มีพรสวรรค์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าร้ายกาจดุจปีศาจ แล้วก็ยังมีความพยายามอีกชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าวิปริต
จูนจิ่วใช้เวลาสามเดือนในการบรรลุนักจิตชั้นแปด พลังทิพย์บริสุทธิ์ การฝึกฝนมั่นคง ไม่มีความใจร้อนหุนหันพลันแล่นเลยสักนิด และก็ดูไม่ได้ดีใจในความสำเร็จ นางนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นเฟิง สายตามองไปยังภูเขาที่อยู่ไกลออกไปที่ล้วนถูกย้อมเป็นสีแดงจากใบของต้นเฟิง
ความงดงามที่ยิ่งใหญ่แผ่ขยายกว้าง ลมพัดทำให้จิตใจผ่อนคลายรู้สึกสบาย
คลึงที่ฝ่าเท้าของเสี่ยวอู่ทำการนวดให้มันหนึ่งรอบ จูนจิ่วมองไปทางโม่อู๋เยว่และพูดว่า “รอให้ผ่านเดือนสิบเอ็ดไปแล้ว ข้าจะไปที่สำนักศึกษาเทียนซู ถึงตอนนั้นศิษย์พี่ก็คงเตรียมตัวเสร็จแล้ว”
“เดือนสิบเอ็ด ”โม่อู๋เยว่ยิ้มร้าย เอ่ยอย่างจิตใจเบิกบานว่า “ข้าคิดว่าไม่ต้องรอให้ผ่านเดือนสิบเอ็ด เจ้าก็สามารถไปสำนักศึกษาเทียนซูได้แล้ว
“เอ๋”
จูนจิ่วกำลังสงสัย พอเห็นโม่อู๋เยว่ยิ้มให้นาง ยากจะทนต่อความอยากจะหยอกเย้าเสียจริง โม่อู๋เยว่ลุกขึ้น “ชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนมาแล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ลองถามพวกเขาก็จะรู้เอง”
ไม่อุบไว้ให้เสียเวลา จูนจิ่วเลิกคิ้วเบ้ปากเบาๆ สามารถไปสำนักศึกษาเทียนซูในไม่ช้า หรือว่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับเทียงฉิวก็รอไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จึงได้ส่งคนมาจับตัวนาง ระหว่างที่จูนจิ่วกำลังคาดเดา ในสายตาก็ปรากฏเงาร่างของชิงหยู่กับหยวนชิงหลิงที่เดินมาด้วยกัน
เสี่ยวอู่เงยหน้าขึ้นมองไปทางจูนจิ่ว “เจ้านายจะปิดกั้นการฝึกฝนไว้ก่อนหรือไม่ ”
จูนจิ่ว “สำหรับพวกเขา ไม่จำเป็น ”
ไม่ช้า ทั้งสองก็เดินมา ชิงหยู่เป็นคนส่งยิ้มและทักทายจูนจิ่วก่อน “ศิษย์น้อง”
“โชคดีที่ศิษย์น้องจูนออกจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าจะหาเจ้าได้อย่างไร ”ระหว่างที่มู่จิ่งหยวนพูด สายตาที่มองไปยังจูนจิ่วก็เป็นประกายขึ้นมา แผ่นหลังที่ยืนตรงเกิดอาการแข็งค้าง
ไม่อยากจะเชื่อ มู่จิ่งหยวนรักษาท่าทีสง่างามเอาไว้ไม่อยู่ เขาตะโกนเสียงดังว่า “นักจิตชั้นแปด”
“ใช่ ศิษย์น้องของข้าบรรลุนักจิตชั้นแปดแล้ว เป็นอย่างไร ยอดเยี่ยมใช่หรือไม่ ”ชิงหยู่ยิ้มกว้าง สีหน้าราวกับมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างรอคอยที่จะเห็นใบหน้านี้ของมู่จิ่งหยวน เขายังหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับจูนจิ่ว
หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ
ยอดเยี่ยม
มู่จิ่งหยวนอ้าปากแต่พูดอะไรไม่ออก จูนจิ่วเมื่อสามเดือนก่อน เขาเห็นกับตาว่านางเพิ่งจะบรรลุนักจิตชั้นห้า เวลาสั้นๆเพียงสามเดือน สามเดือนที่คนอื่นแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย จูนจิ่วกลับบรรลุไปถึงนักจิตชั้นแปด นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
“จริงหรือไม่”มู่จิ่งหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ศิษย์น้องจูนรีบบอกข้ามา เป็นข้าที่ตาลาย ทำไมเจ้า ทำไมจึงได้บรรลุนักจิตชั้นแปดแล้ว นี่ไม่ปกติเอาเลย”
“เฮ้ ศิษย์พี่มู่ ศิษย์น้องข้ามีอะไรไม่ปกติหรือ”ได้ยินคำพูดนี้ ชิงหยู่ก็รู้สึกไม่พอใจ
ในอ้อมแขนอุ้มเสี่ยวอู่เอาไว้ จูนจิ่วมองการโต้ตอบไปมาของชิงหยู่กับมู่จิ่งหยวนอย่างรู้สึกสนุก เห็นมู่จิ่งหยวนถามนาง จูนจิ่วก็เลิกคิ้วบอกว่า “ศิษย์พี่มู่ไม่ได้ตาลาย ข้าได้บรรลุนักจิตชั้นแปดแล้วจริงๆ ”
“เฮือก”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง ดวงตาของมู่จิ่งหยวนจะถลนออกมาแล้ว เขาพูดเสียงหลงว่า “ศิษย์น้องจูนเจ้าเป็นพวกวิปริตใช่หรือไม่ สามเดือนบรรลุสามขั้น น่ากลัวจริงๆ ”
จูนจิ่วยิ้ม ชิงหยู่กุมท้องหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง
นี่แหละศิษย์น้องของเขา หนึ่งเดียวไม่มีสองในโลกใบนี้ ไม่มีใครเทียบศิษย์น้องของเขาได้ แม้ว่าเขาเองก็ถูกการฝึกฝนที่รวดเร็วทำให้ตกตะลึงเช่นกัน แต่ก็รู้สึกภูมิใจมากกว่า และรู้สึกเป็นเกียรติมากด้วย
เห็นมู่จิ่งหยวนยังตกอยู่ในอาการตะลึงไม่ได้สติ จึงได้ดีดนิ้วเพื่อเรียกสติของเขากลับมา
จูนจิ่วถาม “ศิษย์พี่มู่ ท่านคงไม่ได้มาหาข้าเพื่อจะตะลึงในความเร็วในการฝึกฝนของข้าหรอกกระมัง มีเรื่องอะไรหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...