บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 396

มือที่บีบคอของชิงหยู่ไว้ ไม่รู้ว่าถูกของมีคมอะไรตัดเป็นสองท่อน ชิงหยู่หล่นลงกับพื้นรีบดิ้นรนหนีออกจากมือที่ขาดออกของผู้อาวุโสใหญ่ เขาใช้มือข้างหนึ่งกุมลำคอเอาไว้ทั้งกลิ้งทั้งคลานไปอยู่ข้างกายจูนจิ่ว

“อ๊า”ผู้อาวุโสใหญ่เจ็บปวดจนร้องเสียงแหลม เขาจ้องไปยังชิงหยู่ “คิดหนีหรือ ข้าจะฆ่าเจ้า”

ฉับ

เสียงดังขึ้นอีกครั้ง แขนอีกข้างของผู้อาวุโสใหญ่ขาดเป็นสองท่อน ตามติดด้วยเสียงฉับสองเสียง ขาทั้งสองข้างขาดออกจนไม่สามารถยืนได้ ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่กระแทกลงไปกับพื้น

เขาเจ็บปวดจนร้องโหยหวน เจ็บเจียนตายกลิ้งไปกับพื้น ในใจเกิดความหวาดกลัวมากขึ้น

เป็นใครกัน ใครกันที่สามารถทำร้ายนักจิตใหญ่ชั้นห้าอย่างเขาอย่างไร้ตัวตน เขายังไม่เห็นแม้กระทั่งเงาคนด้วยซ้ำ เป็นคนที่จูนจิ่วเพิ่งเรียกขานเมื่อครู่หรือ

สายลมพัดผ่านเบาๆ แฝงไอแห่งความเผด็จการอ่อนๆที่ไม่อาจจะละความสนใจได้

เหมือนจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆพัดมาจากข้างหลัง จมูกได้กลิ่นอายที่คุ้นเคย ชั่วขณะจูนจิ่วอยากจะหันกลับไปมอง แต่นางไม่เคลื่อนไหว ได้แต่จ้องมองผู้อาวุโสใหญ่ที่กลิ้งอยู่กับพื้นอย่างเย็นชาเข้ากระดูก

เสียงฝีเท้าส่งมา โม่อู๋เยว่เดินผ่านข้างกายจูนจิ่ว น้ำเสียงหยอกเย้า แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมที่ดึงดูดใจ “มอบเขาให้ข้า ข้าจะทำให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พอใจ”

“ได้”

จูนจิ่วมองโม่อู๋เยว่ที่เดินไปทางผู้อาวุโสใหญ่ เขาขยับปลายนิ้วมือเบาๆ พลังไร้ตัวตนจับตัวผู้อาวุโสใหญ่แขวนไว้กลางอากาศ โม่อู๋เยว่ชี้นิ้วอีกตั้ง เสียงของกิ่งไม้บนต้นไม้ใหญ่สูงใหญ่บินเข้ามา ปลายกิ่งไม้กลายเป็นหนามแหลมคมกลางอากาศ พุ่งตรงเสียบเข้าไปยังแขนขาที่ขาดของผู้อาวุโสใหญ่ ตรึงเขาไว้กับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

ฉากนองเลือดนี้ วิธีการรุนแรงโหดร้าย เห็นทั้งหมดแล้ว จูนจิ่วกลับรู้สึกมีความสุขกว่าปกติ หินที่ทับอยู่ในใจได้สลายหายไปแล้ว

ชิงหยู่กุมลำคอไอหลายเสียง เขายังคงอยู่ในความตกใจ “ผู้อาวุโสโม่อยู่แถวนี้หรือ”

จูนจิ่วพยักหน้า นางเลื่อนสายตาออก ก้าวเท้าไปยังมู่จิ่งหยวน

คุกเข่าลงตรงหน้ามู่จิ่งหยวน จูนจิ่วยื่นมือไปจับที่เส้นชีพจรข้อมือและลำคอของมู่จิ่งหยวน จากนั้นก็ฉีกเสื้อของเขาเพื่อดูแผลที่หน้าอก สัมผัสที่รู้สึกได้นั้นมู่จิ่งหยวนยังตัวอุ่นอยู่ แม้ว่าลมหายใจจะแผ่งจนเกือบจะไม่มีแล้ว แต่ก็ยังมี

จูนจิ่วรีบจี้จุดชีพจรของมู่จิ่งหยวนเอาไว้ จากนั้นก็ยัดโสมเข้าไปในปากเขาหนึ่งแผ่น แล้วก็ยังมีน้ำหยกทิพย์อีกหนึ่งหยดเพื่อต่อชีวิต

จูนจิ่วหันไปทางชิงหยู่ “ศิษย์พี่ท่านมาช่วยประคองมู่จิ่งหยวน พวกเราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ”ระหว่างพูด ก็ทิ่งเข็มเงินไปที่หลังของมู่จิ่งหยวนไม่ต่ำกว่าสิบเข็ม

เมื่อครู่ผู้อาวุโสใหญ่ปล่อยพลุสัญญาณ เวลาผ่านไปนางแล้ว แม้ว่าจะไกลแค่ไหน คนของสำนักศึกษาทั้งสามเห็นเข้าคงต้องเร่งเดินทางมาแน่ พวกเขาต้องรีบไปจากที่นี่

ช่วยชิงหยู่ เอาตัวมู่จิ่งหยวนขึ้นไปไว้บนหลังชิงหยู่อย่างระมัดระวัง จูนจิ่วเงยหน้ามองไปทางโม่อู๋เยว่ “อู๋เยว่พวกเราต้องไปแล้ว ไม่ช้าคนของสำนักศึกษาทั้งสามคงตามพลุสัญญาณมาแน่ ”

โม่อู๋เยว่ “สิ้นสุดเดี๋ยวนี้ล่ะ”

ยิ้มมุมปาก ยิ้มอย่างเลือดเย็น โม่อู๋เยว่ยื่นมือออกไปจับแสงก้อนหนึ่งออกมาจากสมองของผู้อาวุโสใหญ่ ขั้นตอนระหว่างนั้นไม่เห็น แต่สามารถได้ยินเสียงร้องอย่างอนาถและบิดไปมาอย่างทรมานที่สุด โม่อู๋เยว่เก็บก้อนแสงนั้นอย่างลวกๆ

หมุนตัวหันไปเห็นคนชุดดำและลูกศิษย์ที่ถูกยาสลบนอนเกลื่อนเต็มพื้น แววตาสีทองของโม่อู๋เยว่แวววาว ระเบิดหัวคนพวกนี้จนหมด ตายอย่างอนาถ จากนั้นเขาค่อยเดินตามจูนจิ่วไปยังป่าลึก

……

ฝู้หลินจ้านรู้สึกไม่สบายใจตลอด ยิ่งพอถึงช่วงพลบค่ำ เขายิ่งนั่งไม่ติดต้องเดินไปเดินมาอยู่กับที่ ฝู้หลินซวงได้แต่เหลือบมองเขาไม่พูดอะไร ฝาแฝดใจสื่อถึงกัน เขารู้ว่าฝู้หลินจ้านกำลังกังวลเรื่องอะไร

เงยหน้ามองไปที่ขอบฟ้า ฝู้หลินซวงเห็นพลุสัญญาณนั้น

“เอ๋ เป็นพลุสัญญาณของสำนักศึกษาไท่ชู ต้องมีเรื่องแน่ๆ พวกจูนจิ่วกับมู่จิ่งหยวนก็คงอยู่ที่นั่น หลินซวงพวกเรารีบไปกันเถอะ”ฝู้หลินจ้านพูด โดยไม่รอฝู้หลินซวงพุ่งตัวออกไปก่อน

ฝู้หลินซวงหันไปบอกกล่าวกับลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนซูคนหนึ่ง เมื่อพบจี้อีหมิงแล้ว ก็ให้เขารอพวกเขาอยู่ที่นี่ จากนั้นก็ตามฝู้หลินจ้านไป

ขณะที่พวกเขาไปถึงจุดที่ปล่อยพลุสัญญาณ ที่นี่กลับไม่มีใครอยู่แล้ว

ฝู้หลินซวงพูดเสียงเย็น “เป็นเทียงฉิว ”

“อย่าเอาแต่ดูหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวเลย หลินซวงเจ้ารีบมาดูนี่ นี่ไม่ใช่ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูกับหยุนหนีหรือ จูนจิ่วเล่า แล้วยังมีมู่จิ่งหยวนกับชิงหยู่อยู่ที่ไหน ”ฝู้หลินจ้านร้อนใจจะเดินไปค้นหาคน

แต่ว่าพวกเขาถูกหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวขวางเอาไว้ ฝู้หลินจ้านขมวดคิ้วเตือนขึ้น “เจ้าตาบอดหรืออย่างไร ข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักศึกษาจื่อเซียวฝู้หลินจ้าน ที่เกิดเรื่องตรงนี้เป็นคนของสำนักศึกษาไท่ชู

หมารับใช้ของเทียงฉิวอย่างพวกเจ้าจะขวางข้าทำไม หรือว่าพวกเจ้าเป็นคนฆ่าพวกเขา”

หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวไม่ตอบ แต่ขวางพวกฝู้หลินจ้านเอาไว้ไม่ให้พวกเขาเข้าไป ฝู้หลินจ้านทั้งห่วงทั้งโมโห ขณะที่เขากำลังเลิกแขนเสื้อจะสั่งสอนพวกเดนตายพวกนี้ ฝู้หลินซวงก็ยกมือขึ้นวางไว้บนไหล่เขา น้ำเสียงเย็นชากดต่ำพูดว่า “เจ้าสำนักเทียนซูมาแล้ว ”

ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักเทียนซู ยังมีบุรุษอีกคนที่สวมเสื้อคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้ สายตาชั่วร้ายของเจ้าสำนักเทียนซูกวาดมองพวกเขา จากนั้นก็เดินเข้าไป ฝู้หลินจ้านไม่ได้เกรงกลัวเขา เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าสำนักเทียนซู ท่านให้หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวล้อมที่นี่ไว้ไม่ให้พวกเราเข้าไปหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเทียงฉิวของท่านฆ่าผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูกับหยุนหนี ”

ฝีเท้าของเจ้าสำนักเทียนซูชะงัก เงยหน้ามองฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงอย่างไม่พอใจ เขาเอ่ยขึ้นว่า “ให้พวกเขาไสหัวไป”

“ท่าน ”ฝู้หลินจ้านยังอยากจะพูดต่อ แต่ถูกชายที่สวมเสื้อคลุมมายืนขวางหน้าตัดบทเสียก่อน ม่านตาของเขาขยายขึ้นเล็กน้อย มองชายคนนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ ด้วยระยะที่ใกล้ขึ้น ทำให้เขามองเห็นใบหน้าของชายคนนั้น

เป็นเขา เขากลับมาแล้ว

ไอเย็นปะทะหน้า ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ไม่เจอกันนาน ขอให้พวกเจ้าไปจากที่นี่ซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักโมโหขึ้นมา คงไม่สนว่าพวกเจ้าเป็นลูกศิษย์ของใคร”

ฝู้หลินจ้านอ้าปาก เหมือนเปลวไฟที่เขามี ได้ถูกน้ำสาดให้ดับมอดเมื่อเจอชายคนนี้ เปลี่ยนเป็นฝู้หลินซวงที่เดินขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองชายคนนั้นอย่างเย็นชา “ยังไงพวกเราก็ต้องรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ”

“เช่นนั้นก็กลับไปรอ เมื่อมีข่าวคราวแล้ว ทุกคนก็จะได้รู้เอง ”พูดจบ ชายคนนั้นยกมือขึ้น หน่วยกล้าตายของเทียงฉิวก็เข้ามาทันที บีบให้พวกฝู้หลินจ้านต้องออกไปแต่โดยดี

ตอนที่ไป พวกเขาจ้องไปยังศพจากที่ไกลๆ มองดูลึกๆ หลังจากไปแล้ว ฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงสบตากันระหว่างทาง พวกจูนจิ่วอยู่ที่ไหน ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักศึกษาไท่ชูตายอย่างอนาถ ใครเป็นคนฆ่าเขา

ในสถานที่เดิม

ชาสวมเสื้อคลุมเดินไป เขาเงยหน้าขึ้นดึงเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าข้าวหลามตัดที่ชัดเจน เขากอดอกเหลือบมองเจ้าสำนักเทียนซู “ผู้เฒ่า เห็นทีสายลับของท่านในสำนักศึกษาไท่ชู จะถูกถอนรากถอนโคนซะแล้ว ”

“ไปตรวจดูสิ จูนจิ่วไปไหนแล้ว”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่ตอบชายคนนั้น แต่เปิดปากสั่งการลงไป

เลิกคิ้ว ชายคนนั้นถาม “จูนจิ่วเป็นใคร”

เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูจึงเงยหน้าขึ้น มุมปากเขาฉีกยิ้มชั่วร้าย อ้าปากพูดว่า “นางเป็นแม่นายของกองทัพเย่สิง ลูกสาวของจูนหมิงเย่กับม่างตง ของล้ำค่าอยู่กับนาง”

“ช่วยข้าด้วย”ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งจับที่รองเท้าของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ