ขณะที่สะกดซิงโล่เฉิน โม่อู๋เยว่ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มม่านกั้นครอบคลุมที่นี่เอาไว้ ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินเข้ามา ก็จะสับสนจนต้องเดินไปใช้เส้นทางอื่น ไม่สามารถมีใครพบเห็นความไม่ปกติของที่นี่ได้ ยิ่งไม่ได้ยินความเคลื่นไหวใดๆของที่นี่
เพราะว่า โม่อู๋เยว่เอาออกว่าที่จูนจิ่วจะลงมือต่อไปนี้คงไม่นุ่มนวลนัก
และแล้ว จูนจิ่วเดินเข้าไปเอามีดสั้นโยวยิ่งปักลงไปบนไหล่ของซิงโล่เฉินโดยตรง ซิงโล่เฉินร้องอย่างเจ็บปวด ดวงตาของเขาเบิกกว้างแทบจะทะลุออกจากเบ้าตาแล้ว แต่เขาไม่สามารถขยับตัวได้ ได้แต่มองจูนจิ่วใช้มีดปักเข้ามาด้วยสายตาปริบๆ อีกทั้งยังหมุนมีดอีกหนึ่งรอบ น้ำเสียงที่ร้องอย่างเจ็บปวดถึงกับเปลี่ยนโทนไป
ชิงหยู่เห็นดังนั้น สีหน้าไม่เปลี่ยนและยังเดินเข้าไปเพื่อเตรียมตัวหากต้องการความช่วยเหลือ
จูนจิ่วพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าถามเจ้าตอบ อย่าคิดจะพูดออกนอกคำถาม ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้”
ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้ คำพูดที่ซิงโล่เฉินเพิ่งจะพูดไป ตอนนี้จูนจิ่วส่งคืนให้โดยไม่ขาดสักคำ ซิงโล่เฉินเจ็บปวดจนหน้าบิดเบี้ยว จ้องจูนจิ่วเขม็งแล้วก็มองไปทางโม่อู๋เยว่อย่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาเป็นใคร
เขาแค่ขยับนิ้วมือ กลับสามารถสะกดเขาที่เป็นถึงนักจิตใหญ่ระดับสามได้ บรรดาคนที่ซิงโล่เฉินรู้จัก มีเพียงคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักไท่หวงที่จะมีพลังเช่นนี้ หรือว่าเขาจะเป็น
“ซิงโล่เฉิน ข้าถามเจ้า พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าในมือข้ามีของล้ำค่าอยู่”
“ชิ จูนจิ่วเจ้าอย่าฝันว่าจะได้อะไรจากปากข้า อ๊า”หมัดหนึ่งชกไปที่ท้องของซิงโล่เฉิน ซิงโล่เฉินร้องอย่างเจ็บปวด
จูนจิ่วพูดต่ออย่างเยือกเย็น “ตอบ”
“จูนจิ่วเจ้ามันคนต่ำช้า เจ้า อ๊ะ”กร๊อบ จูนจิ่วยกขาเตะไปที่ข้อต่อตรงหัวเข่าของซิงโล่เฉิน กระดูกแตก ซิงโล่เฉินยืนไม่มั่นคงทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นแต่ยังคงขยับตัวไม่ได้ มีเพียงความเจ็บปวดจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมด
ก้มลงมองซิงโล่เฉินอย่างเย็นชา จูนจิ่วยิ้มเย็น “จะตอบคำถามข้า หรือจะให้ข้าหักซี่โครงเจ้า ซี่โครงตั้งหลายซี่ เจ้าสามารถปฏิเสธได้เรื่อยๆ ไม่มีซี่โครงแล้ว บนร่างยังมีกระดูกส่วนอื่นอีกมิใช่หรือ”
ซิงโล่เฉินขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ใช้สายตาจ้องจูนจิ่วเขม็ง
ปีศาจ จูนจิ่วเป็นปีศาจ
“พูด”
ซิงโล่เฉินกัดฟัน จ้องจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตาย “ข้าไม่รู้”
“ศิษย์น้องเขาโกหก จะไม่รู้ได้อย่างไร ”ชิงหยู่ฮึเสียงเย็น
จูนจิ่วย่อมรู้ว่าซิงโล่เฉินโกหก ถ้าเป็งหงยิงก็เป็นไปได้ที่จะไม่รู้ แต่ซิงโล่เฉินต้องรู้แน่นอน เขาเป็นคนของตำหนักไท่หวง ตำแหน่งและฐานะสามารถเทียบได้กับเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู เขาบอกว่าไม่รู้ ใครจะเชื่อ
จูนจิ่วใช้นิ้วส่งพลังสายหนึ่งดีดไปที่ซี่โครงของซิงโล่เฉิน กร๊อบ
หลังจากที่ซิงโล่เฉินกระดูกซี่โครงหักติดต่อกันสองท่อน ที่สุดก็ทนต่อการทรมานไม่ไหวเปิดปากพูดออกมาว่า “เจ้าเป็นลูกสาวของคนคนนั้น เจ้าต้องมีของล้ำค่าอยู่กับตัวแน่ ฉะนั้นพวกเราจึงมาหาของล้ำค่า ซี้ด...”ซิงโล่เฉินเจ็บปวดจนต้องสูดลมหายใจ
จูนจิ่วหรี่ตาลง “คนที่อยากได้ของล้ำค่าเป็นเจ้าสำนักศึกษาเทียนซู หรือคนเบื้องหลังเจ้า”
ก่อนซิงโล่เฉินจะอ้าปาก จูนจิ่วก็ส่งสัญญาณมือให้เขา พูดไม่ถูกแค่คำเดียว กระดูกซี่โครงก็จะหักหนึ่งท่อน ฉะนั้นคิดให้ดีก่อนตอบ
ซิงโล่เฉินไม่อาจไม่จำนน สถานะเขาไม่ธรรมดา ตั้งแต่เล็กไม่เคยลำบากมาก่อน อย่าว่าแต่มาจากตำหนักไท่หวงอันสูงส่งจนถึงสำนักศึกษาทั้งสาม ยังไม่เคยมีใครกล้าใช้คำสั่งกับเขา ฉะนั้น เขาไม่มีทางที่จะแบกรับการบีบบังคับให้สารภาพอย่างป่าเถื่อนรุนแรงของจูนจิ่วได้
เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เขาถูกบีบจนต้องคุกเข่า ต้องตอบคำถามจูนจิ่วอย่างเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิต ยิ่งทำให้ซิงโล่เฉินเกลียดชังจูนจิ่วมากขึ้น ถ้าเขาหนีออกไปได้ จะต้องแก้แค้นเป็นหมื่นเท่า แววตาของซิงโล่เฉินดุดัน กัดฟันตอบว่า “เป็นคนของตำหนักไท่หวง เจ้าสำนักเทียนซูก็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าของล้ำค่าในมือข้าคืออะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...