นี่ยังไม่ทันได้อยู่ด้วยกัน ยังไม่มีสถานะอะไรเลย ก็คิดจะแย่งถ้วยกินข้าวกับมัน เสี่ยวอู่เป็นตัวแรกที่ไม่เห็นด้วย
มีมือหนึ่งยื่นมาคว้าคอข้างหลังของเสี่ยวอู่ จูนจิ่วจับมันกลับไปกดไว้กับอ้อมอก มุมปากกระตุก จูนจิ่วคำรามเสียงเย็น “ข้าไม่ใช่แม่ครัว อยากให้ข้าทำให้พวกเจ้ากินตลอดชีวิต คิดได้สวยหรูเกินไปแล้ว แม้แต่ข้าวแมวก็ไม่ทำ”
“เหมียวฮือ”ไม่มีข้าวให้กิน เสี่ยวอู่ไม่เข้าใจ
โม่อู๋เยว่ยิ้ม ยกมือขึ้นป้อนผลไม้ให้กับจูนจิ่วคำหนึ่ง เขายิ้มและพูดอย่างชั่วร้ายว่า“ข้าจะทะนุถนอมอย่างดี ขอเพียงเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกมาว่าอยากจะกินอะไร ย่อมต้องมีพ่อครัวมือดีในใต้หล้าแย่งกันเอาใจเจ้า เสี่ยวอู่ก็สามารถสั่งข้าวแมวได้ด้วย ”
“เหมียว”เสี่ยวอู่ถูกชักจูงให้เป็นพวกเดียวกันทันที ลืมเรื่องที่โม่อู๋เยว่เพิ่งบอกว่าจะแย่งข้าวของมัน
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็เหมือนพบเจอเรื่องดีๆเข้าแล้ว เหลิ่งยวนพูดกระซิบเบาๆว่า “เห็นหรือยัง เจ้านายข้าหยอกเย้าแม่นางจูนได้ลื่นไหลมาก แม้แต่แมวก็ยังเอาอยู่”
“เขาเป็นอาจารย์ของจูนจิ่วจริงหรือ ”ฝู้หลินจ้านกับเหลิ่งยวนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองต่างจ้องไปที่ชิงหยู่ พูดจบแล้ว ทั้งสองก็หันมาสบตากันเอง
เหลิ่งยวน โอ้โห
ฝู้หลินจ้าน ที่แท้ก็ไม่ใช่อาจารย์กับลูกศิษย์ธรรมดา คนที่จูนจิ่วพูดถึงคนนั้นก็คือเขา เหลือบเห็นสีหน้าของทั้งสองคน ชิงหยู่ได้แต่กุมหน้าไว้เงียบๆ อย่าถามเขา เขาก็แค่นักขับมือใหม่ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่อยากจะพูดอะไรด้วย ลาก่อนมู่จิ่งหยวน ยังคงนิ่งอึ้งไม่ได้สติ
มีเพียงฝู้หลินซวงที่เย็นชาสงบนิ่ง ไร้คลื่นลมใดๆ
เห็นทุกคนกินกันอิ่มพอสมควรแล้ว จูนจิ่วจึงพูดขึ้นว่า “อีกสักครู่จะมีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเกิดขึ้น ข้าแค่จะเตือนพวกเจ้า ตามติดข้าให้ดี อย่าได้แตกแถวเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่สนใจไม่รับผิดชอบ”
รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ทุกคนต่างนั่งตัวตรงจ้องมองไปทางจูนจิ่ว
จูนจิ่วเอียงคอหันไปมองทางโม่อู๋เยว่ ไม่ต้องให้นางได้เปิดปากพูดก่อน โม่อู๋เยว่ก็ยิ้มชั่วร้าย “ในที่สุดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็คิดถึงข้าซะที พูดเถอะ เจ้าจะให้ข้าทำอะไร”
จูนจิ่ว “ปิดกั้นพื้นที่สนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปห้ามให้ผู้ใดเข้าออกได้ จนกระทั่งข้าสั่งให้ปลดการปิดกั้นเท่านั้น ”
“ได้”โม่อู๋เยว่ตอบตกลง เขาทำมือท่าหนึ่ง เหลิ่งยวนรีบยืนขึ้นออกไปจัดการทันที
ได้ยินคำพูดของจูนจิ่ว แล้วมองท่าทีของโม่อู๋เยว่ เหลิ่งยวนจากไป สีหน้าของพวกมู่จิ่งหยวนไม่ได้เปลี่ยนไป ที่จริงคือถูกทำให้ตกใจจนตะลึง ปิดกั้นสนามสัตว์ทิพย์แอ่งกระทะ นี่มันต้องใช้พลังที่แข็งแกร่งขนาดไหน จึงจะสามารถทำได้
ถึงแม้เจ้าสำนักศึกษาทั้งสามรวมตัวกันก็ยังปิดกั้นทั้งหมดไม่ได้ ไม่ให้ผู้ใดเข้าออกได้ แต่โม่อู๋เย่ไม่ได้ลงมือเองด้วยซ้ำ แต่กลับให้ลูกน้องของเขาไปทำ เหลิ่งยวนมีพลังมากแค่ไหนกันเชียว แล้วโม่อู๋เยว่เล่าแข็งแกร่งขนาดไหน
ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ธรรมดา จะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นแล้ว
มู่จิ่งหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ศิษย์น้องจูน เจ้าจะทำเช่นไร”
“ในเมื่อเทียงฉิวได้เตรียมเรื่องให้พวกเราได้ประหลาดใจตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะทำให้พวกเขาประหลาดใจบ้าง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูส่งคนเข้ามาเท่าไหร่ ข้าก็จะให้พวกเขาตายเท่านั้น”
พูดออกไปแล้ว ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ไม่เพียงแต่ตกใจในน้ำเสียงแฝงแววสังหารของจูนจิ่ว แต่ยังตกใจที่ได้รู้ว่าเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูได้ส่งคนเข้ามาในนี้ด้วย นอกจากซิงโล่เฉินกับหงยิง ยังจะมีใครอีก แล้วจูนจิ่วรู้ได้อย่างไร
ฝู้หลินซวงปฏิกิริยาเร็วที่สุด พูดตรงประเด็นว่า “ไฟไหม้ที่ถ้ำก็เป็นฝีมือพวกเขาสินะ”
“ใช่”
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูคิดว่าฟ้ามืดแล้ว พวกเขาคงไม่จากไปไหน อย่างน้อยก็ต้องหยุดพักสักคืน จึงได้ส่งคนมาวางเพลิง แม้จะไม่สามารถฆ่าคนให้ตายได้ แต่ก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสได้ โชคดีที่จูนจิ่วมีลางสังหรณ์ก่อน จึงบอกให้พวกเขาออกมา ไม่เช่นนั้นคงยากจะนึกภาพขณะไฟไหม้ถ้ำแล้วต้องติดอยู่ด้านใน จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...