อินทรีหัวเสือดาวสามตาตายแล้ว
ป้าฟางไม่อยากจะเชื่อ นิ่งอึ้งอยู่นานกว่าจะหันไปทางเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูและพูดว่า “อินทรีหัวเสือดาวสามตาตายแล้ว”
นางเป็นคนจับอินทรีหัวเสือดาวสามตามาเอง นางโรยสิ่งที่สามารถสะกดรอยตามได้บนร่างของอินทรีหัวเสือดาวสามตา เพื่อป้องกันหากกระจกน้ำถูกพบเห็นเข้า นางยังสามารถรู้ตำแหน่งที่อยู่ของอินทรีหัวเสือดาวสามตาได้ และสามารถไปช่วยจูนจิ่วได้ทัน
และแล้ว กระจกน้ำที่ซ่อนอยู่บนที่ครอบผมของจี้อีหมิงก็ถูกจูนจิ่วค้นพบ และทำลายทิ้งกับมือ แต่ตอนนี้ ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกันบอกนางว่า สัตว์ทิพย์ระดับแปดอินทรีหัวเสือดาวสามตาได้ตายแล้ว สัตว์ทิพย์ที่มีพลังเทียบเท่านักจิตใหญ่ชั้นห้า ใครสามารถฆ่ามันได้
ปฏิกิริยาแรกของป้าฟางคือ ร้อนใจและกังวล “เจ้าสำนักศึกษาเทียนซู หรือว่าสัตว์ทิพย์ในสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะนั้นไม่ได้ถูกจัดการไปทั้งหมด ยังมีสัตว์ทิพย์ที่ร้ายกาจกว่าหลงเหลืออยู่ หรือว่ามีนักจิตใหญ่อยู่ข้างใน ”
“เป็นไปไม่ได้ ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูยิ่งตะลึงกว่า เขาปฏิเสธออกไปอย่างแน่ใจยิ่งนัก
ป้าฟางได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนตัวเองจะลืมอะไรบางอย่างไป นางถามขึ้น“เพราะอะไร”
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า เพื่อที่เขาจะจับตัวจูนจิ่วให้ได้ เขาได้ทำการตรวจสอบสัตว์ทิพย์ทั้งหมดในสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะแล้ว ข้างในนอกจากหน่วยกล้าตายของเทียงฉิว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนอื่น สัตว์ทิพย์ที่ร้ายกาจ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็คิดไม่ออก ใครกันที่ฆ่าอินทรีหัวเสือดาวสามตา เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูแสร้งยิ้ม และพูดว่า “เพราะว่าข้าได้สำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว และได้ลงมือทำเอง ไม่มีข้อผิดพลาดแน่ ตอนนี้อินทรีหัวเสือดาวสามตาก็ได้ตายไปแล้ว อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตของพวกเขาอีกมิใช่หรือ”
ป้าฟางรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เป็นความประหลาดใจที่พูดไม่ออก
นางเม้มมุมปาก กำหมัดเบาๆแล้วคลายออก ป้าฟางพยักหน้า“ท่านพูดถูก เช่นนั้นก็คงต้องรอให้พวกเขาจับสัตว์ทิพย์ออกมาแล้ว”
น้ำเสียงของป้าฟางขรึมลงเล็กน้อย ครั้งนี้ นางแพ้อีกแล้ว ด้วยความฉลาดของจูนจิ่ว ความสามารถและโชค นางต้องจับสัตว์ทิพย์ระดับเจ็ดได้แน่ ป้าฟางทั้งรู้สึกดีใจและปวดหัว ดีใจที่จูนจิ่วยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ ปวดหัวที่ตัวเองพ่ายแพ้ แล้วต้องคิดหาวิธีการใหม่อีกแล้ว
นางหลุบตาลงปิดบังแววตาครุ่นคิดเอาไว้ ป้าฟางอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าหากนางพูดความจริงกับจูนจิ่ว จูนจิ่วจะจากไปอย่างเชื่อฟัง ไม่ ไม่ได้ นางรับปากกับม่านตงแล้วว่าจะไม่พูด แม้จะเป็นลูกสาวนางก็พูดไม่ได้
ป้าฟางที่เข้าสู่ห้วงความคิด ไม่ทันได้สังเกตเห็นเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูที่แอบปล่อยนกพิราบสื่อสารออกไป
นกพิราบที่บินอยู่ท่ามกลางหิมะขาวในฤดูหนาว อำพรางร่างสีขาวของมันได้เป็นอย่างดี บินตรงไปยังสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะ เก็บปีกร่อนลงตรงกลางฝ่ามือของซิงโล่เฉินที่ยกขึ้นรอ หงยิงรีบเข้าไปดู “ศิษย์พี่ซิง ในจดหมายว่าอย่างไรบ้าง”
“ท่านผู้เฒ่าให้เราลงมือได้แล้ว”ซิงโล่เฉินปล่อยนกพิราบบินไป จากนั้นก็ทำลายจดหมาย เงยหน้ามองหงยิง ยิ้มอย่างยโสชั่วร้าย “ไปเถอะ ได้เวลากระชับวงล้อม ต้อนเหยื่อเข้ากรงขังแล้ว”
“ดีเลย ”หงยิงปรบมือ มุมปากโค้งขึ้น ทั้งดีใจและโหดเหี้ยม
ซิงโล่เฉินหมุนตัว มองไปทางด้านหลังของพวกเขามีหน่วยกล้าตายของเทียนฉิวนับร้อยอยู่ด้วย หน่วยกล้าตายสองคนตรงหน้าเขากางแผนที่ออก ข้างบนนั้นวาดแผนที่ของสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะไว้อย่างละเอียด
ซิงโล่เฉินยืนอยู่หน้าแผนที่ เอ่ยขึ้นว่า “นอกสนามสัตว์ทิพย์ให้วางตัวหน่วยกล้าตายเทียงฉิวไว้ให้เต็ม พวกจูนจิ่วหนีไม่พ้นแน่ พวกเราก็แค่เริ่มต้นจากจุดที่เกิดไฟไหม้ กระจายการค้นหาเป็นวงกว้างออกไป อากาศหนาวขนาดนี้ บนพื้นเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆ พวกเขาไปได้ไม่ไกลหรอก”
“ออกเดินทางหงยิงออกคำสั่ง
……
ในป่าของสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะ ยอดไม้ที่แน่นหนาไม่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาว ยังคงกางใบบดบังหิมะส่วนใหญ่ที่โปรยปรายลงมา ก่อไฟขึ้นข้างล่างต้นไม้ บนพื้นปูพรมหนานุ่ม
ทุกคนต่างนั่งล้อมวงกัน น้ำลายไหลยืดยาว สายตาที่เปล่งประกายแวววาวจ้องมองอาหารเลิศรสที่อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะจูนจิ่วให้พวกเขารอก่อน เกรงว่าคงถูกแย่งกินจนไม่เหลือนานแล้ว
ฝู้หลินจ้านเช็ดน้ำลาย ถามอย่างน่าสงสารว่า “จูนจิ่ว พวกเราต้องรอใครอีก คงไม่ใช่ซิงโล่เฉินกับหงยิงกระมัง ”เพิ่งจะพูดชื่อของสองคนนั้นออกไป ฝู้หลินจ้านก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้านขึ้นมา แค่คิดก็รู้สึกปวดหัวแล้ว
แต่ว่าในสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะนี้ นอกจากเขาสองคนแล้วยังมีใคร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...