บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 299

บทที่ 299 สำนักศึกษาทั้งสาม

ตันจงก็คือกระจกสะท้อนเงา ฝู้หลินจ้านฝีเท้าชะงัก เขาหันกลับไปมองบนเขาตันจง ไฟลุกไหม้ควันดำโขมง ตันจงถูกทำลายลงแล้ว พวกเขาเห็นกับตาว่าเจ้าสำนักตันจงเมิ่งจื้อหยวนถูกชิงหยู่ใช้ดาบฟันจนหัวขาด

“เขาเป็นใคร ถึงไม่เห็นสำนักศึกษาทั้งสามอยู่ในสายตา พูดกระทั่งว่าตันจงก็คือกระจกสะท้อนเงของสำนักศึกษาทั้งสาม ”ในหัวของฝู้หลินจ้านมีแววตาของโม่อู๋เยว่ผุดขึ้นมา ทั้งตัวแข็งทื่อ เหงื่อเย็นไหลท่วม

ฝู้หลินซวงแววตาขรึมลง เอ่ยเสียงเย็น“เขาแข็งแกร่งมาก บางทีอาจมีแค่พวกอาจารย์จึงจะต่อกรกับเขาได้ ”

“เจ้ากำลังพูดว่าเป็นนักจิตใหญ่ระดับเจ็ดหรือ”

“ไม่”ฝู้หลินซวงส่ายหัว เขาเองรีบปัดการคาดเดาเมื่อครู่ออกไป ครุ่นคิดอย่างเคร่งขรึมฝู้หลินซวงพูดอย่างหนักอึ้ง “เกินกว่านักจิตใหญ่ระดับเจ็ด บางทีอาจเป็นระดับแปด ระดับเก้า หรือบางทีอาจเป็นราชาทิพย์”

มีเพียงราชาทิพย์ จึงจะมีความสามารถในการพลิกไปมาตามอำเภอใจเช่นนี้ กล้าพูดว่าจะทำลายสำนักศึกษาทั้งสามของเขา แล้วบุรุษที่แข็งแกร่งลึกลับคนนั้นเป็นราชาทิพย์หรือยังไง

ฝู้หลินจ้านตกตะลึงไม่กล้าเชื่อ “จะเป็นราชาทิพย์ได้อย่างไร ก็แค่ทั้งห้าสำนักสิบประเทศเล็กๆ แม้แต่นักจิตใหญ่ยังไม่มี แล้วจะมีราชาทิพย์ที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามได้อย่างไร”

ทั้งห้าสำนักและสิบประเทศไม่มี อาจจะมาจากข้างนอก ทั้งสองต่างก็คิดถึงจุดนี้ เงยหน้าขึ้นสบตากัน ทั้งสองไม่คิดหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องรีบกลับไปยังสำนักศึกษาทั้งสาม ต้องบอกข่าวนี้กับอาจารย์ของพวกเขา

ไม่ว่าโม่อู๋เยว่จะเป็นราชาทิพย์หรือไม่ เขาแข็งแกร่งมาก ต้องบอกสำนักศึกษาทั้งสามให้รู้

ไม่สามารถใช้วิธีเดิมๆในการจัดการกับทั้งห้าสำนักสิบประเทศอีกต่อไป ไม่ใช่ ตอนนี้ไม่ใช่ทั้งห้าสำนักแล้ว สำนักชางไห่จง สำนักตันจงถูกทำลายแล้ว เหลือเพียงสำนักเทียนอู่จง สำนักหุ้นหยวนและสำนักเจี้ยนจง

พูดให้ลึกเข้าไปอีกก็คือ เจี้ยนจงเป็นเพียงเชลยของหมอเทวดาจูนจิ่ว เจ้าสำนักคนก่อนถูกฆ่า ลูกศิษย์และผู้อาวุโสถูกล้างบางไปกว่าครึ่ง เจี้ยนจงในตอนนี้ไม่สามารถใช้คำว่าสำนักยืนหยัดได้อีกแล้ว หลังจากคลื่นลมบนเวทีประลองเห้อได้ผ่านพ้นไป ลูกศิษย์ของเจี้ยนจงกับตันจงที่ยอมจำนน ภายใต้การนำของอู๋ซานต่างก็รวมตัวกันเข้าร่วมกับสำนักเทียนอู่จง เปลี่ยนชื่อเป็นเจี้ยนเหมินกับตันเหมิน

เจี้ยนเหมินยังคงมีโจ๋วชิวเป็นผู้นำ ตันเหมินนั้นมอบให้อู๋ซาน มาถึงตอนนี้ ทั้งห้าสำนักสิบประเทศก็เหลือเพียงสองสำนักแล้ว เทียนอู่จงกับหุ้นหยวนจงและอีกสิบประเทศ เทียนอู่จงรวมเข้ากับเจี้ยนเหมินกับตันเหมิน อำนาจทรงพลัง และยังมีสำนักหุ้นหยวนเป็นพันธมิตร ก็ได้กลายเป็นผู้ทรงอำนาจอันดับหนึ่งของสิบประเทศ

……

สถานการณ์ปกติ คลื่นลมสงบ

สิบประเทศต่างส่งของขวัญแสดงความยินดีและจำนน ไม่ช้าทั้งในและนอกประตูสำนักเทียนอู่จงก็ครึกครื้นราวกับตลาด ทุกคนต่างรีบเร่งไปมาทำงานของตัวเอง

บนยอดเขาหิมะของสำนักเทียนอู่จง จูนจิ่วสวมเสื้อตัวเดียว นั่งขัดสมาธิอยู่บนหิมะหนาเพื่อฝึกฝน วิชาฝึกตนชั้นที่สามใกล้เข้าถึงความสมบูรณ์แล้ว พลังก็แน่นิ่งอยู่ที่นักจิตใหญ่ชั้นสี่ระดับกลาง

จูนจิ่วฝึกฝนเสร็จแล้วลืมตาขึ้น เจ้าขนหนาปุกปุยหน้ายุ่งเหยิง เสี่ยวอู่กลายร่างให้ใหญ่และล้อมรอบตัวจูนจิ่วเป็นครึ่งวงกลม ยิ้มจนตาหยี จูนจิ่วจงใจกางแขนออกกว้างๆแล้วล้มไปข้างหลัง ล้มลงบนอกของเสี่ยวอู่ที่ทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น

หลับตาอย่างสบาย จูนจิ่วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ปีศาจที่หล่อเหลายืนอยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน คงไม่อาจกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ได้ เขายืนอยู่ตรงนั้น ราวกับภาพวาดที่มีเสน่ห์ดึงดูดคน มองแวบเดียววิญญาณก็อาจถูกดูดกลืนเข้าไปได้

กะพริบตา จูนจิ่ว “ทำไมหรือ”

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าจะพูดเรื่องสำนักศึกษาทั้งสามกับเจ้า ”โม่อู๋เยว่กดปลายนิ้วลง ลมตะวันออกเฉียงเหนือที่โชยพัดบนยอดเขาหิมะก็ได้ถูกตัดขาดอยู่หลังฉากกั้น แล้วสะบัดแขนเสื้อ บนพื้นหิมะก็มีหญ้าเขียวขจีเกิดขึ้นมา แซมไปด้วยดอกหญ้า ข้างบนมีพรมอ่อนนุ่มปูทับอยู่ ยังมีโต๊ะเล็กๆหนึ่งตัว มีขนมและชาที่หอมหวน

แววตาจูนจิ่วเป็นประกาย สิ่งของนั้นเอามาจากในอากาศ แต่ดอกไม้และหญ้าบนพื้นนั้นพูดได้ว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของเทวดา ในใจรู้สึกคันยิบๆ อยากจะถามเหลือเกินว่าโม่อู๋เยว่ฝึกฝนได้อย่างไร แต่ทว่าพอคำพูดมาถึงปากก็กลืนกลับเข้าไป

จูนจิ่วลุกขึ้นจากตัวเสี่ยวอู่นั่งตัวตรง มือนางเท้าคางมองโม่อู๋เยว่เงียบๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ