บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 348

สรุปบท บทที่ 348 ถามเขาว่าจะแต่งหรือไม่: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

อ่านสรุป บทที่ 348 ถามเขาว่าจะแต่งหรือไม่ จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บทที่ บทที่ 348 ถามเขาว่าจะแต่งหรือไม่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 348 ถามเขาว่าจะแต่งหรือไม่

ท่าทีของเจ้าสำนักไท่ชูอยู่เหนือการคาดเดาของจูนจิ่วกับชิงหยู่ ใจดีเป็นมิตร ไม่เหมือนกับเป็นเจ้าสำนักศึกษาไท่ชู แต่เหมือนกับผู้อาวุโสทั่วไปที่ดูแลใส่ใจผู้น้อย ทำให้จูนจิ่วกับชิงหยู่รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

ระหว่างที่พูดถึงเทียนอู่จง เจ้าสำนักไท่ชูก็ได้บอกกับพวกเขาอย่างเป็นมิตรว่าอย่ากังวลไปเลย เรื่องราวได้ถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว สำนักตันจงนั้นรนหาที่ตายเอง ไม่เกี่ยวข้องกับเทียนอู่จง มีเจ้าสำนักไท่ชูออกปากพูดเอง พวกเขาค่อยวางใจว่าหลังจากนี้ไปสำนักเทียนอู่จงจะไม่เดือดร้อนอีก

แต่ว่าจูนจิ่วยังคงสงสัย ที่เจ้สำนักไท่ชูเชิญพวกเขากินข้าวในวันนี้เพราะต้องการพูดเรื่องนี้เท่านั้นหรือ

หลังจากกลับมาจากกินข้าว มู่จิ่งหยวนส่งพวกเขามาครึ่งทาง ยิ้มอย่างสง่างาม เขาพูดว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงรู้สึกประหลาดใจไม่หาย ที่จริงข้าเห็นท่านปู่เชิญพกวเจ้ามากินข้าวข้าเองก็แปลกใจเหมือนกัน แต่ดูแล้วท่านปู่จะชอบพวกเจ้ามาก ฉะนั้นพวกเจ้าก็ไม่ต้องตื่นเต้นมากไป”

เลิกคิ้ว จูนจิ่วเงยหน้ามองมู่จิ่งหยวนแต่ไม่พูดอะไร

ชิงหยู่นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่มู่ ในเมื่อเรื่องของสำนักเทียนอู่จงได้ตรวจสอบชัดเจนแล้ว คืนความบริสุทธิ์ให้ข้าแล้ว หลังจากนี้เราจะกลับไปได้หรือไม่ ”

“ย่อมได้ แต่ว่าตอนนี้เจ้ากับจูนจิ่วก็เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชูแล้ว หากจะกลับไปยังสองสำนักสิบแคว้นต้องได้รับอนุญาตจากคนที่มีตำแหน่งผู้อาวุโสขึ้นไปจึงจะได้ ทำไม พวกเจ้าอยากกลับไปหรือ”มู่จิ่งหยวนเม้มปากมองไปยังสองคน รู้สึกประหลาดใจอยู่หลายส่วน

“สำนักเทียนอู่จงเป็นบ้านของข้า แน่นอนว่าต้องอยากกลับไป แต่ว่าเรายังไปตอนนี้ไม่ได้ ศิษย์พี่มู่ส่งเราถึงตรงนี้ก็พอ ลาก่อน”จูนจิ่วมองมู่จิ่งหยวนแล้วพูดขึ้น

ฝีเท้าหยุดลง มู่จิ่งหยวนยืนมองส่งจูนจิ่วกับชิงหยู่จนลับสายตาไป เขารีบกลับไปอย่างอดรนทนไม่ได้เพื่อจะถามว่าเหตุใดเจ้าสำนักไท่ชูจึงได้เชิญพวกจูนจิ่วมากินข้าว มองมู่จิ่งหยวนยิ้มๆ เจ้าสำนักไท่ชูตอบกลับไปว่า

เขาพูดว่า “ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าคนที่สามารถทำลายสำนักตันจง สำนักเจี้ยนจงกับสำนักชังไห่นั้นจะไม่ธรรมดาแค่ไหน อีกอย่างเจ้าเองก็ชื่นชมนางหนักหนา”

“แล้วท่านปู่คิดว่าอย่างไร”

“นิ่งเงียบ ฉลาด เด็ดขาด เจ้าเล่ห์ ”เจ้าเมืองไท่ชูพูดสิ่งที่ตนประเมินได้ เขาหยุดไปชั่วครู่แล้วเสริมขึ้นว่า “พลังสติแข็งแกร่ง จูนจิ่วคนนี้ไม่ใช่คนนิ่งเฉย ภายหน้าคงประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่อาจคาดคิดได้ ยังมีเจ้าสำนักเทียนอู่จงชิงหยู่ แม้ว่าจะดูเสเพลไปบ้างแต่ก็ดูไม่เลวเลย สองคนนี้หากเป็นเพื่อนกับเจ้า ข้าก็คงวางใจได้ไม่น้อย”

“ใช่ พวกเขาดีมาก”มู่จิ่งหยวนพยักหน้า ยืดอกแล้วยิ้มอย่างสง่างาม

……

ราตรีเงียบสงัด ไร้ลมก็ไร้เสียงใบไม้เคลื่อนไหว แต่มีแมลงที่ไม่รู้ชื่อชนิดหนึ่งร้องไม่หยุด

กลบเสียงอื่นๆไปจนหมด จูนจิ่วใช้มือเท้าคางนิ่งคิด ทันใดนั้นหูก็ขยับ

จูนจิ่วลืมตาเหลือบมองห้องที่จู่ๆก็มีคนคนหนึ่งโผล่ออกมา นางชินแล้วกับการไปมาของโม่อู๋เยว่ที่เป็นเทพก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง อีกอย่างคนที่สามารถเข้ามาในห้องของนางได้อย่างนี้ก็มีแต่โม่อู๋เยว่เท่านั้น

แววตาสีทองแพรวพราว ตอนที่มองไปยังจูนจิ่วด้วยสายตาเอ่อล้นด้วยเสน่ห์แทบจะลากคนเข้าไปอยู่ในห้วงแห่งดวงดาวสีทอง ไม่สามารถถอนตัวได้เลย

โม่อู๋เยว่พูดว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หาเบาะแสของวิชาฝึกตนชั้นสี่ไม่พบหรือ”

“อืม วันนี้ถูกเจ้าสำนักไท่ชูขัดจังหวะเสียก่อน แต่ว่าเขาได้ให้โอกาสข้ากับศิษย์พี่อีกครั้งในการเข้าไปลองค้นหา ห้องสมุดเป็นที่ที่เก็บรวบรวมหนังสือข้อมูลมากที่สุดในสำนักศึกษาไท่ชู หากที่นั่นไม่มี ก็คงต้องเดาว่าอยู่ในมือของคนอื่น”จูนจิ่วพูด

จูนจิ่วหันไปคว้าผ้าห่มคลุมศีรษะ นางสูดหายใจลึกแล้วถอนหายใจยาว จูนจิ่วคิดในใจแต่ไม่พูด รออีกสักหน่อย หากแน่ใจแล้วว่าชอบโม่อู่เยว่จริงๆ ก็จะถามเขาว่าจะแต่งงานกับเธอได้ไหม

ฝันดีคืนหนึ่ง วันที่สองจูนจิ่วกับชิงหยู่ไปยังห้องสมุดอีกครั้ง ลูกศิษย์ไม่น้อยที่เก็นพวกเขาเข้าไปในห้องสมุดชั้นในเป็นครั้งที่สอง ตาเกือบถลนออกมาแล้ว อิจฉาตาร้อนกัดฟันกรอดๆ ริษยาจนคิดแค้นในใจ ต้องมีคนที่ทนไม่ได้มาหาเรื่องสักวัน

จูนจิ่วใช้เวลาไปหนึ่งวัน พลังจิตแอบย่องขึ้นยังชั้นบนของห้องสมุด นอกจากชั้นสุดท้ายที่มีค่ายกลปกป้องอยู่นางเข้าไปไม่ได้ ชั้นอื่นๆดูหมดแล้ว ไม่มีวิชาฝึกตนชั้นที่สี่

จูนจิ่วถอนหายใจนวดหัวคิ้ว “แม้ว่าวิชาฝึกตนชั้นที่สี่จะไม่เลว แต่ก็ไม่ได้ล้ำค่าในสายตาของสำนักศึกไท่ชูจนขนาดว่าต้องเก็บรักษาไว้บนชั้นสูงสุดและสร้างค่ายกลคุ้มกันไว้ เพราะเหตุนี้เราสามารถแน่ใจได้ว่า ที่ห้องสมุดไม่มีวิชาฝึกตนชั้นที่สี่ ”

ชิงหยู่ “ถ้าเป็นไปอย่างที่ศิษย์น้องคาดเดา วิชาฝึกตนชั้นที่สี่คงอยู่ในมือคนใดคนหนึ่งสินะ”

“อืม ลองตรวจสอบแบบเงียบๆกันก่อน ลองดูสิว่าเคยมีใครติดต่อกับฝางชิงเยว่ศิษย์ทรยศหรือไม่ ”ระหว่างที่พูด จูนจิ่วก็ใช้นิ้วเรียวลูบขนที่อ่อนนุ่มบนตัวเสี่ยวอู่เพื่อให้ตัวเองสงบลง เสียแรงเปล่าแต่กลับหาไม่เจอ ในใจย่อมรู้สึกอารมณ์เสียอยู่บ้าง

อารมณ์ไม่ดี ระหว่างทางยังถูกหลานจูพาคนมาขวางทางเอาไว้ แววตาของจูนจิ่วเย็นขรึมลง

สบเข้ากับแววตาของจูนจิ่ว หลานจูก็ต้องตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้และหลบตารของจูนจิ่ว เมื่อได้สติกลับมา หลานจูก็มองจูนจิ่วด้วยความโมโหอีกครั้ง นางยื่นมือขึ้นชี้ไปยังจูนจิ่วคำรามว่า “จูนจิ่ว เจ้าพบศิษย์พี่ยังไม่คำนับอีก”

“คำนับ สมองเจ้าถูกประตูหนีบหรืออย่างไร ข้าเป็นศิษย์ของสาขาที่สอง สูงกว่าสาขาที่สามของเจ้า ใครควรเรียกใครว่าศิษย์พี่กันแน่ ”ไม่คิดมาก่อนว่าจูนจิ่วจะปากคอเราะรายได้ขนาดนี้ หลานจูโมโหจนพูดไม่ออก ใบหน้ามีสีเขียวสลับม่วง

กลับกันให้นางเรียกจูนจิ่วว่าศิษย์พี่ เป็นไปไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ