บทที่39จูนเหลยคือบทเรียนถัดไปของเจ้า – ตอนที่ต้องอ่านของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
ตอนนี้ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่39จูนเหลยคือบทเรียนถัดไปของเจ้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่39จูนเหลยคือบทเรียนถัดไปของเจ้า
ในตอนนั้นนางมีสติรู้ตัวก็รีบอ้าปากพยายามอย่างยิ่งที่จะไอสำลักออกมาแต่ทว่ายาลูกกลอนนั้นก็ได้เข้าไปข้างในและสลายตัวเป็นที่เรียบร้อยนางเค้นคอพยายามอย่างหนักที่จะสำลักแต่ก็ไม่สามารถเอายาลูกกลอนนั้นออกมาได้จูนหวั่นเอ๋อร์กรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ“จูนจิ่วเข้าเอาอะไรให้ข้ากิน!”
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ”ริมฝีปากยิ้มบางหน้าตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต
จูนหวั่นเอ๋อร์มองไปที่จูนเหลยอย่างไม่อยากเชื่อในใจมีคำตอบแล้วยาย่อยศพ!
ไม่!
นางไม่มีวันที่จะยอมกลายเป็นแบบจูนเหลย!นางไม่อยากเสียโฉม!ไม่อยากกลายเป็นครึ่งผีครึ่งคนมีชีวิตก็เหมือนไม่มียาถอนพิษ!นางต้องการยาถอนพิษ!
“จูนจิ่ว!”จูนหวั่นเอ๋อร์เผยอปากขึ้นพูดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งตกลงตรงหน้าของนาง
จูนจิ่วเอ่ยขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย“นี่เป็นยาถอนพิษ”
จูนหวั่นเอ๋อร์รีบเก็บยาเม็ดลูกกลอนนั้นขึ้นและกินลงไปโดยไม่ได้รังเกียจเลยว่ามันจะสกปรกและก็ไม่ทันได้คิดว่ามันอาจจะกลายเป็นยาพิษอีกครั้งก็ได้มองเห็นสภาพจูนเหลยที่น่าเวทนาในสมองของจูนหวั่นเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวไม่ทันได้ฉุกคิดถึงเรื่องอื่น
รอให้นางกินลงไปแล้วสีหน้าของนางก็ดูโล่งอกเมื่อชื่นชมสีหน้าท่าทีของนางจนพึงพอใจแล้วก็กล่าวขึ้น“ยาถอนพิษออกฤทธิ์ได้แค่ครึ่งเดือน”
จูนหวั่นเอ๋อร์ตัวแข็งเป็นหินในทันทีดวงตานางเบิกกว้างมองจูนจิ่วด้วยความตะลึงงงโกรธชังเคียดแค้นและหวาดกลัว
ในตอนนี้จูนหวั่นเอ๋อร์เพิ่งเข้าใจอย่างปรุโปร่งแล้วว่าตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างในกำมือของจูนจิ่ว
ไม่เพียงแต่นางพวกเขาทั้งหมดไม่มีเว้นใครหน้าไหนเป็นเพียงแค่ของเล่นในกำมือของจูนจิ่วคิดอยากจะฆ่านาง?ฝันกลางวันให้เป็นเรื่องจริงยังดูจะง่ายมากกว่าเรื่องนี้
ร่างของจูนหวั่นเอ๋อร์สั่นสะท้านนางเอ่ยปากขึ้นพูดด้วยความหวาดกลัว“จูนจิ่วเจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้ากันแน่”
จูนจิ่วต้องการสังหารนางแค่ลงดาบในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วจำเป็นจะต้องเก็บนางเอาไว้เป็นของเล่นอย่างนั้นหรือ?เพราะฉะนั้นจูนจิ่วจะต้องมีแผนในใจอย่างแน่นอน
มองเห็นจูนหวั่นเอ๋อร์ที่ดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวจูนจิ่วกระตุกริมฝีปากเจรจากับคนมีมันสมองช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะนางกล่าวขึ้น“จูนหวั่นเอ๋อร์ยาถอนพิษมีฤทธิ์เพียงครึ่งเดือนข้าจะให้เจ้ากลับไปที่ตระกูลใหญ่แล้วบอกซั่งกวนอี่หรงพวกนางทั้งหมดว่าข้าจูนจิ่วจะกลับไปที่ตระกูลใหญ่”
ซั่งกวนอี่หรงนายหญิงของตระกูลใหญ่เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาของจูนหวั่นเอ๋อร์ก็แทบจะถลนออกมา
อะไรนะ?จูนจิ่วต้องการกลับไปที่ตระกูลใหญ่!
จูนหวั่นเอ๋อร์แค่เพียงพริบตาก็เรียกสติกลับคืนมานางตะเกียกตะกายหยัดกายให้ลุกขึ้นหัวหน้าพุ่งตัวออกไปจากเรือนไห่ถัง
นางต้องรีบกลับไปที่ตระกูลใหญ่!
หมอกควันด้านนอกกลืนบดบังร่างของจูนหวั่นเอ๋อร์เหลือเพียงร่างของจูนเหลยที่เหมือนคนตายทั้งเป็นกับร่างของจูนไห่เทียนที่เป็นลมล้มฟุบไป
ด้านนอกของห้องโม่อู๋เยว่ก็กระโดดลงจากต้นไม้ในเวลาเดียวกันส่งสัญญาณเสียงจากมือของเขาปล่อยให้จูนหวั่นเอ๋อร์ออกไป
“แปะๆๆ”เสียงตบมือดังขึ้น
จูนจิ่วและเสี่ยวอู่เงยหน้ามองขึ้นมองพร้อมกันบุรุษที่ก้าวตัวพ้นจากหมอกควันสีม่วงกำลังเดินเข้ามาราวกับอสูรกายที่มาจากคนละโลกสีคิ้วและสีผมที่เป็นสีเงินทั้งสายตาและรอยยิ้มนั้นราวกับปีศาจ
ดวงตาแมวน้อยที่กลมโตของเสี่ยวอู่จ้องมองเขม็ง“เมี้ยว!เขากลับมาได้อย่างไรกัน!”
“เจ้ากลับมาได้อย่างไร”เสี่ยวอู่พูดขึ้นเหมือนกับสิ่งที่นางคิดอยู่อย่างไม่มีผิดเพี้ยนแต่จูนจิ่วเป็นผู้ที่เอ่ยปากขึ้นถามออกมา
โม่อู๋เยว่ฉีกปากยิ้มขึ้นอย่างมีเสน่ห์สะบัดตัวอย่างรวดเร็วก็มาหยุดยืนที่ตรงหน้าของจูนจิ่วยกมือขึ้นเชยคางของนาง“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกมาเล่นสนุกแบบนี้จะขาดข้าไปได้อย่างไรกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...