บทที่29ไม่ใช่คนบ้าก็ต้องเป็นปีศาจ – ตอนที่ต้องอ่านของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
ตอนนี้ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่29ไม่ใช่คนบ้าก็ต้องเป็นปีศาจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่29ไม่ใช่คนบ้าก็ต้องเป็นปีศาจ
“แกะออกแล้ว!”
แสงอาทิตย์ส่องกระทบไปยังภายในของหินดิบที่ถูกเปิดออกแสงเปล่งประกายสะท้อนออกมาคือแสงสีที่เต็มไปด้วยความงดงามปราณที่ประณีตบริสุทธิ์เต็มล้นทะลักออกมาเสียงซุบซิบนินทาวาจาทิ่มแทงเหล่านั้นก็สลายหายวับไป
ทุกคนต่างพากันถลึงตาโตมองด้วยความตกตะลึง!
หินทิพย์!
คิดไม่ถึงว่าที่เปิดออกมาจะมีหินทิพย์!
หยูนเฉียวยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างบางๆ“ขอแสดงความยินดีกับแม่นางจูนด้วยที่เพิ่งแกะออกมันเป็นหินทิพย์”
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ก้อนที่เขาเป็นผู้เลือกแต่ทว่าของจูนจิ่วแกะออกมาก็เป็นหินทิพย์เหมือนกันนั่นก็ทำให้หยูนเฉียวรู้สึกโล่งหายใจได้ทั่วท้องชนะก็ดีแล้ว
จูนหวั่นเอ๋อร์มองดูด้วยสายตาที่ดูเขลาลงไปถนัดนางเบิกตาโตจดจ้องทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเป็นไปได้อย่างไร!นางเปิดออกมาเป็นหินทิพย์ได้อย่างไร?เจ้าเด็กน้อยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าผู้นี้สามารถแกะหินทิพย์ออกมาได้อย่างไร
จูนจิ่วไม่ได้สนใจจูนหวั่นเอ๋อร์เลยด้วยซ้ำกลับหยิบหินดิบก้อนอื่นๆที่เหลืออยู่นำออกมาให้ช่างแกะหินช่วยเปิดออก
หินแต่ละก้อนที่ถูกแกะออกมาทำให้ผู้คนทั่วทั้งลานต่างต้องตกใจตื่นตะลึงอ้าปากหวออย่างโง่เขลา
คาดไม่ถึงว่านาง……คาดไม่ถึงเลยว่าหินดิบทุกก้อนที่เปิดออกจะมีหินทิพย์อยู่ข้างใน!
สร้างความสั่นสะเทือนก้องไปทั่วทั้งงานชมหินทุกคนต่างพากันล้อมวงเข้ามาดูสายตาที่พวกเขาจับจ้องไปที่จูนจิ่วเหมือนเห็นคนเสียสติคนหนึ่งอายุอานามเพียงเท่านี้แต่ทว่ากลับสามารถคัดสรรหินดิบที่มีหินทิพย์ซ่อนตัวหากไม่ใช่คนบ้าก็ต้องเป็นปีศาจ
หยูนเฉียวเองก็มองไปที่จูนจิ่วอย่างตกตะลึงเช่นกันจูนจิ่วไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่พวกเขาต่างพากันตกตะลึงราวกับไม่ได้สัมผัสเลยด้วยซ้ำนางให้ผู้ดูแลนำหินทิพย์เก็บใส่ห่อรวบรวมเอาไว้เมื่อจัดแจงเสร็จถึงหันมามองที่จูนหวั่นเอ๋อร์ด้วยสายตาที่เรียบเฉย“เจ้าแพ้แล้วทำตามข้อที่ตกลงเอาไว้ซะ”
“อะไรนะ!”
จูนหวั่นเอ๋อร์ใจเต้นไม่เป็นระส่ำให้นางต้องคุกเข่าขอโทษต่อจูนจิ่วผู้นี้น่ะหรือ?ไม่มีวัน!อย่าฝันไปนักเลย!
ดวงตานางจ้องมองเขม็งค่อยๆก้าวเท้าถอยหลัง“คุณหนูผู้นี้ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไร!”
“ไม่รู้?”จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้นยิ้มออกมาอย่างเย็นชา“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจช่วยทบทวนความจำให้เจ้าเสียหน่อย”
เสียงของนางเยือกเย็นอย่างไร้หัวใจราวกับถือปลายดาบพุ่งตรงเข้ามาหมายมาดว่าต้องเอาเลือดออกมาล้างแค้นให้ได้
นางคงยังไม่รู้เป็นแน่จูนจิ่วก็สกัดเข้าที่จุดชาของนางไม่คุกเข่าถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้คิดว่าจะมีวันยืนขึ้นมาได้อีก
เบื้องหน้าของนางคิดจะเล่นตลกบิดพลิ้วทำเป็นจำสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ไม่ได้ไม่มีวันเสียหรอก
จูนจิ่ว:“จูนหวั่นเอ๋อร์เจ้าอย่าชักช้าทำให้ต้องเสียเวลาทุกคนไปมากกว่านี้”
“นังคนต่ำช้าเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?ข้าคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลจูนเจ้ากล้าที่จะทำแบบนี้กับข้าใช่ไหม?”
จูนเหลยลุกขึ้นเดินออกมาสีหน้าหมองคล้ำอย่างไม่น่าดูจูนหวั่นเอ๋อร์ครั้งนี้สร้างความอับอายให้ไม่เพียงแต่เมืองเฟิงหลัวเท่านั้นหากข่าวนี้แพร่ออกไปก็จะกระทบชื่อเสียงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงของพวกเขาด้วยแต่เขาหาได้พูดออกไปไม่สายตาของหยูนเฉียวที่จดจ้องมาจากฝั่งตรงข้ามมองเขาด้วยความเย็นชาทำให้จูนเหลยต้องหยุดค้างลง
หยูนเฉียวกล่าว“ถ้าไม่เช่นนั้นหรือเจ้าจะมาเป็นคนคุกเข่าแทนนาง?”
แบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไร!
จูนเหลยรีบจ้องไปที่จูนหวั่นเอ๋อร์พูดออกมาด้วยเสียงอันไร้เรี่ยวแรง:“จูนหวั่นเอ๋อร์เจ้ายังมัวงงอยู่ทำไมกันเหตุใดจึงไม่รีบขอโทษจากนั้นก็คุกเข่าไปตามทางที่จะไปขึ้นเขา”
ทั้งหมดต้องโทษจูนหวั่นเอ๋อร์คนเดียวตัวเองโง่เขลาเบาปัญญาคิดสร้างเรื่องทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนการพนันแบบนี้รนหาเรื่องเอง!แล้วทำไมต้องให้เขายื่นมือไปช่วย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...