บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 273

สรุปบท บทที่ 273 มิอาจกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

อ่านสรุป บทที่ 273 มิอาจกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บทที่ บทที่ 273 มิอาจกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 273 มิอาจกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา

เทียนฉิวโจมตีสำนักเทียนอู่จง ในตอนแรกแสนราบรื่น แต่สุดท้ายถึงขนาดถูกคนซัดโจมตีจนถอยร่น ไม่เพียงเท่านี้ ทุกคนในเทียนฉิวมีเพียงหงยิงที่หนีออกมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสอยู่เหมือนกัน ได้ยินข่าวว่าทุกผู้คนต่างตื่นตกใจใหดาเปรียบกันทั้งนั้น!

หงยิงเป็นถึงนักจิตใหญ่ ผู้ใดจักสามารถทำร้ายนางได้?

ตอนนี้จูนจิ่วกลับโพล่งออกมาจากปากว่านางเองที่ทำร้ายหงยิง! หลังจากตื่นตกใจ เจ้าสำนักเจี้ยนจงก็ติบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาแรกคือไม่เชื่อ! นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

เพื่อความตื่นตัวและกริ่งเกรงจนพาลโกรธเมื่อสักครู่ของตน เจ้าสำนักเจี้ยนจงเบิกตาจ้องไปทางจูนจิ่วพลางกล่าวว่า “น่าขัน! จูนจิ่วเจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ? เจ้าก็แค่นักจิตชั้นสี่ขี้ปะติ๋ว...”

น้ำเสียงนั้นหยุดลงกะทันหัน รูม่านตาของเจ้าสำนักเจี้ยนจงหดเล็กลงทันใด จูนจิ่วเป็นถึงนักจิตชั้นสี่! ! นางเพิ่งอายุกี่ปีกัน? อย่างมากก็คงสิบห้าปีกระมัง แต่ถึงขนาดเป็นนักจิตชั้นสี่เลยทีเดียว พรสวรรค์น่ากลัวผิดมนุษย์มนาเยี่ยงนี้ ถ้าหากให้เวลาและโอกาสแก่จูนจิ่ว อนาคตจักเติบโตขึ้นมาอย่างน่ากลัวสักเพียงใดกัน?

ฆ่านางเสีย! จักต้องฆ่านางให้ได้ มิอาจปล่อยให้นางเติบโตขึ้นเป็นมหันตภัยของข้าได้เป็นอันขาด

ดวงตาฉายแววอำมหิต เจ้าสำนักเจี้ยนจงถอดดาบพุ่งไปทางจูนจิ่ว ไอสังหารเกรียวกราวน่าสะพึง! ตอนนี้เขาไม่อยากจับตัวจูนจิ่วแล้ว แต่อยากฆ่านางต่างหาก!

“อาจารย์อาระวัง!” หวางฉี่อ๋างตะโกนลั่น

เขาเพิ่งจะเปล่งเสียงออกมา เบื้องหน้าก็หวดลมระลอกหนึ่งขึ้นมา หวางฉี่อ๋างมองเห็นจูนจิ่วเป็นฝ่ายมุ่งหน้าไปทางเจ้าสำนักเจี้ยนจงเอง ความเร็วนั้นระวาดระไวเสียจนพวกเขาตามไม่ทัน หวางฉี่อ๋างร้อง “อาจารย์อา!”

นั่นเป็นถึงเจ้าสำนักเจี้ยนจงนักจิตชั้นเก้าผู้แข็งแกร่งที่สุกในห้าสำนักเชียว ไฉนอาจารย์อายังลุยดะหน้าไปอยู่เล่า!

ฉึก....

กระบี่คมซึ่งไอสังหารพวยพุ่งร่วงหล่น ใบหน้าของเจ้าสำนักเจี้ยนจงฉายแววเยาะหยันและบิดเบี้ยว ไม่ดูความสามารถตัวเอง! อย่างไรก็ตามครู่ต่อมา เจ้าสำนักเจี้ยนจงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ เห็นเพียงแต่จูนจิ่วหมุนกายขวับ ไวยิ่งกว่ากระบี่ของเขาเสียอีก หลบเลี่ยงอย่างง่ายดาย ข้อมือพลิกหมุนป๋ายเย่หวดเฉือนขึ้นมาด้านบน

กระบี่สองเล่มฟันปะทะกัน ชิ้ง!

ทั้งสองหดกายถอยร่นออกไป สีหน้าของจูนจิ่วเย็นชาระคนบ้าดีเดือด ส่วนเจ้าสำนักเจี้ยนจงกลับเต็มไปด้วยความระทึกขวัญ ช่างทรงพลังเสียนี่กระไร! ข้อมือของเขาสั่นระริกน้อยๆ พลังที่เพิ่งฟันปะทะกันเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกปวดแปลบ

เจ้าสนักเจี้ยนจงตกใจยิ่งนัก นี่คือวิชาฝึกตนระดับที่สาม จูนจิ่วเสียสติแล้วหรือ? อายุน้อยเยาว์วัย ถึงชั้นวิชาฝึกตนบรรลุถึงระดับที่สามแล้ว ฆ่านางเสีย จักต้องบีบคอจอมมารเช่นนี้ตายคาอู่ มิเช่นนั้นหากจูนจิ่วแก้แค้นในอนาคต ยังจะมีโอกาสให้เขารอดชีวิตอยู่อีกหรือ?

ไอสังหารควบแน่นในดวงตา เจ้าสำนักเจี้ยนจงเสียบจ้วงกระบี่ไปทางจูนจิ่วอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะต้องไว้ยิ่งกว่าจูนจิ่ว มิอาจปล่อยให้นางหลบเลี่ยงไปอีกเด็ดขาด

สายตาเย็นยะเยือกมองเจ้าสำนักเจี้ยนจงแล้วพุ่งปราดเข้ามาอีกครั้ง จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมาสีนภาปราดหนึ่งอย่างกะทันหัน เมฆคลุ้มลอยออกมาจากจันทร์กระจ่าง แสงสว่างเรืองรองอบอุ่น เงื้อมือชูกระบี่ขึ้น จูนจิ่วหันหน้าไปทางแสงจันทราพอดี ป๋ายเย่สะท้อนหักเหแสงกระบี่ส่องปลาบไปที่ดวงตาของเจ้าสำนักเจี้ยนจง

เจ้าสำนักเจี้ยนจงยกมือขึ้นบังโดยสัญชาตญาณ ยามที่รู้สึกว่ามีบางอย่างชอบกล ลมเย็นเยียบพุ่งประดังหน้าเจตนาสังหารไหวพลิ้ว เจ้าไสนักเจี้ยนจงเบิกตากว้างมองเห็นจูนจิ่วอยู่ห่างจากตนเพียงแค่คืบ ในมือของเขามีกริชสีดำคมกริบอยู่เล่มหนึ่ง ฉึก!

ข้อมือปวดแปลบ โยว่ยิงลากเส้นจากข้อมือเจ้าสำนักเจี้ยนจงมาถึงท่อนแขนแหวกเป็นปากแผลเหวอะหวะทางหนึ่ง ผิวหนังปลิ้นออกมาเผยให้เห็นแกนกระดูกสีเขาเล็กน้อย เจ้าสำนักเจี้ยนจงร้องโอดครวญ “อ้าก! นังแพศยา!”

จูนจิ่วร่นกายถอยหลังประหนึ่งประจุอสนี คำรามเสียงตำกับพวกจูนเสี่ยวเหลยว่า “ไป!”

“คิดหนี? ฝันหวานไปเถอะ! อ้าก มือข้า...” เจ้าสำนักเจี้ยนจงก้าวขาหมายจะไล่ตามออกไป ทว่าชั่วขณะนั้นพลันมึนชาตั้งแต่จุดที่เป็นแผลลากยาวมาจนถึงกายครึ่งท่อน กดทับลงมาอย่างสยดสยอง ไม่นานเจ้าสำนักเจี้ยนจงก็รู้สึกมึนชาทั่วกายาพยพยากจะขยับเขยื้อน

มีพิษ!

เจ้าสำนักเจี้ยนจงมองขวับไปที่บาดแผลบนข้อมือ จูนจิ่วยังใช้พิษได้อีกด้วย! ใช่แล้วนางยังเป็นนักกลั่นยาด้วยนี่...น่ากลัว! นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ไฉนถึงทำได้ไปหมดทุกอย่าง

“พี่จิ่ว เจ้าสำนักเจี้ยนจงไม่ได้ไล่ตามมา!” จูนเสี่ยวเหลยเหลียวมองไปทางเบื้องหลังก่อนเอ่ยปาก

จูนจิ่วโยนเหยียนไห่ออก หยุดชะงักแล้วกำกระบี่หมุนกายไป นางเอ่ยปากอย่างเย็นชา “พวกเจ้าไปก่อนเลย”

“ไม่ อาจารย์อาท่านไปก่อน!”

“พี่จิ่วท่านไปก่อน! พวกเราจะตามไปทีหลัง”

จูนจิ่วชำเลืองตามองพวกเขาอย่างเย็นชา ปริปากตวาดลั่น “พวกเจ้าจะเดินไปเอง หรือจะให้ข้ายันพวกเจ้าเข้าไป เลือกเอาเอง!”

“พวกเราเข้าไปก่อนเถิด พวกเราอยู่ต่อรังแต่จะเป็นตัวถ่วงจูนจิ่วเอา” เหยียนไห่โน้มน้าวจูนเสี่ยวเหลยและหวางฉี่อ๋างให้เข้าไป แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้ไปไหน เขายืนยืนอยู่ข้างสะพานไม้พลางถอดดาบออก “จูนจิ่วเจ้าเข้าไปเถิด ข้าจะอยู่ตัดสะพานเอง”

“ไม่ทันกาลแล้ว”

เวลาที่ตัดสะพาน พวกทหารไล่ล่าที่ตามมาข้างหลังก็คงโถมเข้ามาตั้งแต่ต้น

แว่วยินเสียงร้องตวาดลั่นของทหารไล่ล่าดังลอยมาแต่ไกล “จูนจิ่วเลิกคิดหนีเสียเถิด!”

มากันแล้ว!

ขบวนคนกลุ่มหนึ่งโดยมีผู้อาวุโสเจี้ยนจงและผู้อาวุโสชางไห่จงนำทัพจำนวนทั้งสิ้นสี่สิบห้าสิบคนเต็มๆ พวกเขามองเห็นสะพานไม้เบื้องหลังของพวกเขา สีหน้าปั้นยากยิ่งนัก

ผู้อาวุโสเจี้ยนจงผู้นำทัพเอ่ยปาก “จูนจิ่ว พวกเจ้าหนีไม่พ้นแล้ว! ยอมให้จับโดยละม่อมเสียดีๆ ส่วนเจ้าสารเลวเหยียนไห่ ยังไม่รีบเข้ามาช่วยจับตัวจูนจิ่วเอาไว้อีก!”

“ผู้อาวุโสรอง ข้ามิอาจกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาได้” เหยียนไห่ส่ายหน้า ทำเอาผู้อาวุโสเจี้ยนจงโกรธจนเบิกตาโพลง “เหยียนไห่ เจ้าหมายความพวกเรากินบนเรือนขี้รดบนหลังคากระนั้นหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ