอดได้อีก? แผนการของพวกข้ากำลังจะถูกเปิดโปง? หยูนเสวี่ย ข้าอุตส่าห์เชื่อใจเจ้าขนาดนี้ เจ้าคงไม่ไร้ประโยชน์ถึงขั้นทำพลาดในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้หรอกนะ?”

เมื่อได้ยินเหอจงต่อว่า สีหน้าของจูนหยูนเสวี่ยวยิ่งดูน่าเกลียด

นางหาหินทิพย์ชั้นห้าไม่เจอ ตลอดทางกลับมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อกลับมาถึงก็เห็นจูนจิ่วต่อยคนพวกนั้นอย่างดุเดือด และยังพูดว่าสามารถช่วยโล่ชิวเห้อให้ฟื้นได้ จูนหยูนเสวี่ยยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัว ถูกเปิดโปงไม่ได้ จะให้โล่ชิวเห้อพูดความจริงไม่ได้เด็ดขาด

ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้แน่นอน

ถ้าหากแผนการชั่วของพวกเขาล้มเหลว และถูกเปิดโปงสู่ที่สาธารณะ ชีวิตนี้นางอย่าคิดว่าจะไปอู๋อจงเลย แค่ตั้งหลักปักฐานที่แคว้นเทียนโจ้งยังยากเลย ไม่ มันจะกลายเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

จูนหยูนเสวี่ยกำหมัดแน่น นางมองไปที่เหอจงอย่างจริงจัง “ฆ่าเขาเสีย ต้องรีบฆ่าโล่ชิวเห้อ”

“หื้ม เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากฆ่าเขาทิ้งหรือ? เฟิ่งเซียวเล่นเฝ้าอยู่ข้างกายเขาทั้งวัน ข่าวลวงที่ข้าปล่อยออกไปเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขาและยุแหย่ให้ลูกศิษย์สำนักเทียนโจ้งตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา แต่ก็ยังไม่สามารถเจอตัวโล่ชิวเห้อได้ แล้วก็ยังมีบาดแผลบนร่างกายข้าอีก โอ๊ย ไอ้เฟิ่งเซียวมันสมควรตาย ” เหอจงโกรธจนร้องตะโกนเสียง

จูนหยูนเสวี่ยพูด “งั้นพวกข้าก็คอยจ้องสังเกตการณ์ไว้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะไม่มีตอนที่เผยความบกพร่องบ้าง จากนั้นพวกข้าก็แค่ลงมือฆ่าโล่ชิวเห้อ และโยนความผิดว่าเป็นฝีมือของเฟิ่งเซียวกับจูนจิ่วที่เป็นคนฆ่าเขา พวกข้ายังสามารถพลิกผันแพ้เป็นชนะได้”

“ดี ทำตามแผนที่เจ้าบอก”

เหอจงและจูนหยูนเสวี่ยสบสายตากัน ทั้งสองสีหน้าถมึงทึงล้วนเป็นเพราะความตื่นตระหนก โกรธแค้น และโหดเหี้ยม พวกเขาเผยรอยยิ้มดุร้ายและสายตาอำมหิต

ครั้งนี้จะต้องชนะให้ได้

จูนหยูนเสวี่ยกลับไปรู้ว่า ตอนนี้จูนจิ่วไม่ได้อยู่ที่สำนักเทียนโจ้ง แต่กำลังไปที่วังหลวงแคว้นเทียนโจ้ง และกำลังหารือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวนางเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ