บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 153

สรุปบท บทที่ 153 จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

อ่านสรุป บทที่ 153 จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บทที่ บทที่ 153 จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 153 จิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า

เฟิ่งเซียวมองไปที่ฮ่องเต้ด้วยความเย็นชา สีหน้าผิดหวังมาก เขาข่มความโกรธเอาไว้ และเปิดปากพูดเสียงหนักแน่น “ทำไมเจ้าไม่ลองถามดูว่า เขาทำอะไรลงไป? จนทำให้เสี่ยวจิ่วต้องทำร้ายเขา”

“ไม่ว่าองค์ชายรัชทายาทจะกระทำผิดอันใด เขาเป็นรัชทายาทของแคว้นเทียนโจ้งและจะเป็นฮ่องเต้คนต่อไปในอนาคต ล้วนไม่สมควรที่จะต้องกลายเป็นแบบนี้ เสด็จพ่อ ทำไมท่านไม่ลองคิดดู หลานชายของท่านถูกกระทำจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ แคว้นเทียนโจ้งในอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร?” ฮ่องเต้โกรธจนเกือบจะกระทืบเท้าอยู่แล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิ่งเซียวที่ออกหน้าปกป้องจูนจิ่วท่าเดียวและเขาเองก็กลัวเฟิ่งเซียวละก็ เกรงว่าคงจะสั่งให้คนจับตัวจูนจิ่วไว้ตั้งนานแล้ว

ฮ่องเต้ทั้งโกรธและแค้นมาก ต่อให้จูนจิ่วจะเป็นลูกสาวของจูนหมิงเย่กับม่างตงก็ตามก็ไม่มีสิทธิทำร้ายองค์ชายรัชทายาทเด็ดขาด นัยน์ตาฮ่องเต้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ร้อนแรง “จูนจิ่ว เจ้ากำลังดูหมิ่นอำนาจแห่งราชวงศ์ ดูแคลนศักดิ์ศรีของจักรพรรดิ เจ้าจะตั้งตนเป็นศัตรูกับแคว้นเทียนโจ้งทั้งแคว้นเลยหรือ?”

“ข้าสามารถทำให้เจ้ามีลูกได้อีก ไม่เพียงแค่คนเดียว”

“อะไรนะ?” คำพูดของจูนจิ่ว ทำให้ฮ่องเต้ตกตะลึง นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่

จูนจิ่วพิงไปตรงเสาด้านหลังอย่างขี้เกียจ เงยหน้าช้าๆมองไปทางฮ่องเต้ ที่จริงนางแค่เงยหน้าเฉยๆ กลับทำให้ฮ่องเต้รู้สึกว่านางกำลังมองเขาด้วยสายตาขวาง ต่อด้วย เขาฟังจูนจิ่วพูด

จูนจิ่วพูด “เฟิ่งเทียนฉี่มีคุณสมบัติฮ่องเต้ที่เหมาะสมแล้วจริงหรือ? ที่เขาสามารถนั่งครองตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทไว้อย่างมั่นคง นั่นเป็นเพราะเขาเป็นองค์ชายเพียงหนึ่งเดียว ถ้าหากให้เขาที่โง่เขลาสืบทอดบัลลังก์จริงๆ เวลาสิ้นยุคของแคว้นเทียนโจ้งก็อยู่ไม่ไกลแล้ว”

“เจ้า” ฮ่องเต้ที่เพิ่งชี้นิ้วไปที่จูนจิ่วกลับถูกเฟิ่งเซียวใช้ฝ่ามือตบให้วางลง

เฟิ่งเซียวทำเสียงเย้ยหยัน “ชี้นิ้วอะไรกัน หุบปากแล้วฟังเสี่ยวจิ่วพูดให้จบก่อน”

ฮ่องเต้ตกตะลึงตาค้าง นี่ยังเป็นเสด็จพ่อของเขาอยู่ไหม? เชื่อฟังคำพูดของจูนจิ่วถึงเพียงนี้ ปกป้องจูนจิ่วเหมือนกับทหารผู้ติดตามก็มิป่าน ไม่หลงเหลือมาดความเป็นไท่ซ่างฮ่องเลยแม้แต่น้อย

“เฟิ่งเทียนฉี่ก็ทุพพลภาพไปแล้ว ฮ่องเต้แค่ให้กำเนิดลูกๆอีกหลายๆคน อบรมเลี้ยงดูใหม่ คงไม่โง่และไร้ประโยชน์เหมือนเฟิ่งเทียนฉี่อีกหรอกมั้ง?”

“เจ้าเด็กหญิงน้อยช่างไร้ยางอายเสียจริง การมีลูกใช่ว่าจะมีก็มีได้เลย?” ฮ่องเต้ถลึงตาใส่

เขาเองก็ใช่ว่าไม่อยากมีลูกอีก แต่ว่าตอนนั้นลูกสองคนล้วนเสียชีวิตจากไป สภาพร่างกายของฮองเฮาได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถมีลูกได้อีก ส่วนเขาก็ถูกไท่ซ่างฮ่องกำชับว่าจะต้องซื่อสัตย์ต่อฮองเฮาไม่แปรเปลี่ยนและไม่สามารถมีสนมนางในได้ มิเช่นนั้นเขาคงมีลูกไม่รู้เท่าไหร่เป็นเท่าไหร่ไม่ตั้งนานแล้ว

จูนจิ่วหัวเราะ “ข้าเคยพูดแล้ว ข้าสามารถทำให้เจ้ามีลูกได้อีก ซึ่งมันก็ต้องมีวิธีอยู่แล้ว”

“ฮองเฮาล่ะ? ไปเรียกฮองเฮามา ให้เสี่ยวจิ่วดูอาการของนางหน่อย อาจเป็นไปได้ว่าก่อนตรุษจีนปีนี้ พวกเจ้าอาจจะตั้งครรภ์ลูกชายก็เป็นได้” เฟิ่งเซียวออกคำสั่งขันทีและนางกำนัลโดยตรง ให้ไปเชิญฮองเฮามาที่นี่

ฮ่องเต้ที่มองดูอยู่ ตกตะลึงตาค้าง

สีหน้าแบบนั้น เชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าเฟิ่งเซียวจะต้องถูกประตูหนีบหัวแล้วแน่ๆ ถึงได้เชื่อใจจูนจิ่วขนาดนี้ เด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงวัยแต่งงาน จะมีทักษะทางการแพทย์ได้อย่างไร? การที่ข้างนอกเลื่องลือกันเรื่องหมอเทวดาจูนจิ่ว มันก็แค่เรื่องหลอกลวง เชื่อได้หรือ?

แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเฟิ่งเซียว ฮ่องเต้ทำได้เพียงอัดอั้นอารมณ์ไว้ สายตาอาฆาตเหมือนกำลังโยนมีดไปที่ร่างกายของจูนจิ่ว

พวกเขามาถึงตำหนักด้านข้าง ฮองเฮาเดินเข้ามาหาโดยที่มีคนคอยดูแลอยู่รอบตัว แต่ว่าหลังจากที่เห็นเฟิ่งเซียว ฮองเฮารีบผลักคนซ้ายขวาออก ยกกระโปรงขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปเอง โค้งคำนับเฟิ่งเซียวด้วยความสง่างามและจริงจัง “ขอกราบบังคมเสด็จพ่อ ขอให้เสด็จพ่อทรงพระเกษมสำราญสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์”

“ชิวชิว รีบลุกขึ้นมานั่งเร็ว นี่คือเสี่ยวจิ่ว ให้นางช่วยเจ้าตรวจดูร่างกายหน่อย ดูสิว่าควรจะบำรุงรักษาอย่างไร” เฟิ่งเซียวโบกมือเรียกฮองเฮา

ฮ่องเต้ประหลาดใจ “ฮองเฮา ตอนนั้นเจ้ากระแทกโดนก้อนหินจริงหรือ?”

“ใช่” ฮองเฮาไม่แม้แต่จะมองฮ่องเต้ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ภายใต้สายตากลับแฝงความโกรธแค้นเอาไว้

จูนจิ่วไม่มีกะจิตกะใจไปสนว่าในใจของฮองเฮาเก็บซ่อนความโกรธแค้นเรื่องใดไว้ นางเขียนรายการยาไปสองแผ่น หลังจากส่งมอบให้กับฮองเฮาแล้ว จึงพูดว่า “ถึงแม้จะกลายเป็นโรคประจำตัว แต่ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ นี่คือสูตรยาสองแผ่น แผ่นหนึ่งเป็นยาที่ต้องต้มสุก ซึ่งมันง่ายมาก ส่วนอีกแผ่นหนึ่งจำเป็นต้องให้นักกลั่นยาเป็นคนกลั่นยา หากไม่มีคนสามารถกลั่นออกมาได้ เจ้าสามารถไปซื้อที่งานประมูลของบ้านตระกูลหยูน”

“นั่นเป็นยาที่เจ้าเป็นคนกลั่นเองถูกไหม?” ฮองเฮาถาม

จูนจิ่วพยักหน้าตอบรับ ฮองเฮากระตุกยิ้มมุมปาก นางมองไปทางเฟิ่งเซียวและมองมาทางจูนจิ่ว เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ฮองเฮาเอ่ยปาก “แม่นางจูนหมายความว่า ร่างกายของข้ายังพอมีทางรอดและยังสามารถตั้งครรภ์ได้อีกงงั้นหรือ?”

“ใช่”

“ดี งั้นในที่สุดข้าก็สามารถพูดความจริงได้สักที เสด็จพ่อ ฮ่องเต้ ตอนนั้นตอนที่ข้าแท้งลูกมันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะองค์ชายรัชทายาท ไอ้สารเลวนั้นต่างหากที่ผลักข้า ทำให้ข้าต้องแท้งลูกไป”

“อะไรนะ” เฟิ่งเซียวกับฮ่องเต้พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างตกตะลึง

นัยน์ตาของฮองเฮาเต็มไปด้วยความโกรธ “พวกท่านไม่เชื่อข้าหรือ? ในตอนนั้นหมอหลวงมาตรวจท้องข้าและวินิจฉัยว่าในท้องข้าจะเป็นองค์ชายน้อย จากนั้นไม่นานองค์ชายรัชทายาทก็เชิญข้าไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้และเขาก็ผลักข้า ซึ่งเขาเองก็เป็นลูกชายแท้ๆของข้าเช่นกัน ข้าจะทำลายเขาได้ลงคอหรือ? ”

“ความอำมหิตโหดร้ายแบบนี้ จิตใจมันเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า เขากลัวว่าลูกในท้องของข้าจะไปแย่งตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของเขา หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าตอนนั้นผลวินิจฉัยคือข้าตั้งท้องไม่ได้อีก และเหลือเพียงเขาที่เป็นลูกชายคนเดียวในการสืบทอดบัลลังก์ ข้าจะทนเก็บเรื่องนี้มาจนถึงวันนี้ทำไม ต้องทนเขามาทั้งหมดแปดปีเต็มๆ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ