บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 422

สรุปบท บทที่ 422 หญิงจิตใจชั่วร้ายหงยิง: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

สรุปตอน บทที่ 422 หญิงจิตใจชั่วร้ายหงยิง – จากเรื่อง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

ตอน บทที่ 422 หญิงจิตใจชั่วร้ายหงยิง ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดยนักเขียน ต้าวเมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ใครๆต่างก็รู้ถึงบุญคุณความแค้นระหว่างเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกับจูนจิ่ว ก่อนหน้านี้ก็ตอนที่แข่งขันทั้งห้าสำนัก จากนั้นก็แผนการต่างๆนานา ตีรันฟันแทง คิดอยากจะอยู่อย่างสงบ จูนจิ่วกับเจ้าสำนักเทียนซูต้องเหลือรอดเพียงหนึ่งเท่านั้น

ในสายตาของพวกเจ้าสำนักเทียนซู ขอเพียงจูนจิ่วมาก็ต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัย ฉะนั้นตลอดทางจึงไม่ได้มีลูกไม้อะไร เพราะเกรงจะทำให้จูนจิ่วหนีไปเสียก่อน

เดินทางอย่างราบรื่นจนเข้าสู่เขตแดนของสำนักศึกษาเทียนซู พวกจูนจิ่วพบเข้ากับพวกฝู้หลินจ้านกับฝู้หลินซวงเสียก่อน ยังมีจี้อีหมิง ทั้งสามคนพอเห็นพลังแท้จริงของจูนจิ่ว สีหน้าท่าทางเหมือนกับมู่จิ่งหยวนราวกับแกะมาจากพิมพ์เดียวกันไม่มีผิด

ทั้งสามคนคิด จูนจิ่วต้องวิปริตแน่

จี้อีหมิงพูดอย่างเป็นห่วงว่า “พี่สาว ถ้าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูเห็นว่าท่านบรรลุได้ร้ายกาจขนาดนี้ ต้องจ้องท่านไม่ปล่อยแน่ พี่สาวน่าจะปิดบังไว้หน่อยเพื่อความปลอดภัย”

“ข้ากับเทียงฉิวเป็นศัตรูคู่อาฆาต ไม่ว่าจะมีตัวแปรอะไรพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยข้าไปแน่ ตามสบายก็พอ ”จูนจิ่วพูด

ฝู้หลินซวงพยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดของจูนจิ่ว

ต่อหน่าศัตรูไม่จำเป็นต้องแสร้งทำ ยิ่งจูนจิ่วมีพลังของนักจิตชั้นแปดแล้ว ต่อหน้าสำนักศึกษาเทียนซูที่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่ได้ถือว่าน่าดูอะไร จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังเลยสักนิด

ไม่สู้เปิดเผยออกมา ความเร็วในการบรรลุที่วิปริตร้ายกาจดุจปีศาจ ยังพอสามารถทำให้เทียงฉิวอกสั่นขวัญแขวนได้บ้าง

ตลอดทางเดินพวกเขาเดินอย่างไม่เร็วและไม่ช้า เพิ่งจะเข้าสู่เดือนสิบเอ็ดตอนที่พวกเขามาถึงด้านล่างของภูเขาสำนักศึกษาเทียนซู อากาศหนาวเย็น มีหิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้า ทำให้ภูเขาสูงตระหง่านตรงหน้าเปลี่ยนเป็นทิวทัศน์สวยงามของเหมันตฤดู ขาวโพลนไปด้วยหิมะ

ทุกคนต่างเปลี่ยนเป็นชุดที่หนาขึ้น พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจูนจิ่วยังคงสวมชุดกระโปรงสีแดงบางเบา ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือมีเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอก ใครเห็นก็ต้องรู้สึกหนาว

ฝู้หลินจ้านจ้องมองนาง “จูนจิ่ว เจ้าไม่หนาวหรือ”

“ไม่หนาว”จูนจิ่วยิ้ม ในอ้อมอกของนางอุ้มเสี่ยวอู่ที่ขดเป็นก้อนเป็นที่อุ่นมือสำหรับนาง และจูนจิ่วก็ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด

นางกำลังฝึกฝนวิชาฝึกตนชั้นที่สี่อยู่ วิชาจิตกำลังวิ่งพล่านอยู่ตลอดเวลา พลังทิพย์ไหลเวียนเข้าสู่เส้นปราณ เป็นเครื่องปรับอากาศในฤดูหนาวให้อุ่นปรับอากาศในฤดูร้อนให้เย็นที่มาจากธรรมชาติ อากาศภายนอกไม่อาจจะมีผลกระทบต่อนาง ชิงหยู่รู้สาเหตุ

เขามองจูนจิ่วด้วยสายตาที่อิจฉา

เขาเองก็กำลังฝึกฝนวิชาฝึกตนชั้นที่สี่อยู่ แต่ว่าผ่านไปสามเดือนแล้วกลับไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด แม้จูนจิ่วจะอธิบายให้เขาฟัง แต่ก็ยังก้าวหน้าได้ช้ามากอยู่ดี

เห้อ ทำไมเขาที่เป็นถึงนักจิตใหญ่ถึงได้เรียนรู้ได้ช้ากว่าศิษย์น้องนะ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เป็นเพราะศิษย์น้องร้ายกาจอย่างเหลือเชื่อเกินไป

เพิ่งจะเข้าสู่ประตูภูเขาสำนักศึกษาเทียนซู ก็เห็นเงาสีแดงสายหนึ่ง นางสวมชุดกระโปรงสีแดงเหมือนกับจูนจิ่ว จูนจิ่วนั้นราวกับกุหลาบที่สวยสง่า ราวกับไฟที่ร้อนแรง งดงามล่มเมือง แต่นาง กระโปรงสีแดงเมื่อเทียบกับจูนจิ่วแล้ว ดูไร้รสนิยมและจัดจ้านเกินไป

อากาศในเดือนสิบเอ็ด หงยิงหลับเผยให้เห็นนวลเนื้อผืนใหญ่บริเวณหน้าอก ชายกระโปรงที่ผ่าออกเผยให้เห็นขาขาวเนียนสองข้างที่ช่างดึงดูดสายตา คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าเป็นสาวงามดุจปีศาจจำแลง ทำให้เกิดความหื่นกระหายจนน้ำลายไหล

จากนั้นพอรู้ว่าเป็นหงยิง ถ้าไม่ตกใจจนเข่าอ่อน ก็ต้องตกใจจนตาย

เพชฌฆาตหญิงผู้มีชื่อเสียงของเทียงฉิว ฝีมือร้ายกาจโหดเหี้ยม คนในเทียนซูต่างก็หวาดกลัวนางมาก

แต่ถ้าหงยิงคิดจะแสดงท่าทีน่าเกรงขามต่อหน้าพวกเขา ก็คงต้องผิดหวังแน่

หงยิงจ้องจูนจิ่วเขม็ง แต่พอนางเห็นว่าจูนจิ่วได้บรรลุนักจิตชั้นแปดแล้ว ก็ตกใจจนไม่อยากจะเชื่อ แววตาของหงยิงมีแววอิจฉา โหดเหี้ยมและดุร้ายปะปนกัน นางจับเส้ที่เหน็บอยู่ตรงเอว เส้เดิมของนางถูกจูนจิ่วทำลายไปแล้ว แต่ว่าเส้เส้นใหม่นี้ลมกว่าและหนามแหลมก็มีพิษยิ่งกว่า นางเกือบจะอดทนไม่ได้ที่จะฟาดมันลงบนร่างของจูนจิ่วจนเลือดสาด

ควบคุมจิตใจที่ต้องการสังหารเอาไว้ หงยิงยิ้มร้ายและค่อยๆเงยหน้าขึ้น เดินเข้ามาตรงหน้าจูนจิ่ว หงยิงเอ่ยขึ้นว่า “จูนจิ่ว เจ้ายังจะกล้ามาเทียนซูหรือ”

ทำไมจึงได้รู้สึกว่าจูนจิ่วมีทรงพลังจนน่ากลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยิ่งกว่าอาจารย์ของนาง ยิ่งกว่าศิษย์พี่ซิงของนางด้วย รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ ไม่กล้าโต้ตอบจูนจิ่ว ในใจของหงยิงโมโหจนแทบคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกประหลาดของร่างกายได้

นางได้ยินจูนจิ่วหัวเราะเยาะเย้ยว่า “ขี้ขลาดจริง”

ฮึ จูนจิ่วเจ้ารอก่อน ข้าต้องฆ่าเจ้าแน่ หงยิงโมโหจนจะกระอักเลือด เห็นได้ชัดว่ามนต์ปีศาจของจูนจิ่วควบคุมนางเอาไว้

จูนจิ่วมองไปทางพวกชิงหยู่ “ไปเถอะ รีบไปถึงที่พักจะได้พักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวชมสำนักศึกษาเทียนซูด้วยกัน พวกท่านมีใครรู้ทางบ้าง ”

“ข้า ”จี้อีหมิงยกมือ “พี่สาวข้ารู้ทาง พรุ่งนี้มอบให้ข้าเป็นคนนำทางก็ได้”

“ดี”

พวกเขาพูดคุยหัวเราะกันเดินผ่านหงยิงไป ไม่มีใครสนใจนาง แต่ว่าพวกเขารู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดของจูนจิ่วสักเท่าไหร่ ฝู้หลินจ้านพูดว่า “จูนจิ่ว ด่านางว่าหมาเท่ากับดูถูกหมานะ ”

“มีเหตุผล แต่ว่านางก็เป็นหมาของเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู ก็ถือว่าพูดไม่ผิด”

ฟู่

หงยินได้ยินจากที่ไกลๆ ก็โมโหจนกระอักเลือดพุ่งออกมา ในที่สุดนางก็ขยับตัวได้แล้ว จึงได้คว้าแส้ออกมาฟาดลงบนร่างของหน่วยกล้าตายเทียงฉิวคนหนึ่ง เส้แล้วเส้เล่า ฟาดจนหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวคนนั้นเลือดสาดกระเด็นไม่ทั่ว หงยิงโมโหจนหอบหายใจแรง สีหน้าโหดเหี้ยม

“จูนจิ่ว ถ้าไม่ใช่คำสั่งของศิษย์พี่ซิง เมื่อครู่ข้าต้องฆ่าเจ้าแน่ คอยดูเถอะ เจ้าคงอยู่รอดได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ