องครักษ์พุ่งเข้ามาทำให้กลุ่มคนแตกฮือ กระจายตัวออกไปล้อมรอบตัวจูนจิ่วกับลี่หยุนซูเอาไว้ ในขณะที่ลี่หยุนซูกำลังมึนงง องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าก็หันมาคำนับลี่หยุนซู “ขอคุณหนูใหญ่โปรดถอยไปก่อน ให้พวกข้าได้ทำการจับกุมเจ้าหัวขโมย”
“อะไรนะ”ลี่หยุนซูตกตะลึงจนเบิกตากว้าง
นางมองตามนิ้วมือของหัวหน้าองครักษ์ออกไปจนพบเข้ากับจูนจิ่ว จูนจิ่วยิ้มอย่างเรียบเฉย ปากโค้งขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก ตอนนี้เองเสี่ยวอู๋ที่ไม่รู้ว่าวิ่งไปไหนมากลับมาแล้ว กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของจูนจิ่วอย่างปราดเปรียวและร้องเหมียวๆ
เสี่ยวอู่พูดว่า “เจ้านาย องครักษ์เหล่านี้ได้เตรียมการมาก่อนแล้ว ข้ากับเหลิ่งยวนพบว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งสั่งการคนพวกนี้ให้กระทำการเช่นนี้ นางต้องการใส่ร้ายว่าท่านเป็นขโมย”
“เป็นใคร รู้จักหรือไม่ ”จูนจิ่วถาม
เสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆส่ายหัว พวกนางไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ช่างน่าแปลกใจจริงๆทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องการจ้องจะหาเรื่องจูนจิ่วด้วย
จูนจิ่วมองไปยังคนพวกนั้นอย่างเย็นชา ลี่หยุนซูกำลังถามพวกเขาด้วยความโมโห “พูดจาเหลวไหล ขโมยอะไรกัน น้องจูนเป็นแขกที่ข้าเชิญมาเอง”
หัวหน้าองครักษ์นิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ได้รับคำสั่งมาเช่นกัน ถูกลี่หยุนซูตำหนิเข้าให้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมาทันที ลี่หยุนซูมีสถานะสูงส่ง ไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินไม่เชื่อฟังได้
ตอนนี้เอง เมี่ยวยู่เอ๋อก็พูดอะไรบางอย่างกับผู้ดูแล ผู้ดูแลงานเดิมพันหินทิพย์พยักหน้ารับทันที จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้ามา เขายืดอกเชิดหน้าขึ้น ยืดพุงที่อ้วนใหญ่ของเขาออกมา “เป็นนางไม่ผิดแน่ พวกเจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม รีบจับตัวเจ้าขโมยสิ”
“ผู้ดูแลหลี่ เจ้าว่าอะไรนะ”ลี่หยุนซูจ้องผู้ดูแลหลี่
ผู้ดูแลหลี่ได้คำนับลี่หยุนซูอย่างเคารพนอบน้อมก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็มองไปทางจูนจิ่ว สีหน้าโมโหเปิดปากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่“ คุณหนูใหญ่ลี่คงยังไม่ทราบ คนคนนี้ชื่อจูนจิ่ว บังอาจแฝงตัวเข้ามาในตำหนักไท่หวง ยังขโมยป้ายคำสั่งของเจ้าตำหนักตู๋กู ฉะนั้นจึงสามารถปลอมสถานะเข้ามาในตำหนักไท่หวงของพวกเราได้”
“คุณหนูใหญ่ลี่ ท่านต้องถูกนางหลอกแน่ๆ ขอเชิญคุณหนูใหญ่ลี่ถอยห่างออกมาด้วย เกรงว่าจะถูกโจรทำร้ายได้ ส่วนการเดิมพันหินทิพย์ของโจรผู้นี้ จะถูกยึดเป็นของหลวงทั้งหมด ”สายตาของผู้ดูแลหลี่เหลือบมองไปยังหินทิพย์ข้างกายจูนจิ่ว อยากจะได้จนน้ำลายหก
หินทิพย์ชั้นที่สี่เป็นของล้ำค่ามาก และมีมูลค่ามากเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินทิพย์ชั้นที่ห้าอีกเม็ดที่มีอยู่
ใต้เท้าเมี่ยวยู่เอ๋อบอกแล้วว่า ขอเพียงเขาจับตัวจูนจิ่วได้หินทิพย์เหล่านี้ล้วนมอบให้เขาเป็นรางวัล ผู้ดูแลหลี่คิดแล้วก็มีความสุขจนน้ำลายไหลยืด รู้สึกอดใจรอไม่ไหวอีกต่อไป “เร็วเข้า จับตัวขโมยคนนี้เอาไว้”
“บังอาจ”ลี่หยุนซูตะคอกเสียงดัง
นางรู้ดีกว่าใครว่าจูนจิ่วนั้นไม่ใช่ขโมย นางเห็นกับตาตนเองว่าจูนจิ่วเดินลงมาจากรถหงส์เก้าม้า ยังมีผางเจียเยว่ที่คอยดูแลอย่างพินอบพิเทา จะกลายเป็นขโมยได้อย่างไร นางยังเคยถามเมี่ยวยู่เอ๋อ นางก็บอกว่าจูนจิ่วเป็นแขกคนสำคัญ เจ้าพวกงี่เง่าไร้สมองเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าจับผิดตัวแล้ว
ลี่หยุนซูยกมือขึ้นกำด้ามมีดเอาไว้จะดึงออกมา เวลานี้เองมีมือหนึ่งยื่นเข้ามาขวางที่แขนของนางเอาไว้ ลี่หยุนซูหันกลับไป ทั้งตกใจทั้งไม่เข้าใจ “น้องจูนเจ้าจะขวางข้าไว้ทำไม ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนพวกงี่เง่านี้เอง”
“ในเมื่อบอกว่าเป็นพวกงี่เง่า แล้วจะให้สาวงามลงมือได้อย่างไร เหลิ่งยวน สั่งสอนให้ข้าที”คำพูดแรกหยอกคนลี่หยุนซูหน้าแดง คำพูดสุดท้ายกลับดุร้ายหยิ่งยโส พยศถึงขีดสุด
เห็นเพียงเงาสีดำที่ไหววูบ เหลิ่งยวนกำหมัดชกออกไปหนึ่งหมัดจนทำให้องครักษ์ที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าทั้งแปดคนปลิวออกไป ชั่วพริบตานั้นทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งสติ แต่พอเห็นองครักษ์ที่ปลิวออกมาจากทั่วทุกทิศทางก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที แม่เจ้า แขกที่มาเข้าร่วมงานเดิมพันหินทิพย์ต่างก็ถอยหลังหลบไปอยู่ไกลๆ
องครักษ์ร่วงหล่นลงบนพื้นเป็นระนาว ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด ยังเหลือผู้ดูแลหลี่ที่ยังคงยืนอยู่ ตกใจจนสองขาสั่นเทา “เจ้า เจ้าเป็นใคร ”
สมควรตาย ทำไมจึงมีคนคอยอารักขาจูนจิ่วด้วย เมี่ยวยู่เอ๋อกำหมัดคว้าเสาเอาไว้
แต่ชั่วพริบตา เมี่ยวยู่เอ๋อก็ยิ้มออกมา อย่างนี้ก็ยิ่งนี้ ตอบโต้กลับมีเพียงแต่จะเป็นการยืนยันว่าจูนจิ่วเป็นหัวขโมยจริงๆ คำพูดเดียวก็ใช้ตัดสินใจได้ไม่มีทางที่นางจะได้แก้ตัว ขอเพียงหงยิงขวางเจ้าตำหนักไว้ได้ เจ้าตำหนักไม่รู้ก็ไม่มีใครสามารถปกป้องจูนจิ่วเจ้าคนต่ำช้าคนนี้ได้ นางต้องล้างแค้นให้ซิงโล่เฉินให้ได้
ส่วนเหลิ่งยวน เมี่ยวยู่เอ๋อไม่พอใจ องครักษ์เหล่านี้ไม่ได้เรื่อง เช่นนั้นถ้าเป็นองครักษ์เหล็กของตำหนักไท่หวงเล่า เขายังจะสู้ได้อีกหรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...