บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 427

จูนจิ่วตัวคนเดียว ทุกคนต่างก็อึ้งไป ในเมื่อคะแนนของพวกเขาจะถูกรวมกันโดยคนสองคนในกลุ่ม จูนจิ่วคนเดียวก็เท่ากับเสียเปรียบน่ะสิ

ชิงหยู่กำลังจะเปิดปากถาม ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมจริงจังของป้าฟางดังขึ้นก่อน “เอาล่ะ วันนี้มีคนได้รับบาดเจ็บ หยุดการเรียนเอาไว้ก่อนชั่วคราว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ นอกจากจูนจิ่วคนอื่นๆให้กลับไปก่อน”

ชิงหยู่รีบหันไปมองจูนจิ่วทันที จูนจิ่วส่งสายตาให้เขา ชิงหยู่ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วก็หมุนตัวไปจากที่นี่พร้อมพวกมู่จิ่งหยวน

พวกเขาไม่ได้ไปไหน ต่างก็รอจูนจิ่วอยู่ที่ด้านนอก ต่างมองหน้ากันไปมา ชิงหยู่พูดก่อนว่า “ทำไมจึงให้ศิษย์น้องอยู่ตัวคนเดียว นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ”

“เกรงว่าที่ป้าฟางให้ศิษย์น้องจูนอยู่ก่อน ก็คงเพราะเรื่องนี้ ”มู่จิ่งหยวนพูด

ฝู้หลินจ้านลูบคาง คาดเดาอย่างสงสัย“คงไม่ใช่ว่าป้าฟางเป็นพวกเดียวกันกับสำนักศึกษาเทียนซูหรอกนะ จึงได้จงใจทำให้จูนจิ่วลำบากใจ ”ฝู้หลินซวงกับจี้อีหมิงไม่พูดอะไร พวกเขาต่างเดาไม่ออกถึงความคิดของป้าฟาง

ณ สถานที่เดิม

ป้าฟางเม้มริมฝีปาก มองจูนจิ่วอย่างขึงขังลึกล้ำ ไม่มีใครพูดอะไร ในสนามมีแต่ความเงียบสงัด

จูนจิ่วไม่ได้รู้สึกว่าอึดอัดไม่เป็นตัวเองเลยสักนิด หลังยืดตรง ท่าทีสงบเยือกเย็น ดวงตาคู่นั้นจ้องมองป้าฟางอย่างเย็นชา รอให้นางเปิดปากพูดก่อน ป้าฟางกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เปิดปากถามขึ้นว่า “เจ้าไม่คิดจะถามหน่อยหรือว่าทำไมข้าจึงให้เจ้าอยู่ตัวคนเดียวหนึ่งกลุ่ม ”จูนจิ่วเลิกคิ้ว ยิ้มเย็น

ป้าฟางเหมือนจะเข้าในทันที จูนจิ่วยังคงยืนยันความคิดเดิม นางจะพูดหรือไม่ จูนจิ่วก็ไม่สนใจ ป้าฟางถอนหายใจ นางอายุขนาดนี้แล้วยังสู้ความใจเย็นของจูนจิ่วไม่ได้เลยสักนิด

ป้าฟาง “จูนจิ่ว นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมอบให้เจ้า เจ้าไปซะตอนนี้ ยังทัน เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว ซิงโล่เฉินกับหงยิงต่างก็มีแต่เจตร้ายรุนแรงต่อเจ้า พวกเขาไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ”

“ทุกวันที่เจ้าอยู่ในเขตสำนักศึกษาเทียนซูก็เท่ากับอยู่ในอันตราย สามารถปลิดชีวิตเจ้าได้ทุกเมื่อ ไปจากที่นี่ รีบไปจากที่นี่จึงจะเป็นแผนการที่ดีที่สุด”ป้าฟางเตือนนางอีกแล้ว

จูนจิ่วขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา

น้ำเสียงจริงใจ ทุกถ้อยคำล้วนฟังออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยแล้วอย่างไร คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ความห่วงใยของพวกเขายิ่งจะเพิ่มความลำบากมาให้นาง

“ท่านมีสิทธิ์อะไรมาพูดเช่นนี้กับข้า ”น้ำเสียงจูนจิ่วเย็นชา เยือกเย็นจับใจ

นางเหลือบสายตาขึ้น แววตาเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง ทำให้อกสั่นขวัญแขวน ป้าฟางมองดูดวงตาคู่นั้น ทำให้ต้องยืดหลังยืนตรงสูดลมหายใจเข้าอย่างช่วยไม่ได้ นางอ้าปาก “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้ารู้จักกับพ่อแม่ของเจ้า เช่นนั้นก็คงจะรู้ว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเจ้า ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า ”

“ฮึ ”จูนจิ่วยิ้มเย็น

นางเหยียบลงที่พื้นเบาๆ พุ่งร่างออกไปอย่างรวดเร็ว ป้าฟางรีบทำท่าป้องกันโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็วว่าเป็นจูนจิ่ว นางรีบเก็บมือ ตอนนี้เอง จูนจิ่วได้มาถึงหน้านางแล้ว นิ้วมือพลิกหมุน มีโยวยิ่งออกมา

จึก

“อ๊า ”ป้าฟางร้องเจ็บปวดอยู่เสียงหนึ่ง กำข้อมือเอาไว้ถอยร่นไป จ้องมองจูนจิ่วด้วยสีหน้าตกใจและโมโห

สะบัดเลือดหยดหนึ่งที่ติดอยู่บนมีดโยวยิ่งทิ้งอย่างผ่อนคลายสบายใจ จูนจิ่วมองป้าฟางอย่างเย็นชาและกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “ข้าบอกแล้ว ถ้ายังยื่นมือเข้ามาทำให้ข้าโมโห ข้าจะตัดมือท่าน ”ป้าฟางกุมข้อมือไว้แน่น นางไม่คิดว่าจูนจิ่วจะเอาจริง

นางก้มหน้ามองบาดแผล เกือบจะถูกตัดเอ็นข้อมือแล้ว แต่บาดแผลที่ลึกเช่นนี้ ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูสิบวันหรือครึ่งเดือนจึงจะกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ จูนจิ่วเป็นนักกลั่นยา นางย่อมรู้ดีแก่ใจ

จูนจิ่วพูดอีกว่า “หากยังมีครั้งหน้า ท่านกับท่านถือว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ”

ป้าฟางตกตะลึง พูดอะไรไม่ออกสักคำ ศัตรูคู่อาฆาต เห็นได้ชัดว่านางเป็นห่วงจูนจิ่ว ทำไมนางจึงเห็นว่าเป็นศัตรูไปได้ ป้าฟางได้แต่หาคำตอบให้กับเรื่องนี้ คิดว่าเพราะจูนจิ่วอายุยังน้อยจึงได้เอาแต่ใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ