สามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้ คนไหนบ้างที่ไม่ใช่คนแก่หัวหงอก มีประสบการณ์กลั่นยามานับสิบปี นักกลั่นยาพิษเฟยชิงคือคนที่อายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน ที่สามารถกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้ ฉะนั้นตำแหน่งจึงไม่ธรรมดา จูนจิ่วอายุน้อยกว่าเฟยชิงมากนัก
ปีศาจ ไม่ นางร้ายกาจกว่าปีศาจ เห็นได้ชัดว่าเป็นวิปริตตัวน้อย
มองสีหน้าทุกคนด้วยรอยยิ้ม มุมปากของจูนจิ่วโค้งขึ้น นางเอ่ยปากเรียกสติของทุกคนคืนมา
“ข้ากลั่นยาเองกับมือ พวกท่านสามารถวางใจในคุณภาพได้ ดีแน่นอน ”
“เจ้าใช้เวลาห้าวันกลั่นยาทิพย์ใหญ่ได้ห้าเม็ด ”เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย มองจูนจิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขารู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เชิญนักกลั่นยาพิษเฟยชิงมากลั่นยาทิพย์ใหญ่ให้กับหยุนหนี แต่นั่นก็ใช้เวลาไปครึ่งเดือน จึงกลั่นสำเร็จได้สองเม็ด หนึ่งในสองเม็ดนั้นคุณภาพก็ไม่ดี ไม่สามารถกินได้
แต่จูนจิ่ว ห้าวันห้าเม็ดร้ายกาจขนาดนี้เชียว
จูนจิ่วไม่ได้ตอบ เพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ นางไม่ได้บอกว่านางกลั่นได้ทั้งหมดสิบสามเม็ด
ไม่ต้องคิดก็รู้ หากบอกเรื่องจริงออกไป คนทั้งหมดในห้องนี้คงต้องตกใจจนล้มลงไปกับพื้น เช่นนั้นนางต้องใจดีสักหน่อย ไม่ไปกระตุ้นพวกเขา
สูดลมหายใจเข้า เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูหันไปมองเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวและถามว่า “เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียว ยานี้คุณภาพเป็นอย่างไรบ้าง”
ห้าวันห้าเม็ดไม่น่าเชื่อ แม้คุณภาพจะดี เช่นนั้นก็คงจะอยู่ในระดับธรรมดา สำหรับจูนจิ่วที่อายุแค่นี้ ได้คุณภาพธรรมดาก็ถือว่าร้ายกาจมากแล้ว เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูคิดอย่างนี้
แต่ว่า เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวไม่ได้ตอบเขาเป็นเวลานานมาก
ยังมีฝู้หลินจ้านที่ทนไม่ไหวลุกเดินเข้าไป ยื่นหน้าเข้าไปดูตาเบิกกว้าง “มีไอยา เป็นคุณภาพที่ดีที่สุด”
ว่าไงนะ
ทุกคนในห้องต่างมีสีหน้าอึ้งอีกครั้ง สีหน้าที่พวกเขามองจูนจิ่วราวกับกำลังมองภูตผีปีศาจ นักกลั่นยาที่ดีที่สุดในสำนักศึกษาทั้งสามของพวกเขายังไม่สามารถกลั่นยาที่มีไอยาได้ แม้แต่นักกลั่นยาพิษเฟยชิง ตั้งแต่เกิดมาก็เคยกลั่นยาที่มีไอยาพิษได้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น เขาก็มีชื่อเสียงได้จากยาเม็ดนี้
แต่ดูจูนจิ่ว ไม่ใช่แค่เม็ดเดียว มีห้าเม็ดทุกเม็ดต่างมีไอยา ยังจะพูดอะไรได้อีก คุกเข่าเรียกลูกพี่ใหญ่เถอะ
ฝู้หลินซวงมองไปทางจูนจิ่ว น้ำเสียงเย็นเยือกของเขายังนับสงบ เขาพูดว่า “วิชากลั่นยาของเจ้า สามารถกล่าวได้ว่าเป็นที่หนึ่งในสามสำนักศึกษาทั้งสาม ”
“จูนจิ่วเจ้าทำได้อย่างไร การกลั่นยานั้นมันยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก ทำไมเจ้าจึงกลั่นออกมาได้อย่างง่ายดายนัก อีกทั้งสีหน้าเจ้ายังคงแดงเรื่อ หายใจปกติ ไม่มีทีท่าเหมือนจะเหนื่อยล้าเลย”ฝู้หลินจ้านใช้ฝ่ามือค้ำคางของตัวเองไว้เพื่อพูดจา
เขาเกรงว่าหากไม่ค้ำที่ใต้คางเอาไว้ คงอึ้งอ้าปากค้างจนคางไปเกยกับพื้น
มู่จิ่งหยวนยิ้มให้กับจูนจิ่ว “หากฝีมือในการกลั่นยาของศิษย์น้องเป็นที่สอง เช่นนั้นคงไม่มีกล้าขึ้นเป็นที่หนึ่ง ข้าถูกมีดแทงทะลุหัวใจ เท้าทั้งสองข้างก้าวเขห้าสู่ยมโลกแล้ว ศิษย์น้องจูนยังสามารถดึงข้ากลับมาได้ นอกจากนางแล้ว โลกนี้ยังมีใครทำได้อีก ”
ร้ายกาจ ปรบมือให้กับลูกพี่ใหญ่ ฝู้หลินจ้านปรบมือจริงๆ
พอได้สติ สายตาของเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวที่มองจูนจิ่วก็ร้อนผ่าวขึ้น เจ้าสำนักศึกษาไท่ชูเห็นเข้าก็รู้ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขารีบพูดขึ้นว่า “จูนจิ่วเป็นคนของสำนักศึกษาไท่ชู เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวท่านตายใจเสียเถอะ”
วิปริตและร้ายกาจเช่นนี้ กุมไว้ให้ดี ใครก็อย่าคิดจะมาแย่งกับสำนักศึกษาไท่ชู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...