เสี่ยวอู่รับรู้ได้ถึงความตกตะลึงและประหลาดใจของจูนจิ่ว มันเงยหน้าขึ้น มองจากข้างล่างสามารถมองเห็นภาพอักษรตัวเล็กๆที่อยู่ตรงมุมล่างด้านขวาได้พอดี เสี่ยวอู่รู้จัก นั่นอักษรคำว่าเหยียน แม่ของเจ้านายแซ่เหยียน กล่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับแม่ของเจ้านายหรือ
ขณะที่จูนจิ่วเงยหน้าขึ้น สีหน้าก็กลับสู่ภาวะเรียบเฉยสงบนิ่ง นางมองไปทางชายชราและถามว่า “ท่านแค่อยากจะเปิดกล่องนี้ออกหรือ”
“ใช่ เพื่อนตัวน้อยเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่ามันไม่มีช่องกุญแจเลย และไม่มีแม่กุญแจด้วย ภาพบนกล่องใบนี้เป็นปริศนาข้อหนึ่ง แต่ข้าไขปริศนามาหลายปีก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เจ้าดูสิ”ชายชรามองกล่องนั้นอย่างจนใจ แล้วก็มองจูนจิ่วอย่างรอคอย
แววตาค่อยๆขรึมลง จูนจิ่วก้มลงไปมองกล่องที่อยู่ในมือ
เป็นกล่องไม้ท้อธรรมดา เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสใหญ่เท่าฝ่ามือ บนฝาของกล่องนั้น เป็นภาพสั้นยาวที่แตกต่างกัน สามารถเคลื่อนไหวเพื่อต่อภาพได้ จุดอื่นๆก็มีเพียงลายเส้นที่ถูกแกะสลักอย่างเรียบง่าย และด้านล่างมุมขวามีตัวอักษร “เหยียน”หนึ่งตัว
ตำหนักไท่หวง มีกล่องที่มีคำว่า “เหยียน”อยู่ด้วย
จูนจิ่วได้แต่คิดไปถึงเหยียนม่านตง นางไม่แน่ใจว่าเพราะชายชรารู้ฐานะของตน หรือเพราะว่าเป็นคนมีวาสนาจึงได้เอ่ยถามขึ้น ตอนนี้เอง จูนจิ่วรู้สึกว่ากล่องนี้เริ่มร้อนลวกมือขึ้นมาแล้ว
นางสีหน้าเรียบเฉยส่งกล่องนั้นคืนให้กับชายชรา“ขอโทษด้วย ข้าช่วยท่านไม่ได้ ”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธ เพื่อนตัวน้อยเจ้าเอากลับไปศึกษาดูก่อนก็ได้ ข้าเห็นเจ้ามาที่นี่ทุกวัน พวกเราก็นัดเจอกันที่นี่ดีหรือไม่ เจ้าค่อยๆศึกษาไป ไม่ต้องรีบร้อน ”ปฏิกิริยาของชายชรายิ่งน่าประหลาดใจ ราวกับเผือกร้อนลวกมือรอที่จะยัดให้จูนจิ่วอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว
ยัดให้เสร็จแล้ว เขาโบกมือก้าวเท้าเดินเบาๆอย่างรวดเร็วราวกับไม่ใช่คนแก่ หมุนตัวจากไปไม่กี่พริบตาก็หายวับไร้เงาคนแล้ว
จูนจิ่วมุมปากกระตุก ก้มหน้าเอากล่องขึ้นมาเขย่า ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น น้ำหนักนี้กะดูแล้ว ข้างในเหมือนจะไม่ได้บรรจุอะไรที่หนักมาก
เสี่ยวอู่พูดขึ้นในตอนนี้ว่า “เจ้านาย ทำไมข้าจึงรู้สึกว่าตาเฒ่าคนนี้เป็นพวกหลอกลวงอย่างไรก็ไม่รู้”
“จะมาหลอกลวงข้าทำไม ช่วยเขาเปิดกล่องหรือ”จูนจิ่วส่ายหน้า จากนั้นนางก็โยนกล่องนั้นลงไปในช่องว่างแห่งแหวน สายตามองไปที่ช่องว่างแห่งแหวน จูนจิ่วอดยิ้มไม่ได้และพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าอู๋เยว่แก้ปัญหาโซ่ผูกมังกรได้ราบรื่นดีหรือไม่ ”
“โซ่ผูกมังกรนั่นลำบากมาก เมื่อก่อนที่เคยถูกผูกเอาไว้ มีแต่ต้องตายเท่านั้นแก้ไม่ได้”เสี่ยวอู่พูด
ฝีเท้าชะงัก จูนจิ่วใช้สองมือช้อนไปที่ขาหน้าของเสี่ยวอู่อุ้มมันขึ้นมามองที่ตนเอง จูนจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ารู้จักโซ่ผูกมังกรได้อย่างไร”
ใบหน้าแมวนิ่งอึ้ง แววตาก็มีความงงงวย เสี่ยวอู่สะบัดหูตัวเอง ส่ายหัว มันโผล่ขึ้นมาเองจากสมองของมัน มันก็ไม่รู้ เดี๋ยวก่อน หรือว่านี่จะเป็นมรดกความจำที่โม่อู๋เยว่พูดถึง
จิตสื่อถึงกัน จูนจิ่วรู้ถึงความคิดของเสี่ยวอู่ แววตานางลึกล้ำ“เกี่ยวกับโซ่ผูกมังกร เจ้ายังรู้อะไรอีก ”
เสี่ยวอู๋รู้สึกว่าสีหน้าของจูนจิ่วตอนนี้น่ากลัวอยู่บ้าง มันหดตัวไปข้างหลัง แต่ก็พบว่าตัวเองถูกจูนจิ่วอุ้มเอาไว้ หดตัวไปก็เท่านั้น ได้แต่ตอบจูนจิ่วไปโดยดี
เสี่ยวอู่ใช้สมองครุ่นคิดอย่างสุดกำลัง เอ่ยขึ้นว่า “โซ่ผูกมังกรเดิมทีเป็นของเผ่ามังกรที่ใช้สำหรับลงโทษมังกรที่มีความผิด แต่ว่าภายหลังถูกมนุษย์ขโมยไป เพื่อเอามาจับมังกรและผูกมังกรเอาไว้ และโซ่ผูกมังกรก็มีการแบ่งระดับเช่นกัน โซ่ผูกมังกรที่ร้ายกาจที่สุดในตำนาน กล่าวกันว่าสามารถผูกจักรพรรดิมังกรได้”
“แล้วจะทำให้เกิดผลร้ายอย่างไรบ้าง”จูนจิ่วถาม
“ถ้าอ่อนแอก็ต้องตาย ถ้าแข็งแกร่งก็สติสติสัมปชัญญะถูกทำลาย แต่ว่าโม่อู๋เยว่ร้ายกาจถึงเพียงนั้น เหมือนจะได้รับผลกระทบไม่มาก แต่ก็จะทำให้สูญเสียพลังอย่างน้อยเก้าในสิบส่วนกระมัง”เสี่ยวอู่คาดเดาเงียบๆ
จูนจิ่วนิ่งขรึม
ถูกปิดกั้นพลังไว้ถึงเก้าในสิบส่วน นี่ยังเรียกว่ากระทบไม่มากหรือ หากเปลี่ยนเป็นนาง คงต้องถือดาบไล่ฆ่าคนทุกนาทีแล้วกระมัง
ตอนนี้เองจูนจิ่วเพิ่งค้นพบว่า นางรู้จักโม่อู๋เยว่น้อยไปแล้ว แม้ว่าความอยากรู้จะเป็นการทำร้ายแมว แต่นางชื่นชอบโม่อู๋เยว่ก็ควรทำความเข้าใจ ไม่เช่นนั้นยังจะเรียกว่าชอบได้อีกหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...