บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 305

บทที่ 305 เจ้ากล้าขัดคำสั่งหรือ

“ทำงาน?” จูนจิ่วเลิกคิ้วขึ้น

“ไม่ผิด!” พวกเด็กหนุ่มจ้องใบหน้างดงามโดดเด่นของจูนจิ่ว ก่อนจะพูดไม่ออก ก่อนเอ่ยพลางจับจ้องที่จูนจิ่ว “ผู้ดูแลหวางมีคำสั่ง ให้จูนจิ่วไปที่สำนักเฉ่าถัง เพื่อดูแลหญ้าวิเศษตามข้ามา ส่วนเจ้าชิงหยู่ให้ไปผ่าฟืนหาบน้ำที่ห้องครัวเข้าใจหรือไม่?”

ชิงหยู่และจูนจิ่วสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนเขาคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมลง มุมปากปรากฏรอยยิ้มถือดีขึ้นมา ผ่าฟืนหาบน้ำ? เฮอะ เฮอะ

จูนจิ่ว “ศิษย์พี่ เจอกันตอนเย็นเจ้าคะ” เมื่อถึงตอนเย็น พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนไปพักในที่ที่สะดวกสบายขึ้น ตอนนี้นางลองเข้าไปดูก่อน ภายในสำนักเฉ่าถัง ต้องทำงานเช่นไร พระอาทิตย์ขึ้น วันนี้เพิ่งเริ่มต้น...

จูนจิ่วและชิงหยู่ต่างแยกกัน เด็กหนุ่มผู้นำทางพานางไปสำนักเฉ่าถัง ระหว่างทางสายตาจับจ้องบนกายจูนจิ่วตลอดเวลา ก่อนเอ่ยตำหนิอย่างน่าเกรงขามแห้งผาก “จูนจิ่ว สำนักเฉ่าถังแห่งนี้คือสถานที่สำคัญที่สุดของพวกเราประตูนอก หญ้าวิเศษทุกเม็ดล้วนล้ำค่าเป็นที่สุด!”

“ต่อไปทุกวันก่อนฟ้าสร่าง เจ้าต้องขึ้นเขาไปหาบน้ำ จำเป็นต้องน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์บนยอดเขาด้านหลัง ต้องหาบลงมาทีละถัง ก่อนใช้กระบวยราดรดลงไปทีละต้นเข้าใจหรือไม่ ขาดไปแม้ต้นเดียวไม่ได้ หากพบว่าหญ้าวิเศษคล้ายหายไปครึ่งหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงผู้ดูแลหวาง พวกเราไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” เด็กหนุ่มสามคนล้อมจูนจิ่วไว้ตรงกลาง ด้วยสายตาคิดไม่ซื่อ

จูนจิ่วไม่สนใจเด็กหนุ่มทั้งสาม นางเงยหน้าสำรวจสำนักเฉ่าถัง

สำนักเฉ่าถังคือภูเขาสมุนไพรแบบขั้นบันไดลูกหนึ่ง หญ้าวิเศษถูกปลูกไล่เรียงลงมาจากยอดเขา จูนจิ่วกวาดมองอย่างตามใจ สายตาคมกริบแยกแยะหญ้าวิเศษออกมาสิบกว่าชนิดที่แตกต่างกัน

เสี่ยวอู่เกาะอยู่บนไหล่ของจูนจิ่ว ก่อนหรี่ตาเอ่ยขึ้น “รดน้ำทุกต้น นี้ต้องรดจนถึงเมื่อใดกัน?”

เกรงว่าเริ่มรดน้ำตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสาง จนถึงพระอาทิตย์อัตสดงคงรดได้ไม่ถึงครึ่งเขา! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทุกวันต้องไปหาบน้ำจากยอดเขาที่อยู่ด้านหลัง เสี่ยวอู่มองถังน้ำขนาดใหญ่สามถังนั้น ก่อนกัดฟันคำรามออกมา

เสี่ยวอู่เอ่ยขึ้น “เมี้ยว เจ้านายเห็นชัดว่าพวกเขาตั้งใจหาเรื่อง”

“เจ้าเพิ่งทราบหรือ?” จูนจิ่วตอบเสี่ยวอู่ในใจ อารมณ์ของนางผันผวนมองไม่ออกว่าโมโหหรือชื่นชอบ แต่ดวงตามองเด็กหนุ่มสามคนเย็นชาจนน่ากลัว

จากท่าทีผิดปกติของผู้ดูแลหวางเมื่อวาน จูนจิ่วจึงมองออกทุกอย่าง วันนี้เห็นเป็นดังที่คาดคิดเช่นนี้! จึงกอดอกเลิกคิ้ว ก่อนจูนจิ่วสำรวจเด็กหนุ่มทั้งสามคน “เช่นนั้นพวกเจ้าทำสิ่งใด?”

“พวกเรา พวกเราย่อมต้องจับตาดูเจ้า!”

“คนมาใหม่ต้องทำงานหนัก เจ้ามีคุณสมบัติใดในการซักถามศิษย์พี่ทั้งสามเช่นพวกข้า ยังตะลึงอันใดอยู่อีก รีบไปหาบน้ำได้แล้ว!”

“ข้าจะจับตาดูเจ้าด้วยตนเอง น้ำบริสุทธิ์หลังเขาแห่งนี้ถือว่าเป็นตาน้ำวิเศษที่ล้ำค่าเช่นกัน ระหว่างทางเจ้าห้ามทำน้ำหกแม้แต่หยดเดียว มิฉะนั้นข้าจะรายงานผู้ดูแลหวาง จนเจ้าต้องโดนลงแส้” เด็กหนุ่มทั้งสามเอ่ยรับกันคนละประโยค ข่มขู่อย่างเปิดเผย

หากเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าทั่วไป กลัวว่าต้องถูกพวกเขาสามคนทำให้ตกใจไปแล้ว แต่จูนจิ่ว?

จูนจิ่วยิ้มอย่างเย็นชา “หากข้าไม่ยอมหาบน้ำมารดหญ้าวิเศษเล่า?”

“เจ้าว่าสิ่งใดนะ เจ้ากล้า เจ้าคิดว่าตนคืออาจารย์อาขี้หมูขี้หมาในสำนักเทียนอู่จงหรือ ฮึ ข้าจะบอกเจ้าให้ สำนักเทียนอู่จงของเจ้าสำหรับสำนักไท่ชูพวกเราถือว่าไม่ได้มีค่าใดๆ ทั้งนั้น และเจ้าสำนักเทียนอู่จงของเจ้ายามอยู่ต่อหน้าพวกเรา เป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น!” เด็กหนุ่มเยาะเย้ย

“ถูกต้อง!” เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยรับทันที ก่อนถากถางว่า “ห้าสำนักสิบแคว้นเล็กๆ ล้วนคือทาสที่ไร้ค่า สามารถเข้าประตูนอกของสำนักไท่ชูของข้ามาได้ ล้วนคือโอกาสที่เจ้าจุดธูปอ้อนวอนอยู่หลายภพหลายชาติจึงสำเร็จ”

จูนจิ่วหรี่ตา ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ก่อนนางเอ่ยเรียกเสียงเบา “เสี่ยวอู่”

“เมี้ยว!” กรงเล็บปีศาจของเสี่ยวอู่ทนไม่ได้อีกต่อไป เพียงได้รับคำสั่งม้วนตัวพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ก่อนกางอุ้งเท้าที่มีเล็บคมกริบยิ่งกว่ากระบี่ออกมา กระโจนเข้าไปข่วน!

เด็กหนุ่มทั้งสามพลันเผชิญหน้ากับหายนะ ร้องโหยหวนอย่างเศร้ารันทดยิ่งเสียกว่าการเหยียบบ่อโคลน ครั้งนี้ข่วนคนไม่ข่วนใบหน้า กรงเล็บที่แหลมคมของเสี่ยวอู่ ทำให้เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มทั้งสามขาดรุ่งริ่งราวเส้นด้ายถูกแขวนไว้บนกาย

ก่อนถอยหลังเตะใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง จนฟันของเขาหักสองซี่ แล้วกระโดดขึ้นอกของเด็กหนุ่มอีกคน สี่ขาปลดปล่อยพลังออกมาจนคนล้มลงบนพื้น เสี่ยวอู่จึงกระโดดออกไป สุดท้ายเกาะที่ไหล่ของคนอีกคน กรงเล็บที่คบกริบข้างหนึ่งฝังเข้าในเนื้อ กรงเล็บแหลมคมอีกข้างกดเข้าที่เส้นเลือดบนคอของเด็กหนุ่ม

ทั้งหมดผ่านไปรวดเร็วราวกะพริบตา!

สองคนนั่งร่ำไห้ อีกคนถูกเสี่ยวอู่กดคอเอาไว้ ดวงตาเบิกกว้างด้วยสีหน้าหวาดกลัว นี่คือสิ่งใด?

สายตาพวกเขาล้วนถูกจูนจิ่วดึงดูดไว้ จะมองเห็นเสี่ยวอู่ที่เกาะอยู่บนไหล่ของจูนจิ่วได้อย่างไร และเสี่ยวอู่ยังนิ่งสงบไม่ขยับ พวกเขายังคิดว่าเป็นพวกผ้าพันคอ ผู้ใดจะรู้ว่าแมวตัวนี้ยามโมโห จะเหี้ยมโหดเช่นนี้! นี่ยังคือแมวอยู่หรือไม่?

จูนจิ่วหัวเราะ “ตอนนี้ยังจะให้ข้าหาบน้ำมารดหญ้าวิเศษอยู่หรือไม่?”

“จะ...เจ้า เจ้ากล้าขัดคำสั่งหรือ ผู้ดูแลหวางไม่ปล่อยเจ้าแน่!”

“ผู้ดูแลหวางตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ หากข้าจะสังหารพวกเจ้า เพียงพยักหน้าเบาๆ เท่านั้น” เพียงจูนจิ่วเอ่ย เสี่ยวอู่รีบยื่นปลายเล็บลงบนคอเด็กหนุ่ม กรีดเล็บแหลมคมลงบนผิวหนัง จนเลือดไหลออกมา

เด็กหนุ่มตกใจตัวสั่น บนกางเกงเปียกชื้นเป็นวงขนาดใหญ่ และไม่แข็งข้ออีก ร้องอ้อนวอนไม่หยุด

จูนจิ่วจึงเอ่ยขึ้น “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การหาบน้ำรดหญ้าวิเศษมอบให้พวกเจ้า เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจ เข้าใจ!”

“หากผู้ดูแลหวางถามขึ้นมา...” ไม่ต้องให้จูนจิ่วเอ่ยจบ เด็กหนุ่มทั้งสามเอ่ยต่อให้จบด้วยตนเอง ตอนนี้พวกเขายังจะกล้าคิดสิ่งใดกัน เพราะหวาดกลัวจูนจิ่ว และแมวประหลาดร้ายกาจเช่นเสี่ยวอู่ตัวนี้อย่างมาก

จูนจิ่วจัดการเรื่องงานในสำนักเฉ่าถังอย่างสบาย ก่อนนางหมุนกายจากไป ตรงไปในเมืองไท่ชู ประตูนอกอยู่ห่างจากเมืองไท่ชูไม่ไกล จูนจิ่วยังจดจำเส้นทางได้

เสี่ยวอู่เอ่ยถามนางอย่างแปลกใจ “เจ้านายจะเข้าไปในเมืองไท่ชูทำสิ่งใด?”

“เดินเล่น สืบเสาะหาข่าว”

“เมี้ยว? เจ้านายต้องการข่าว สามารถให้เหลิ่งยวนรวบรวมาก็ได้” ดวงตากลมโตของเสี่ยวอู่มองจูนจิ่วอย่างไม่เข้าใจ เหลิ่งยวนมีความสามารถรอบด้าน และเรียกหาได้ทุกที่ทุกเวลา เหตุใดจึงไม่ให้เหลิ่งยวนจัดการ?

จูนจิ่วยิ้มมุมปาก ก่อนนางยกมือลูบศีรษะของเสี่ยวอู่ ตามหาคนมิสู้ทำด้วยตนเอง และนางชื่นชอบความสนุกในการสืบหาข่าว!

แต่เอ่ยถึงเหลิ่งยวน จูนจิ่วเงยหน้ามองไปรอบๆ หากเหลิ่งยวนไม่ปรากฏตัวขึ้นด้วยตนเอง นางยากที่จะเบาะแสของเขาพบ คิดแล้วโม่อู๋เยว่มาที่นี่เช่นเดียวกัน จูนจิ่วยิ้มทั้งคิ้วและตา ไม่รู้โม่อู๋เยว่ตอนนี้อยู่ข้างกายนางหรือไม่?

จากประตูของสำนักไท่ชู มาถึงเมืองไท่ชู ความสงบเงียบกลายเป็นคึกคักตระการตา จูนจิ่วเดินไปทุกหนแห่ง ความงดงามอย่างน่าตกตะลึงดึงดูดผู้คนบนถนนห้อมล้อม แต่เพียงพวกเขาต้องการมองให้ละเอียด ด้านหน้าไร้ร่องรอยของจูนจิ่ว

คนงามเล่า?

จูนจิ่วเดินเข้าไปในภัตตาคาร นั่งอยู่ในมุมลับตาคนบริเวณห้องโถง ที่นี่เงยหน้าขึ้นเห็นทั่วห้องโถงใหญ่ ด้านขวาคือหน้าต่างสามารถมองเห็นถนนตระการตาคึกคัก จูนจิ่วสั่งชาปี้หลัวชุนหนึ่งกา นั่งฟังเสียงดังโวยวายของห้องโถงใหญ่อยู่เงียบๆ

แหล่งข่าวสารคือที่นี่ สามารถรวบรวมจนพินิจวิเคราะห์ออกมาได้

มีคนเอ่ยว่า “พวกเจ้ารู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ห้าสำนักสิบแคว้นหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีห้าสำนักสิบแคว้นแล้ว เหลือเพียงสองสำนักเท่านั้น สำนักไท่ชูโมโหหนัก จึงจับตัวเจ้าสำนักเทียนอู่จงและจูนจิ่วที่เป็นตัวการก่อเรื่องมาที่สำนักไท่ชู!”

เอ๊ะ กำลังนินทานางและชิงหยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ