บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 169

บทที่ 169 หากเป็นผู้ชายก็อย่าปอดแหก

นางต้องการให้จูนจิ่วล้มลงไป และอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคน

จูนหยูนเสวี่ยคิดว่านางออกตัวเร็วแล้วจะไม่มีใครสังเกตเห็น ทว่าทุกอย่างกลับอยู่ในสายตาของจูนจิ่ว แต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จูนจิ่วยกเท้าขึ้นมาแล้วเดินข้ามไป พร้อมเหยียบเท้าลงไปอย่างหนักหน่วง เสียงกระดูกหัก'คะชะ'

“โอ๊ย” จูนหยูนเสวี่ยกรีดร้องเจ็บปวดพร้อมกุมเท้าไว้

เพื่อนางจะได้แอบลอบทำร้ายจูนจิ่วจึงไปยืนอยู่ตรงขอบเวที ทีนี้นางโน้มตัวไปกุมเท้าไว้ กู่ซงยื่นมือไปผลักหลังนางเบา จูนหยูนเสวี่ยเสียการทรงตัวทันที ตกจากบนเวทีประลองหน้าคว่ำเลย

จูนหยูนเสวี่ยกรีดร้องโหยหวนยิ่งกว่าเดิม ตอนที่นางลุกขึ้นมาผ้าปิดหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด เสียงโห่ร้องดังขึ้นทั่วสนามฝึกซ้อมวิทยายุทธ จูนหยูนเสวี่ยทั้งโกรธทั้งแค้น กุมใบหน้าไว้แล้วหันหน้ากลับไป เดินขากะเผลกออกจากสนามฝึกซ้อม เนื่องด้วยใบหน้านางเต็มไปด้วยเลือด ผ้าปิดหน้าบิดเบี้ยวจึงไม่มีใครดูหน้านางออก

กู่ซงเอ่ยปากพูด “แบบนี้เขาเรียกว่าขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ”

“ถูกต้อง สมควรแล้วล่ะ” จูนเสี่ยวเหล่ยพูดเสียงเย็นชา กอดแขนตรงอก หากไม่ใช่เป็นเพราะกู่ซงลงมือเร็วกว่านาง นางไม่ผลักอย่างเดียวหรอก นางจะถีบสองทีแรงๆเลยแหละถึงจะระบายความโกรธได้

คิดมลอบทำลายพี่สาวเก้า ชั่วร้ายอำมหิตจริงๆ น่าเกลียดที่สุด

จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ “ไปเถอะ อย่ากระทบหยูนเฉียวแข่งขัน”

“ดี”

เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นเพียงเรื่องแทรกหนึ่งเท่านั้น แต่ที่นั่งตรงแขก กลับไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องแทรกอย่างเดียว อู๋ซ่านที่สถานะสูงส่ง ฉะนั้นตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเหอซ่านไม่ได้เกรงกลัวเหมือนซูเหินพวกเขา อู๋ซ่านพูดเชิงล้อเล่น “ท่านเหอ คนนี้ท่านเลือกจากที่ไหน ทำไมดูเหมือนจะแคกๆ”

เหอซ่าน “……”

ใบหน้าเขาอึมครึม สีหน้าไม่พอใจ

คนอื่นอาจจะดูไม่ออก แต่เขามองเห็น จูนหยูนเสวี่ยยื่นเท้าออกไปก่อนหวังลอบเล่นงานจูนจิ่ว การที่ตกลงไปก็เป็นเพราะนางรนหาที่เอง หากมีความแค้นก็แก้แค้นอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย ฆ่าคนตายก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การลอบทำร้ายด้วยวิธีสกปรก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขาดศีลธรรมอันดี เหอซ่านรู้ว่าตนดูคนผิดไป

ในตอนแรก เห็นได้ชัดว่าจูนหยูนเสวี่ยเสแสร้งทั้งนั้น นี่เป็นเหตุบังเอิญที่นางอดใจไม่ไหวจนเผลอเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ฉะนั้น เหอซ่านไม่ได้ตามไปตรวจดูบาดแผลของจูนหยูนเสวี่ย

ตอนนี้เขากำลังใคร่ครวญ ป้ายคำสั่งอยู่ในมือของจูนหยูนเสวี่ย แต่จูนจิ่วมีหน้าตาเหมือนฮูหยินและแม่ทัพมาก อีกอย่างอายุของจูนหยูนเสวี่ยและจูนจิ่วต่างกันอย่างเห็นได้ชัดช แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแม่นายอายุเท่าไหร่

หลังจากที่แม่ทัพกับฮูหยินเกิดเรื่อง ก็ขาดการติดต่อกับพวกเขาสองปีเต็มๆ จากนั้นได้รับจดหมายลับ จึงเริ่มเปิดคลังสมบัติของแม่ทัพ และนำของมีค่าส่งไปที่จวนจูนทุกปี หนึ่งเพื่อส่งเสริมแม่นายฝึกซ้อม สองเพื่อตอบแทนบุญคุณตระกูลจูนที่เลี้ยงดูแม่นาย สิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับแม่นายมีเพียงข่าวในจดหมายของซั่งกวนอี่หรงเท่านั้น

ตอนนี้ตระกูลจูนดับสิ้นไปแล้ว อยากจะสืบหาข่าวคราว เหอซ่านทำได้เพียงค่อยๆตรวจสอบ สายตาของเจาจ้องไปที่ตัวของจูนจิ่ว ไม่อาจละสายตาได้

เสียงหัวเราะของอู๋ซานส่งผ่านมา “ท่านเหอสนใจจูนจิ่วเช่นกันหรือ? นี่ไม่ได้นะ ท่านเลือกคนไปแล้ว จูนจิ่วคนนี้ต้องเป็นคนของสำนักตันจง”

“สำนักตันจงต้องการจูนจิ่ว?” ซูเหินตกตะลึงอุทานออกมา

“แน่นอน ข้ายอมรับภารกิจการคัดเลือกศิษย์ดีเด่นนี้ด้วยตัวเอง ก็เพื่อต้องการเห็นหมอเทวดาจูนจิ่วที่ชื่อเสียงโด่งดังไกลถึงสิบแคว้นนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่รู้ความเก่งกาจ ทว่าแค่ใบหน้างดงามนั้น สำนักตันจงรับไว้แน่นอน ต่อให้นางไม่เก่งเรื่องการกลั่นยาก็ไม่เป็นไร เก็บนางไว้ในสำนักเป็นดาวประจำสำนักก็ชื่นหูชื่นตาดี?

เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ซาน ชิวหยุนหยุนอิจฉาจนต้องโต้กลับ “ศิษย์พี่อู๋ซาน พี่พูดเช่นนี้ ศิษย์พี่ยู่ซินจะโกรธได้นะ”

อู๋ซานตัดบท “ฮ่าๆๆ ดูการแข่งขันเถอะ”

ที่ไม่อยากพูดต่อเป็นเพราะว่าอู๋ซานรู้สึกแผ่นหลังขนลุกซู่เย็นวูบๆ เหมือนมีมีดทางสายตาโยนเข้าใส่ตัวเขา ส่วนอู๋ซานมองไปรอบๆ กลับไม่พบใคร

หนึ่งในมีดทางสายตาคือเฟิ่งเซียวที่กำลังกัดฟันแน่น “ข้าจะบอกเสี่ยวจิ่ว อย่าไปที่ตันจง ลูกศิษย์เจ้าสำนักตันจงดูผิดแปลกไม่ปกติ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ