บทที่ 349 สุนัขที่ไหนกำลังหอน
“ศิษย์น้อง เห็นได้ชัดว่านอกจากสมองจะถูกประตูหนีบแล้ว สติปัญญาก็มีปัญหาดูสิพูดไม่ออกแล้ว ชิน่าสงสารจริงๆ ”ชิงหยู่ก็ปากร้ายขึ้นมา เขายังจำหลานจูได้
แรกเริ่มคือหัวเราะเยาะอย่างตาบอดว่าศิษย์น้องของเขางามไม่เท่าหยุนหนี ตอนนี้ยังจะหาเรื่องอีก ชิงหยู่กดกำปั้น เขาเห็นว่านางคงอยากถูกสั่งสอนซะแล้ว
หลานจูระเบิดอารมณ์ นางยังไม่ทันได้เปิดปากลูกศิษย์ชายหญิงที่อยู่ข้างๆก็เริ่มโมโหพ่นคำโจมตีทันที “ศิษย์สำนักที่สองแล้วอย่างไร เป็นศิษย์สาขาที่สองจะทำอะไรตามใจก็ได้อย่างนั้นหรือ ศิษย์พี่หลานจูเข้าสู่สำนักศึกษาไท่ชูก่อนพวกเข้าตั้งเจ็ดแปดปี พวกเจ้าเรียกศิษย์พี่ก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว ”
“ถูกต้อง คิดว่าเองเป็นศิษย์สาขาที่สองก็ไม่ต้องเคารพผู้อื่น ชิงหยู่เจ้าอย่าลืมล่ะว่าเจ้าเองก็เป็นศิษย์ของสาขาที่สาม รีบขออภัยศิษย์พี่หลานจูเดี๋ยวนี้”
“หา ขออภัย ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีกข้าจะสั่งสอนพวกเจ้า”หยาบคายกลับทันที ชิงหยู่โบกกำปั้นไปมาไม่ให้หน้ากลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าสักนิด เห็นการตอบโต้ของเขา พวกหลานจูก็รู้สึกตกใจกลัวจนถอยหลังไปหลายก้าว
ชิงหยู่เป็นนักจิตชั้นแปด พวกเขาสู้ไม่ไหว แต่วินาทีต่อมาหลานจูก็จ้องเขม็งที่จูนจิ่ว หลานจูเคลื่อนสายตาพูดว่า “จูนจิ่ว เจ้าอาศัยว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสาขาที่สองมิใช่หรือ หึ เจ้าก็แค่บังเอิญโชคดีหลอกผู้อาวุโสใหญ่กับศิษย์พี่หยุนหนีได้ ไม่มีพวกเขาแล้วเจ้านับว่าเป็นตัวอะไร”
จูนจิ่วสูญเสียพลังจิตไปไม่น้อย ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยล้าอยากกลับไปพักผ่อน ไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลากับพวกที่ไม่มีความสำคัญ นางไม่มองหลานจู พูดเสียงเย็นคำเดียว “ไสหัวไป”
“เจ้า จูนจิ่วเจ้าอย่าคิดอวดดี เจ้ากล้าแข่งกับข้าหรือไม่ ”หลานจูอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าลูกศิษย์ เชิดหน้ายืดอกจ้องจูนจิ่วเขม็งพูดว่า “จูนจิ่ว ข้าขอท้าเจ้า เจ้ากล้ารับคำท้าของข้าหรือไม่ ”
“จูนจิ่วเจ้าได้ใจมากไม่ใช่หรือ ถ้าเก่งจริงก็รับคำท้าของศิษย์พี่หลานจูสิ”
“ใช่ เจ้ามีพรสวรรค์ชั้นหกสีฟ้ามิใช่หรือ เก่งขนาดนี้คงไม่กล้าที่จะไม่รับคำท้ากระมัง”เหล่าลูกศิษย์ต่างเยาะเย้ย มองจูนจิ่วด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
พวกเขาทนไม่ไหวแล้ว เป็นแค่ชนชั้นต่ำจากสองสำนักสิบแคว้น ทำไมต้องได้รับความรักเอ็นดูเพียงคนเดียวด้วย พวกเขาต้องสั่งสอนจูนจิ่วให้ได้ และต้องให้ผู้อาวุโสใหญ่และเจ้าสำนักได้เห็น ว่าชนชั้นต่ำก็คือชนชั้นต่ำไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาในสำนักศึกษาไท่ชู
แต่ในเมื่อนางมาแล้ว ก็ควรหดหางอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งอย่างเจียมตัว ทำไมต้องมาแย่งชิงทรัพยากรกับพวกเขาด้วย แล้วยังเย่อหยิ่งอวดดี นางคิดว่านางเป็นใคร
หลานจู “จูนจิ่วเจ้ากล้าหรือไม่ ”
“สุนัขที่ไหนกำลังเห่าหอน น่ารำคาญจริง ศิษย์พี่พวกเราไปกันเถอะ”จูนจิ่วยังคงไม่สนใจหลานจู นางหมุนตัวเดินไป ชิงหยู่อดกลั้นความใจร้อนที่อยากจะสั่งสอนคนพวกนี้ จ้องพวกเขาแววตาเย็นชาหมุนตัวเดินตามจูนจิ่วไป
วันนี้ศิษย์น้องเหนื่อยแล้ว ส่งศิษย์น้องกลับไปก่อน วันหลังคอยดูว่าเขาจะจัดการกับพวกดีแต่ปากพวกนี้อย่างไร
เมื่อเห็นจูนจิ่วไม่สนใจตนเอง กลับหมุนตัวจากไป หลานจูก็โมโหจนระเบิดทันที สีหน้าบิดเบี้ยวตะโกนขึ้น “จูนจิ่วเจ้ามันคนขี้ขลาดตาขาว แม้แต่คำท้าของข้าก็ไม่กล้ารับ เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในสาขาที่สอง ของไร้ประโยชน์ไสหัวออกไปจากสำนักศึกษาไท่ชูซะ ”
จูนจิ่วยังไม่หยุดเดิน ราวกับไม่ได้ยินอะไรเลย
โกรธจนตัวสั่น หลานจูกัดฟันกรอด นี่หมายความว่าอย่างไร นางเหมือนกำลังเล่นละครลิง จูนจิ่วนังชั้นต่ำคนนี้อาศัยอะไรจึงได้เย่อหยิ่งบานนั้น นางจะทำให้จูนจิ่วน่าดู ใจที่อิจฉาริษยาเดือดปุดๆ
ใต้ความริษยาเกลียดชังหลานจูยื่นมือออกไปพร้อมโจมตีจูนจิ่วทันที
แอบโจมตีข้างหลัง หลังจูนยังตะโกนขึ้นว่า “จูนจิ่วเจ้าคนไร้ประโยชน์”
ลูกศิษย์ที่มากับนางไม่มีใครรู้สึกว่าการโจมตีจากข้างหลังไม่ใช่เรื่องผิด แต่กลับส่งเสียงดังให้กำลังใจหลานจูว่า “ศิษย์พี่หลานจูสู้ๆ สั่งสอนนางให้หนัก ให้นางรู้ซะบ้างว่าเราร้ายกาจแค่ไหน”
ด้านหลังมีลมเย็นพัดมา จูนจิ่วสายตาเย็นชาหยุดเท้าลง ชิงหยู่ก็เปลี่ยนสีหน้า เขาหมุนตัวคิดจะสั่งสอนหลานจูแต่คิดไม่ถึงว่ามีแมวตัวหนึ่งจะเร็วกว่าเขา รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดเหลือเพียงเงาหนึ่งสาย ยกขาขึ้นกางกรงเล็บแหลมคมออก ยกกรงเล็บขึ้นข่วนไปยังใบหน้าของหลานจู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...