บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 298

บทที่ 298 ตันจงไม่อาจสูญสิ้นได้

หน้าตาหล่อเหลากระจ่างใส กล้าหาญชาญชัยทำให้ยากที่จะลืม แต่ข้างกายเขากลับมีคนโผล่มากลางอากาศ ม่านตาของจูนจิ่วเกร็งเล็กลง เผยแววประหลาดใจ ทั้งสองมีหน้าตาที่เหมือนกัน ฝาแฝด

ไม่เพียงแต่หน้าตา แม้แต่ความสูงก็เท่ากัน มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือน คนหลังนั้นเย็นชาราวกับล่องลอยอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ประสานสายตาเข้ากับนางจากที่ไกลออกไป ในแววตาของเขามีแววเย็นชาวาบผ่านไป

“เจ้าเป็นใคร มาช่วยตันจงหรือ”ชิงหยู่ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว ชักดาบชี้ไปที่ทั้งสองคน ฝู้หลินจ้านยกสองมือขึ้น ท่าทีบริสุทธิ์เป็นมิตร เขากะพริบตามองไปยังจูนจิ่ว “หมอเทวดาจูนจิ่ว ข้าคือฝู้หลินจ้านท่านยังจำได้หรือไม่ ข้าไม่ได้มาช่วยตันจง ที่จริงข้ามาช่วยพวกท่านต่างหาก”

“ช่วยพวกเรา”จูนจิ่วเลิกคิ้วเอ่ยขึ้น “เจ้าคิดว่าพวกเราต้องการความช่วยเหลือหรือ”การทำลายสำนักตันจงนั้นเป็นบทสรุปที่ได้กำหนดไว้แล้ว นางเพียงแต่ต้องการยืนอยู่กับโม่อู๋เยว่ ยกน้ำชาแทะเมล็ดแตงโม มองตันจงเดินเข้าสู่การสูญสลายอย่างผ่อนคลายสบายใจ ช่วยเหลือ จูนจิ่วคิดจนรอบแล้วก็ไม่พบว่าตนเองจะต้องการความช่วยเหลืออะไร

นางมองไปยังฝู้หลินจ้านทั้งสองคน ฝู้หลินจ้านพยักหน้า “แน่นอน แม่นางจูน จะทำลายสำนักตันจงไม่ได้ เจ้าสำนักตันจงได้จ่ายค่าตอบแทนแล้ว ที่สมควรให้อภัยก็ควรอภัย”

“ที่สมควรอภัยก็ควรให้อภัย หากวันนี้เป็นสำนักเทียนอู่จงของข้าต้องเผชิญกับการทำลายสำนัก ตันจงจะปล่อยพวกข้าหรือไม่ แน่นอนว่าไม่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร หากไม่หลีกไปตอนนี้ ก็จะลงเอยเหมือนกับตันจง เป็นศัตรูกับข้า ”จูนจิ่วพูด

สายตาของนางเย็นชากระหายเลือด มุมปากมีรอยยิ้มโหดเหี้ยมแฝงอยู่

ฝู้หลินจ้านเผชิญหน้าจูนจิ่ว อ้าปากขึ้นแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่กลับเป็นฝู้หลินซวงที่อยู่ด้านหลังเขาเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้พวกท่านมาเพื่อทำลายสำนักตันจง วันข้างหน้าสำนักศึกษาทั้งสามไม่มีทางปล่อยพวกท่านไปแน่”

จูนจิ่ว “พวกเจ้าเป็นคนของสำนักศึกษาทั้งสาม”

“พวกเจ้าเป็นคนของสำนักศึกษาทั้งสาม ช่วยข้าด้วย รีบช่วยตันจงของข้า ฆ่าพวกมัน”เมิ่งจื้อหยวนได้ยินดังนั้น ก็รีบคลานเข้ามาอย่างตื่นเต้นจะกอดขาของฝู้หลินจ้าน ฝู้หลินจ้านขมวดคิ้วเบี่ยงตัวหลบ เตะเมิ่งจื้อหยวนจนกระเด็นออกไป

ฝู้หลินจ้านตบที่ขาของตนอย่างรังเกียจ “ข้าไม่ได้มาช่วยเจ้า แม่นางจูน ท่านคิดดูดีๆ ตันจงส่งยาให้กับสำนักศึกษาทั้งสามตลอดมา และยังมีความสงบสุขของทั้งห้าสำนักสิบประเทศที่ถูกทำลายลงทั้งหมด สำนักศึกษาทั้งสามต้องส่งคนออกมาตรวจสอบแน่ ถึงตอนนั้นสำนักเทียนอู่จงของท่านคงต้องเดือดร้อนแน่”

ฝู้หลินจ้านมองไปยังจูนจิ่ว ท่าทีจริงใจ สามารถมองออกถึงความจริงของเขาจากสายตา เหมือนดังที่เขาพูด เขามาช่วยจูนจิ่วจริงๆ แต่ไม่ใช่เมิ่งจื้อหยวนของตันจง เขากำลังเตือนจูนจิ่ว ทั้งห้าสำนักสิบประเทศเป็นสำนักศึกษาทั้งสามกำหนดขึ้น แต่หากถูกทำลายจนเสียสมดุลแล้ว สำนักเทียนอู่จงต้องแบกรับความกราดเกรี้ยวของสำนักศึกษาทั้งสาม

“จูนจิ่ว ไม่ว่าอย่างไร สำนักหุ้นหยวนของข้าก็ยืนอยู่ข้างเจ้า” กู่ซงกล่าวขึ้นอย่างซาบซึ้ง ผู้อาวุโสถูฉีจะห้ามก็ห้ามไม่อยู่

จูนจิ่วกลั่นยาให้เขา กู่ซงเอายากลับไปให้พี่ชายเขาซึ่งก็คือเจ้าสำนักหุ้นหยวนกิน โรคร้ายที่กัดกินเขามาหลายปีได้หายเป็นปลิดทิ้ง ฉะนั้นกู่ซงจึงพูดเกลี้ยกล่อมให้สำนักหุ้นหยวนออกจากความเป็นกลางมาได้ ยืนอยู่ข้างหลังสำนักเทียนอู่จง

โจ๋วชิวก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่นาย สำนักเจี้ยนจงจะเป็นดาบคมในมือท่าน”

“ศิษย์น้อง อย่าได้กลัวสำนักศึกษาทั้งสามเลย ข้าจะปกป้องเจ้าด้วยชีวิต ใครก็ไม่อาจหยุดการทำลายสำนักตันจงได้ ”ชิงหยู่เก็บรอยยิ้มเสเพล สายตาจ้องมองไปยังจูนจิ่วอย่างเป็นประกาย

จูนจิ่วยิ้มมองไปยังฝู้หลินจ้านทั้งสองคน “ได้ยินหรือยัง ทำลายตันจง ไม่มีใครขวางได้”

“เจ้า”

“อีกอย่าง ไม่มีตันจงยังมีข้า ขอเพียงสำนักศึกษาทั้งสามยอมจ่ายเงิน ยาของหมอเทวดาจูนจิ่วก็ย่อมขายให้”

ฝู้หลินจ้านอ้าปาก ไร้คำพูด ตอนนี้เองมีมือหนึ่งวางลงบนไหล่ของเขา ฝู้หลินซวงเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าห้ามพวกเขาไม่ได้ หลีกไปเถอะ”

“หลินซวง แต่ว่า ……”ประสานสายตาเข้ากับฝู้หลินซวง ฝู้หลินจ้านถอนหายใจเดินตามเขาไปอยู่ด้านข้าง แม้ว่าตอนแรกเขาจะถูกความงามของจูนจิ่วสะกดไว้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมในฝีมือการกลั่นยาของจูนจิ่ว แม้แต่สำนักศึกษาทั้งสามเองก็ยากจะหาคนที่จะมาเทียบกับนางได้ หากวันนี้นางทำลายสำนักตันจง สำนักศึกษาทั้งสามโกรธเกรี้ยว เช่นนั้นก็คงต้องแย่แน่ๆ

ไม่มีคนสนใจพวกฝู้หลินจ้าน ผู้คนกรูกันเข้าไป เกิดความชุลมุนขึ้น

จูนจิ่วเดินออกจากตรงกลางของเวทีประลองเห้อ บนที่นั่งดูเวทีเสี่ยวอู๋พุ่งเข้ามาในอ้อมอกของนาง อุ้มเสี่ยวอู๋เงยหน้าขึ้น โม่อู๋เยว่ยืนย้อนแสงอยู่ข้างหน้า ดวงตาที่ผ่านการอำพรางแล้วมีแสงสีทองวาบผ่าน จูนจิ่วยิ้ม “สิ้นสุดแล้ว”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีความสุขหรือไม่ ”

“มีความสุข แต่ว่ายังมีปัญหาอีกนิดหน่อยต้องจัดการ”จูนจิ่วอุ้มเสี่ยวอู่หันกลับไป เห็นฝู้หลินซวงเดินเข้ามาหานางก่อนแล้ว ด้านหลังจึงเป็นฝู้หลินจ้าน

เสียงต่ำของโม่อู๋เยว่ส่งผ่านเข้ามาในหู เส้นเสียงเต็มไปด้วยความอันตราย เขาพูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ชอบใจ สามารถฆ่าพวกเขาได้”โม่อู๋เยว่ส่งสายตา เหลิ่งยวนที่ซ่อนตัวอยู่ก็ เตรียมพร้อมที่จะลงมือฆ่าสองพี่น้องฝาแฝด

รับรู้ได้ถึงความอันตราย ฝู้หลินซวงหยุดเท้าและยื่นมือขวางฝู้หลินจ้านเอาไว้ เขาใช้สายตาเย็นชามองไปรอบๆ ไม่เห็นความไม่ชอบมาพากลจึงก้มมองจูนจิ่ว

จูนจิ่ว “พวกเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี กลับเป็นมิตรด้วยซ้ำไป”

จุดนี้ ทำให้จูนจิ่วรู้สึกประหลาดใจ

นางกับฝู้หลินจ้านเจอกันครั้งแรก เขาไม่รู้จักนาง เพียงแต่มาพนันด้วยความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ตอนนี้เจอกันครั้งที่สอง ฝู้หลินจ้ายออกมาห้ามนาง เตือนกับนางว่าอย่าเป็นปรปักษ์กับสำนักศึกษาทั้งสาม พวกเขาก็แค่พบกันโดยบังเอิญ ทำไมจึงต้องทำเช่นนี้

โม่อู๋เยว่เห็นสายตาของจูนจิ่วมีแววประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็นต่อฝาแฝดคู่นี้ แววตาลึกล้ำขึ้นหลายส่วน

“หมอเทวดาจูนจิ่ว ”ฝู้หลินซวงเพียงแต่แจ้งเตือนแต่ไม่ได้เดินเข้าไป เขายืนอยู่ตรงข้ามมองจูนจิ่วเย็นๆ เปิดปากพูดขึ้นว่า“สำนักศึกษาทั้งสามไม่นานก็ต้องมา ท่านเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน ข้าแปลกใจมากทำไมพวกเจ้าต้องเตือนข้าด้วย พวกเราไม่รู้จักกัน และก็ไม่ได้มีเกี่ยวข้องอะไรกัน”จูนจิ่วโต้กลับฝู้หลินซวง

ฝู้หลินซวงไม่คิด พูดออกไปว่า “พวกเราชื่นชมผู้กล้า และท่านก็ไม่เลว”

“เพียงเท่านี้หรือ”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าฝู้หลินจ้านมีชีวิตอยู่มายี่สิบสองปี ท่านเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่เคยพบมา มีใครบ้างจะไม่เสียดายที่หญิงงามต้องตายก่อนวัยควร ”ฝู้หลินจ้านปากเร็ว พูดออกไป

ฝู้หลินซวง……

จูนจิ่ว……

“เรื่องเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้น ”น้ำเสียงของโม่อู๋เยว่แหบพร่าอันตราย ราวกับส่งผ่านมาจากสวรรค์ แต่ละคำมีความกดดันอย่างไร้ที่สิ้นสุด ฝู้หลินจ้านไม่ทันได้ระวังด้านหลังหนักอึ้ง หากไม่ใช่เพราะฝู้หลินซวงมือเร็วถึงเขาไว้ เกรงว่าหน้าคงจะคะมำลงไปกับพื้นจนฟันหัก แต่ฝู้หลินซวงลากเขาเอาไว้ ควบคุมการสั่นไหวของร่างกายอย่างยากลำบาก

โม่อู๋เยว่กุมมือของจูนจิ่วเอาไว้ สิบนิ้วประสานแน่น จูนจิ่วทำได้เพียงอุ้มเสี่ยวอู่ด้วยมือเดียว

เลิกคิ้วสงสัย โม่อู๋เยว่ทำอะไรกัน

โม่อู๋เยว่ “มีข้าอยู่ข้างกายเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ นับประสาอะไรกับสำนักศึกษาทั้งสาม พวกเขาไม่รู้กาลเทศะ ตันจงก็คือกระจกเงาสะท้อนให้พวกเขาเห็น”

ม่านตาของพี่น้องฝาแฝดหดเขม็งทันที สีหน้าขาวซีด

“ไสหัวไปซะ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่ข้านั้นไม่แน่”โม่อู๋เยว่กุมมือของจูนจิ่วอย่างเอาแต่ใจ เต็มไปด้วยความปรารถนา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ