บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 206

สรุปบท บทที่ 206 จูนหยูนเสวี่ยนางตัวกำมะลอ: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

สรุปเนื้อหา บทที่ 206 จูนหยูนเสวี่ยนางตัวกำมะลอ – บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บท บทที่ 206 จูนหยูนเสวี่ยนางตัวกำมะลอ ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 206 จูนหยูนเสวี่ยนางตัวกำมะลอ

จูนจิ่วเหมือนจูนหมิงเย่กับฮูหยินไหม? คำตอบคือ เหมือน รูปร่างหน้าตาเหมือนจนไร้ที่ติ ทว่ามาดอำนาจและความเฉลียวฉลาดของนางนั้น ถือว่าอยู่เหนือกว่าจูนหมิงเย่พวกเขา

เหอซ่านและโจ่ฉีทำงานรับใช้จูนหมิงเย่มานานนับยี่สิบปี พวกเขารู้จักศีลธรรมปัญญาของจูนหมิงเย่เป็นอย่างดี และรู้จักนิสัยใจคอของฮูหยิม่างตงด้วย แต่ว่าตอนนี้ทั้งสองกลับมีความรู้สึกตามสัญชาตญาณว่า หากตอนนี้จูนหมิงเย่พวกเขายังอยู่และได้เจอตัวจูนจิ่วก็คงรู้สึกปวดหัวเช่นกัน

จูนจิ่วฉลาดและโหดร้ายมาก แผนการของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้น กลับถูกมองทะลุผ่านจนหมดเปลือก

โจ่ฉีนั่งคุกเข่าคำนับอย่างเงียบๆ และก้มหัวลงพูดว่า “แม่นาย”

เหอซ่านที่เห็นการกระทำของโจ่ฉี ไม่ได้โต้แย้งใดๆยอมนั่งคุกเข่าคำนับเช่นเดียวกัน เอ่ยปากขานเรียกจูนจิ่วว่าแม่นายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว คนโง่เขลายังรู้เลยว่าจูนจิ่วรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว

เหอซ่านไม่เข้าใจ เขาเอ่ยปากถามว่า “เหอซ่านอยากเรียนถามแม่นายว่าทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

“พวกเจ้ารู้ว่าลูกสาวของจูนหมิงเย่อยู่ตระกูลจูน แต่กลับไม่รู้ชื่อสกุล ไม่รู้อายุ และยิ่งไม่รู้ว่าเด็กทารกคนนั้นคือเฟิ่งเซียวไท่ซ่างฮ่องแห่งแคว้นเทียนโจ้งเป็นคนอุ้มไปไว้ที่บ้านของตระกูลจูน หรือว่าพวกเจ้าอาจจะตรวจสอบให้ละเอียดอีกสักนิด และสอบถามเฟิ่งเซียวดูก็คงไม่ต้องมาโดนจูนหยูนเสวี่ยหลอกเอาได้ ”

“พวกข้าไม่ได้โดนหลอก” โจ่ฉีที่ดึงสติกลับมารีบเอ่ยปากพูด

“ไม่ได้โดนหลอก?” จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น นางพูดต่อไปอีกว่า “หากไม่ได้โดนหลอก แล้วทำไมจูนหยูนเสวี่ยถึงเข้าร่วมการคัดเลือกสิทธิลูกศิษย์ดีเด่นได้? ถ้าหากไม่ได้โดนหลอก ทำไมเขาต้องตกตะลึงสงสัยตอนที่เห็นหน้าข้าด้วย?”

สายตาของจูนจิ่วตกไปที่ร่างกายของเหอซ่าน ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ท่าทางทะนงตนไม่สนใจใคร

นางรู้หมดแล้ว

เหอซ่านตกใจอยู่ลึกๆ ที่แท้ทุกอย่างล้วนหนีไม่พ้นสายตาของจูนจิ่ว นี่มันต้องฉลาดแสนกลมากเพียงใด เหอซ่านทั้งตื่นเต้นและตกตะลึง แม่นายเก่งกาจเช่นนี้นับว่าเป็นบุญของกองทัพเย่สิง

เหอซ่านเปิดปากพูด “แม่นายพูดไม่ผิด ในมือของจูนหยูนเสวี่ยมีป้ายคำสั่ง ของวิเศษที่กองทัพเย่สิงมอบให้นางก็มี ดังนั้นจึงไม่ได้สงสัยในสถานะของจูนหยูนเสวี่ย แต่หลังจากที่ได้เห็นแม่นาย ข้ารู้สึกความไม่ชอบมาพากลทันที”

“เพราะว่าข้ามีหน้าตาคล้ายคลึงฮูหยินของจูนหมิงเย่หรือ?”

เมื่อได้ยินจูนจิ่วขานชื่อของจูนหมิงเย่ตรงๆ เหอซ่านและโจ่ฉีขมวดคิ้วแน่น เหอซ่านพยักหน้าตอบรับ และพูดต่อไปว่า “ใช่ แม่นายท่านมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับท่านแม่ทัพและฮูหยินมาก และนี่ก็คือสาเหตุแรกที่ทำให้ข้าสงสัยจูนหยูนเสวี่ยนางตัวกำมะลอคนนี้”

“แม่นาย พวกข้าไม่ได้หมายความจะให้จูนหยูนเสวี่ยสวมรอยสถานะของท่านนะ ทั้งหมดนี้ล้วนมีสาเหตุ” โจ่ฉีกลัวว่าจูนจิ่วจะเข้าใจผิดจึงรีบพูดออกไป

จูนจิ่วหรี่ตาลงและยกคิ้วขึ้นสูง “ว่ามา”

โจ่ฉีและเหอซ่านสบตาเข้าหากัน สีหน้าแลดูสับสนมาก สุดท้ายเหอซ่านเป็นคนเอ่ยปากพูด “ทุกอย่างจะต้องเล่าจากเมื่อสิบห้าปีก่อน ตอนนั้นฮูหยินยังไม่ได้ท้องแม่นาย”

เหอซ่านเอ่ยปากพูด น้ำเสียงที่ดูหนักแน่นทุ้มต่ำตามอายุที่ชราภาพลอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เขาบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านไปนานมาแล้วให้กับจูนจิ่ว และเป็นเพราะเรื่องราวนี้ที่ทำให้ชีวิตของเจ้าของร่างเปลี่ยนไป และนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วในอดีต

เฟิ่งเซียวเคยพูดถึงม่างตงแม่ของจูนจิ่วว่าเป็นคนที่มาจากต่างแดน แต่กลับไม่เคยพูดถึงสถานะของม่างตงเลย

จากปากของเหอซ่าน ทราบว่าเป็นเพราะสถานะของม่างตงเป็นเหตุชนวนสงครามครั้งใหญ่ ในส่วนของรายละเอียดพวกเขาไม่ทราบ รู้เพียงว่ามีคนลักพาตัวม่วงตงไป และจูนหมิงเย่ได้นำกองทัพเย่สิงตามฆ่าไปตลอดทาง สงครามครั้งนั้นเกิด หุบเขาเสว่กุย เกิดการฆ่าฟันกันสามคืนสามวันจนเลือดหลั่งไหลเป็นลำธาร

มาถึงข้อสาม เหอซ่านกับโจ่ฉีนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วค่อยเปิดปากพูด “การตัดสินใจให้จูนหยูนเสวี่ยสวมรอยแม่นายเป็นการชั่วคราวนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของท่าน”

“เพื่อข้า?” จูนจิ่วหัวเราะออกมา น่าสนใจดี

กลัวว่าจูนจิ่วจะไม่เชื่อ เห่อซ่านรีบพูดอธิบาย “แม่นายอาจจะไม่ทราบ คนชั่วพวกนั้นซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ หลายปีมานี้จ้องเล่นงานกองทัพเย่สิงมาโดยตลอด กองทัพเย่สิงจึงต้องซ่อนตัวอยู่ที่อู๋อจงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และไม่กล้ากลับแคว้นเทียนโจ้ง เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตามฆ่ามาถึงที่แคว้นเทียนโจ้งและพบตัวแม่นายจนได้

จูนจิ่วกระพริบตาถี่ๆ อันนี้นางรู้แล้ว เฟิ่งเซียวเคยพูดไว้เช่นกัน การที่ปลอมตัวนางเป็นลูกสาวของจูนชิงเซียวคุณชายสามแห่งตระกูลจูน ก็เพื่อปกป้องนาง

แต่สิ่งที่จูนจิ่วไม่เข้าใจคือ ในเมื่อคนเหล่านั้นได้ฆ่าสองสามีภรรยาจูนหมิงเย่แล้ว ทำไมยังต้องตามฆ่านางที่เป็นแค่ทารกไร้เดียงสาด้วยล่ะ? นี่มันฟังดูแล้วประหลาดมาก และไม่สมเหตุสมผลเลย จูนจิ่วเงยหน้ามองไปทางโม่อู๋เยว่ เขายืนอยู่ในที่มืดทำให้เห็นสีหน้าไม่ชัดเจน ทว่าจูนจิ่วรู้สึกได้ว่าโม่อู๋เยว่ไม่เคยละสายตาไปจากตัวนางเลย

โจ่ฉีพูด “เพื่อความปลอดภันของแม่นาย และล่อคนเหล่านั้นออกมา พวกข้าจึงตัดสินใจให้จูนหยูนเสวี่ยสวมรอยและปกป้องดูแลแม่นายในที่ลับ”

“ปกป้อง? ข้าไม่ได้ต้องการให้พวกเจ้ามาปกป้อง อีกอย่างสิ่งที่ข้ารำคาญมากที่สุดก็คือใครก็ตามที่สวมรอยสถานะของข้า ไม่ว่าจะดีหรือร้ายล้วนไม่ได้ ” น้ำเสียงของจูนจิ่วฟังดูเยือกเย็น จนรู้สึกได้ถึงอำนาจที่กดดันทำให้คนหายใจไม่ทั่วท้อง

นัยน์ตาของโจ่ฉีและเหอซ่านฉายแววตกใจ เป็นอำนาจที่ทรงพลังจริงๆ

จูนจิ่วเป็นแค่เด็กสาวที่อายุเพียงสิบสี่ปีเองไม่ใช่หรือ? ทำไมความรู้สึกที่ให้พวกเขากลับเหมือนจูนหมิงเย่ในอดีต ที่มีความยิ่งใหญ่ ทำให้คนยอมจำนนศิโรราบ

เหอซ่านเปิดปากพูด เขาพูดว่า “แม่นายโปรดประทานอภัยด้วย พวกข้าจะจัดการจูนหยูนเสวี่ยนางตัวกำมะลอนี้ทิ้งเสียบัดเดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ เก็บนางไว้ให้ข้าดีๆ” สายตาของจูนจิ่วมองข้ามผ่านโจ่ฉีพวกเขาทั้งสอง และสายตาโหดเหี้ยมทารุณตกไปที่ร่างกายของจูนหยูนเสวี่ย จูนจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก หัวเราะออกมาอย่างคนกระหายเลือด “ความคิดที่ว่าจะใช้นางเป็นตัวล่อคนพวกนั้นออกมาดีมาก แต่ว่าแผนการข้าขอปรับแก้หน่อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ