“เฮือก ศิษย์พี่ซิง”หงยิงสูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือก ตกใจจนไม่กล้าเชื่อว่านี่จะเป็นซิงโล่เฉิน
ซิงโล่เฉินนั้นเข้าสู่สำนักศึกษาหลังจากนาง แต่เป็นเพราะสถานะ และพลัง หงยิงจึงยินดีและเต็มใจที่จะเรียกซิงโล่เฉินว่าศิษย์พี่ อีกทั้งยังเลื่อมใสเอาใจเขามาก โดยตั้งความหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งนางจะได้เข้าสู่ตำหนักไท่หวงโดยใช้ความสัมพันธ์ที่มีกับซิงโล่เฉิน
แต่ซิงโล่เฉินที่นางเลื่อมใส ตอนนี้ได้ตายแล้วอย่างน่าอนาถและสังเวชใจยิ่งนัก ใครกันที่ทำเช่นนี้
กร๊อบๆๆ
เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกำหมัดแน่นจนดังกร๊อบ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว สีหน้าดุดัน มีทั้งความตกตะลึง ทั้งไม่อยากจะเชื่อ แต่ที่มีมากกว่านั้นคือความร้อนใจและโมโห ซิงโล่เฉินตายที่นี่ ตำหนักไท่หวงไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ มีเพียงการส่งมอบตัวฆาตกรที่ฆ่าซิงโล่เฉินเท่านั้น เขาจึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้
แต่เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ว่าใครกันที่ฆ่าซิงโล่เฉิน แรงจูงใจ พลัง คนที่เข้ารู้จักแทบไม่กล้าทั้งสิ้น ก็เพราะว่าเบื้องหลังของซิงโล่เฉินนั้นมีตำหนักไท่หวงคอยหนุน พวกเขาจึงไม่กล้า
“เฮือก ”ป้าฟางก็เร่งฝีเท้ามาถึงแล้ว สีหน้านางขาวซีดมองไปทางซิงโล่เฉิน “ซิงโล่เฉินอยู่ที่นี่ แล้วจูนจิ่วเล่า”
“จูนจิ่ว?”สายตาของหงยิงมีแววอำมหิตวาบผ่าน “ไม่เห็นท่าทางของพี่ซิงหรืออย่างไร ไม่แน่จูนจิ่วกับชิงหยู่คนนั้นก็อาจจะอยู่ข้างใน แล้วก็ตายได้น่าอนาถกว่านี้อีก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกแหวกอกผ่าท้อง ควักเครื่องในไปต้มแล้ว หัวก็ถูกตัดลงมาเอาไปเป็นรูปปั้นแกะสลัก ”
หงยิงใช้คำพูดที่อุบาทว์ชั่วร้ายเท่าที่มีทั้งหมด ราวกับทำเช่นนี้แล้ว จะสามารถทำให้นางผ่อนคลายลงจากการตายของซิงโล่เฉินได้บ้าง
ป้าฟางจ้องหงยิงด้วยความโมโหอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในตำหนักใหญ่ทันทีอย่างรวดเร็ว นางเป็นห่วงจูนจิ่ว ถ้าหากหงยิงพูดได้ถูกต้อง ถุยๆ ไม่ใช่คำพูดท้ายๆของนาง แต่เป็นเรื่องที่นางบอกว่าพวกจูนจิ่วอาจจะอยู่ข้างใน
ไม่เพียงแต่ป้าฟาง เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูและหงยิง พวกเจ้าสำนักจื่อเซียวต่างก็พุ่งตรงเข้าไปยังด้านในของตำหนักข้างทั้งหมด ผู้คนที่มุงดู ต่างก็ถูกหน่วยกล้าตายของเทียงฉิวขวางเอาไว้ให้อยู่แต่ด้านนอก
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้ว ทั้งที่เป็นช่วงกลางวันกลับมีหมอกสีม่วงจางๆปกคลุมเต็มไปหมดอย่างกะทันหัน เงาสีดำหลายสายซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนค่อยๆถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครรู้ สำนักศึกษาเทียนซูจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว
พวกเขาเข้าไปแล้วจึงได้รู้ว่า หงยิงพูดไม่ผิด
จูนจิ่วกับชิงหยู่อยู่ข้างในนั้นจริงๆ แต่ไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดเลยแม้แต่นิดเดียว ตำหนักข้างแห่งนี้ว่างเปล่า เป็นที่ที่ถูกทิ้งร้างไร้คนกล้ำกราย ตอนนี้ จูนจิ่วกับชิงหยู่ยืนอยู่ในตำหนักใหญ่ จูนจิ่วมองพวกเขาด้วยความเย็นชา
“จูนจิ่วเจ้าไม่เป็นไร”ป้าฟางเห็นจูนจิ่วยืนอยู่ที่นี่ทั้งที่ยังดีๆอยู่ ก็รู้สึกคลายใจขึ้นมาทันที
พวกมู่จิ่งหยวนกับฝู้หลินจ้านกำลังจะเดินไปทางจูนจิ่วกับชิงหยู่ เพื่อถามพวกเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจึงได้หายตัวไปตั้งสามวัน ไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย แต่เพิ่งจะก้าวเท้าออกไปได้ครึ่งก้าว ก็ถูกเจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูรั้งเอาไว้
พวกเขาต่างหันไปมองอาจารย์/ท่านปู่ของตัวเองด้วยความสงสัย เจ้าสำนักศึกษาจื่อเซียวกับเจ้าสำนักศึกษาไท่ชูต่างหันมาสบตากัน ต่างก็ส่ายหน้าให้แก่กันและยังคงรั้งเหล่าผู้น้อยเอาไว้เช่นเดิม
พวกเขามีชีวิตอยู่มานานสายตาในการมองเรื่องราวก็ได้รับการฝึกฝนไม่น้อย สัญชาตญาณรับรู้ไว พวกเขารับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ธรรมดา ทำให้อดที่จะนึกถึงคำพูดของจูนจิ่วไม่ได้ เกรงว่าตอนนี้จะเป็นสถานการณ์ในคำพูดของจูนจิ่วที่เคยพูดไว้
จูนจิ่วยิ้มมุมปาก “ในที่สุดพวกท่านก็มา”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร จูนจิ่ว เกิดอะไรขึ้นกับซิงโล่เฉินกันแน่ ใครเป็นคนฆ่าเขา ”เจ้าสำนักศึกษาเทียนซูกำหมัดไว้แน่น ถามจูนจิ่วด้วยสีหน้าเขียวคล้ำสายตาก็จ้องเขม็ง
จูนจิ่วเลิกคิ้ว เหลือบไปมองเจ้าสำนักศึกษาเทียนซูอย่างเย็นชา นางพูดว่า “พูดให้ถูกต้องคือ ซิงโล่เฉินระเบิดตัวเองตาย”
“พูดจาเหลวไหล กระดูกขาของซิงโล่เฉินหักไปแล้ว ยังมีบริเวณอกที่มีรอยยุบลงไป เห็นได้ชัดว่าถูกคนทำร้าย ยังมีที่หัวของเขาด้วย”หงยิงถนัดและชื่นชอบการทรมานเป็นที่สุด นางดูแวบเดียวก็รู้ว่าซิงโล่เฉินเคยผ่านการทรมานรูปแบบไหนมาบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...