ยุติธรรม จูนจิ่วยิ้มเย็น นางได้ยินคำพูดที่น่าขันที่สุด
พวกชิงหยู่ที่พลางจ้องซิงโล่เฉินอย่างโมโห พลางก็รอคำตอบของจูนจิ่วอย่างใจเย็น พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าจูนจิ่วมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาขอร้องหรือยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ในใจ พวกเขาล้วนไม่อยากให้จูนจิ่วตอบรับ
จูนจิ่ว “ได้”
“เช่นนั้นก็มาประลองกันที่นี่ ออ ข้ายังไม่ได้ยินดีกับเจ้าที่บรรลุนักจิตชั้นแปด หวังว่ายาที่เจ้ากินไปมากมายจะเห็นผลนะ เพราะข้าเองก็จะสะกดพลังเอาไว้ให้อยู่ในระดับนักจิตชั้นแปดเช่นกัน ”ซิงโล่เฉินพูดจาเยาะเย้ยดูถูกซิงโล่เฉิน
ในสายตาของเขา จูนจิ่วก็แค่พึ่งยาต่างๆเพื่อสะสมพลังการฝึกฝน
นางรู้ว่านางต้องมาที่สำนักศึกษาเทียนซู รู้ว่าตนเองคงหลบมือปีศาจของเทียนฉิวไม่พ้น ฉะนั้นจึงใช้ยาในการเสริมพลัง คิดว่าทำเช่นนี้จะทำให้พวกเขากลัวได้หรือ ฮึฮึ จูนจิ่วฝันกลางวันกระมัง
จูนจิ่วส่งเสี่ยวอู่ให้กับชิงหยู่ เสี่ยวอู่มองและกวักอุ้งเท้าให้กับนาง ในใจร้องเหมียวเหมียวให้สู้ๆ สั่งสอนซิงโล่เฉินดีๆสักตั้ง
จูนจิ่วยิ้มลูบหัวของเสี่ยวอู่ หมุนตัวเดินไปทางซิงโล่เฉินหนึ่งก้าว เกินไปยังใจกลางลานฝึกยุทธ
ป้าฟางเห็นดังนั้นก็ก้าวเข้ามาตะโกนว่า “ข้าจะเป็นกรรมการ พวกเจ้าสู้กันพอประมาณ อย่าได้ลงมือทำร้ายอีกฝ่ายให้ได้รับบาดเจ็บ”
“ชิ ”ซิงโล่เฉินยิ้มเย็น หันหลังให้ป้าฟางสายตามีแววดูถูกเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองป้าฟางอยู่ในสายตา เขารอจะตีแขนขาของจูนจิ่วให้หัก ทรมานนาง จะให้มายั้งมือให้พอประมาณได้อย่างไร
ซิงโล่เฉินสะกดพลังของตัวเองให้อยู่ในชั้นนักจิตชั้นแปด เขากวักนิ้วท้าทายอย่างดูถูกไปทางจูนจิ่ว “เพื่อไม่ให้คนอื่นพูดกันได้ว่าข้ารังแกเจ้า พวกเราไม่ต้องใช้อาวุธ ใช้มือเปล่ามาประลองกัน”
“ศิษย์พี่ซิงสู้ๆ สั่งสอนนางให้ได้ ”หงยิงยิ้มอย่างดุร้าย
ได้เห็นสีหน้าของพวกเขาแล้ว ฝู้หลินซวงก็ขมวดคิ้ว มู่จิ่งหยวนกำหมัดไว้แน่นเอ่ยขึ้นว่า “ซวยล่ะ ไม่ใช้อาวุธอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าซิงโล่เฉินต้องการจะตีศิษย์น้องจูนโดยเจตนา สู้กันมือเปล่า แม้เขาจะกดทับพลังเอาไว้ แต่เขาก็มีร่างกายเป็ฯนักจิตใหญ่ระดับสาม จูนจิ่วไม่มีข้อได้เปรียบเลยสักนิดเดียว”
“น่าโมโหจริงๆ แล้วพี่สาวจะทำอย่างไร ”จี้อีหมิงร้อนใจ
ซิงโล่เฉินบอกยุติธรรม นั่นคือการพูดปด
จูนจิ่วเลิกคิ้ว นางค่อยๆคลายมือและร่างกาย จากนั้นค่อยกำหมัดเตรียมท่าทางเหมือนพร้อมรบ จูนจิ่วเอ่ยเสียงเย็น “อย่าเสียเวลาเลย เข้ามาเถอะ”
“ฮึ โง่จนหาเรื่องตาย ”ซิงโล่เฉินพุ่งตัวเข้าไป
เขากำหมัดไว้แน่น หมัดนั้นพุ่งตรงไปที่หน้าของจูนจิ่วอย่างเลือดเย็นจนเกิดเสียงแหวกอากาศดังขึ้น พอลงมือก็ออกอาวุธหนัก จนสามารถทำลายโฉมคนอื่นได้ พูดได้ว่าจิตใจของซิงโล่เฉินนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก ดูแล้วก็ทำให้ทุกคนหัวใจบีบแน่น มีเพียงหงยิงที่ดูยินดีปรีดา
เท้าขวาของจูนจิ่วหมุนทำให้ร่างกายพลิกไปอีกด้าน หมัดนั้นลอยผ่านหน้าของจูนจิ่วไป ซิงโล่เฉินมีปฏิกิริยาไวมาก เปลี่ยนจากหมัดเป็นฝ่ามือสับลงไปที่นาง
ใครจะรู้ว่าจูนจิ่วไม่ได้หลบหลีกอีก กลับใช้มือทั้งคู่เกี่ยวแขนของซิงโล่เฉินเอาไว้ ดึงไปข้างหน้า พลังของจูนจิ่วนั้นอ่อนโยนมาก สามารถแก้ไขฝ่ามือพิฆาตของซิงโล่เฉินได้อย่างชาญฉลาด ดึงจนร่างของเขาไม่มั่นคง
พริบตาต่อมา จูนจิ่วหายไปแล้ว
หากบอกว่าเมื่อครู่ถูกดึงจนทำให้ร่างกายไม่มั่นคง นั่นถือว่าเล็กน้อยมาก เพราะพริบตาต่อมา จูนจิ่วใช้ความเร็วดุจผีปีศาจไปยืนอยู่ด้านหลังซิงโล่เฉินเตะออกไปหนึ่งที โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซิงโล่เฉินไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ถูกเตะจนเซไป เกือบจะเอาหน้าทิ่มลงไปกับพื้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของหงยิงหายไป เป็นไปไม่ได้ เพิ่งจะประมือกัน ทำไมจึงเป็นซิงโล่เฉินที่เผยท่าทีอ่อนแอออกมาได้
“จูนจิ่ว”ซิงโล่เฉินรู้สึกโกรธที่ถูกทำให้อับอาย
เขาหมุนตัวซัดฝ่ามืออันดุดันไปที่กระหม่อมของจูนจิ่ว ไม่ฆ่านาง ก็จะให้นางเหมือนตายทั้งเป็น จูนจิ่วถอยร่างไปข้างหลัง กระบวนท่านี้ของซิงโล่เฉินไร้ผลอีกแล้ว เขารีบเปลี่ยนท่า ยกขาขึ้นข้างหนึ่งเตะไปยังจูนจิ่วอย่างโหดเหี้ยม ส่งพลังทิพย์ไปที่ขา ถ้าโดนเตะเข้าไป กระดูกบนร่างของจูนจิ่วคงหักหลายท่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...