บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 47

สรุปบท บทที่ 47 นางจะทำให้จูนจิ่วไม่เหลือแม้แต่กระดูก: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

สรุปตอน บทที่ 47 นางจะทำให้จูนจิ่วไม่เหลือแม้แต่กระดูก – จากเรื่อง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

ตอน บทที่ 47 นางจะทำให้จูนจิ่วไม่เหลือแม้แต่กระดูก ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดยนักเขียน ต้าวเมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 47 นางจะทำให้จูนจิ่วไม่เหลือแม้แต่กระดูก

เมืองหลวง แคว้นเทียนโจ้ง

ในฐานะที่ตระกูลจูนเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีสองครอบครัวใหญ่ มีจวนใหญ่หรูหราที่สุดทางตะวันออกของเมืองหลวง ประตูสูงลานจวนใหญ่หนทางสะอาดเรียบร้อยดูดี เวลานี้มีร่างสะบักสะบอมเหมือนบ้าขี่ม้าบุกมาที่หน้าประตูจวนจูน ตลอดเส้นทางดึงดูดความอยากรู้ของผู้คนนับไม่ถ้วน

บุกถึงหน้าประตู คนคนนั้นกลิ้งลงจากมาจากหลังม้า เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นดังนี้ ก็เกือบเอาดาบมาจี้ใส่ นั่นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง นางลุกขั้นพร้อมยื่นมือตะโกน “ ข้าคือจูนหวั่นเอ๋อร์ ข้ามีเรื่องด่วนของพบจู๋หมู่ ”

มีคนออกมาทันทีทันใด หามเอาจูนหวั่นเอ๋อร์ที่หมดเรี่ยวแรงเข้าไป

ผู้คนบนท้องถนนต่างพูดคุย “ จูนหวั่นเอ๋อร์ วิ่งเร็วขนาดนี้ หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ”

“ ตระกูลจูนเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีสองครอบครัวใหญ่ของแคว้นเทียนโจ้ง จะมีเรื่องอะไรได้ ใครจะกล้าหาเรื่อง ”

“ ใช่แล้ว ” ผู้คนต่างพยักหน้า

......

ปัง!

นิ้วมือละเอียดเรียวยาว ทุบลงบนโต๊ะไม้มีรอยแยกรอยหนึ่ง หญิงแต่งกายด้วยชุดสง่าหรูหรา ขณะนี้สายตามองอย่างเคร่งขรึม นางกำลังจ้องมองจูนหวั่นเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น “ เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรอ ”

“ จริงที่สุด จู๋หมู่ หวั่นเอ๋อร์จะกล้าหลอกท่านได้อย่างไร พ่อบ้านจูนเหลยที่ท่านส่งมา ถูกจูนจิ่วนางคนสารเลวฆ่าตายแล้ว จู๋หมู่ ท่านส่งคนไปดูที่เมืองเฟิงหลัวแล้วจะรู้ ”

สีหน้าจูนหวั่นเอ๋อร์ซีดขาว อ่อนล้าสะบักสะบอมไปทั้งตัว

ในใจมีคำพูดมากมายแต่พูดออกมาไม่ได้ จูนหวั่นเอ๋อร์เอาชีวิตเข้าแลกกับการเดินทาง ที่จริงต้องเดินทางด้วยเวลาสิบกว่าวัน แต่นางใช้เวลาแปดวันก็ถึงแล้ว

จูนหวั่นเอ๋อร์มองจู๋หมู่ผู้สูงศักดิ์ของจวนจูนที่อยู่ตรงหน้า นางก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา “ จู๋หมู่ จูนจิ่วนางคนสารเลวหลอกพวกเราทุกคน นางแอบซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้ มาที่จวนย่อยของเราแล้วก็โจมตี เห็นชัดว่าเป็นการซ่อนความชั่วร้าย ในใจโหดเหี้ยม ”

“ นางยังวางยาทุกคนที่จวนย่อย นางชั่วร้ายไร้สิ่งเทียบ คิดจะฆ่าจวนย่อยที่เมืองเฟิงหลัวของพวกเรา ใช้สิ่งนี้มาท้าทายท่านนะจู๋หมู่ จู๋หมู่ ขอร้องท่านช่วยจัดการให้จวนย่อยของข้าด้วย ”

จูนหวั่นเอ๋อร์พูดเยอะขนาดนี้ ซั่งกวนอี่หรงจู๋หมู่แห่งตระกูลจูนกลับไม่ตอบอะไร นางจ้องมองจูนหวั่นเอ๋อร์อย่างเคร่งขรึม ดูเหมือนกำลังทบทวนคำพูดของนางว่าเชื่อถือได้หรือไม่

ชิววี่บ่าวรับใช้ข้างกายของซั่งกวนอี่หรงเอ่ยขึ้น “ จู๋หมู่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ความสัมพันธ์ของคุณหนูใหญ่กับองค์รัชทายาทนับวันยิ่งดีมากขึ้น เรื่องดีใกล้จะมาถึงแล้ว จะให้นางเด็กสารเลวคนนี้ทำให้เสียไม่ได้ ”

ได้ยินดังนี้ ในที่สุดซั่งกวนอี่หรงก็เอ่ยขึ้น

นางถาม “ จูนหวั่นเอ๋อร์ จูนจิ่วนางสารเลวคนนั้นพูดจริงหรอว่าจะกลับมาจวนใหญ่ ”

“ เจ้าค่ะ ” จูนหวั่นเอ๋อร์ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของชิววี่ ก็ตาลอกแลกไปมา จึงรีบใส่สีตีไข่เพิ่มทันที “ จู๋หมู่ จูนจิ่วจะต้องกลับมาทำลายเรื่องดีของคุณหนูใหญ่เป็นแน่ ”

“ แค่นางหรอ ” ซั่งกวนอี่หรงยิ้ม

ยิ้มของนางดูถูก จองหอง แค่จูนจิ่ว จะสามารถทำลายเรื่องดีของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนนางได้อย่างไร แต่ว่าจูนจิ่วกลับมาตอนนี้.... ซั่งกวนอี่หรงนึกถึงสัญญาแต่งงานของนางกับองค์รัชทายาท

ตอนที่ส่งจูนจิ่วไปที่จวนย่อยเมืองเฟิงหลัว สำหรับจวนใหญ่ นางก็คือคนที่ตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจวนย่อยจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ฆ่านางสารเลวไม่ได้ไม่พอ จูนเหลยที่ส่งไป ยังถูกฆ่าตายอีก

ซั่งกวนอี่หรงไม่ได้เชื่อคำพูดของจูนหวั่นเอ๋อร์ทั้งหมด แต่ว่าที่สำคัญตอนนี้คือ จะให้จูนจิ่วกลับมาไม่ได้เด็ดขาด

จูนจิ่วจะต้องตาย

นางวางแผนมาตั้งนาน ตอนนี้ทุกอย่างทั้งหมดที่เป็นของจูนจิ่วนางสารเลว แย่งกลับมาได้สำเร็จแล้ว ช่วงเวลาสำคัญ นางจะไม่ยอมให้จูนจิ่วได้มีโอกาสรู้ความจริง แล้วมาทำลายแผนการของนางได้

เสว่เอ๋อร์ของนางต่างหากที่ต้องเป็นคนได้รับสิ่งนี้ทั้งหมด นางถึงมีสิทธิ์ จูนจิ่วอะไรก็ไม่ใช่

ดวงตาซั่งกวนอี่หรงมีประกายชั่วร้ายขึ้น นางเอ่ย “ ชิววี่ ”

เขากับนายท่านก็อยู่บริเวณนี้ ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ ในห้องมีแค่จูนจิ่วกับแมวตัวหนึ่ง หรือว่าจะเป็นแมวที่ทำ

ใช่แล้ว เหลิ่งยวนเข้าใจแล้ว

ต้องเป็นเสี่ยวอู่ทำ แต่จูนจิ่วไม่ยอมบอกความจริงกับพวกเขา

จูนจิ่วมองโม่อู๋เยว่ด้วยสายตานิ่งแล้วเอ่ยขึ้น “ นี่คือสิ่งที่ข้าเพิ่งบรรลุเมื่อครู่ เกิดจากการไม่ระวังความแข็งแกร่งของการปล่อยรับลมปราณ ไม่มีอะไรมาก ”

“ อ้อ ” โม่อู๋เยว่แย้มริมฝีปากยิ้ม เขาไม่ถามอะไรต่อ ดูท่าทางเหมือนเชื่อจะจูนจิ่วแล้ว

จูนจิ่วเอ่ย “ โม่อู๋เยว่ ข้าจะไปจากจวนจูนแล้ว ”

จูนจิ่วรู้สึกว่า นางควรจะบอกโม่อู๋เยว่สักหน่อย นางตัดสินไว้แล้วว่าจะไปพรุ่งนี้เลย

ปล่อยจูนหวั่นเอ๋อร์ให้ไปส่งข่าว ให้เวลานางสิบกว่าวัน ก็เพื่อให้เวลาล้างเอ็นกลั่นไขกระดูกแก่ตัวเอง ฝึกฝนนักจิต นับๆดูตอนนี้ ถ้าจูนหวั่นเอ๋อร์อยากมีชีวิตอยู่ต่อจะต้องถึงจวนจูนก่อนเวลาแน่นอน ตามวิธีการของพวกอสรพิษที่จวนใหญ่ ตอนนี้นักฆ่าที่ส่งมาฆ่านางน่าจะออกเดินทางมาแล้ว

นางต้องไปแล้ว

สนามรบของนางกับจวนใหญ่คือที่เมืองหลวง ไม่ใช่ที่เมืองเฟิงหลัว

จูนจิ่วมองโม่อู๋เยว่ นางรอให้โมม่อู๋เยว่ตอบ จูนจิ่วเอ่ยขึ้นอีก “ ข้าใช้เลือดล้างจวนย่อยที่เมืองเฟิงหลัว จวนใหญ่ทราบเรื่องแล้วต้องส่งคนมาตามฆ่าข้าแน่ โม่อู๋เยว่ ถ้าเจ้าไม่อยากถูกตามฆ่า ทางที่ดี......”

“ ข้าจะไปเมืองหลวงแคว้นเทียนโจ้งกับเจ้า”

“ ห๊า ” จูนจิ่วกระพริบตาตกใจเล็กน้อย “ เจ้าจะไปกับข้า ”

โม่อู๋เยว่มองนางอย่างแน่นิ่ง ดวงตาสีทองเสมือนกระแสน้ำวนทำให้ผู้คนไม่สามารถหลุดพ้นได้ เขาเอ่ยปาก น้ำเสียงต่ำเชื่องช้า แฝงด้วยความดึงดูดยั่วยวน “ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ข้าเคยบอกไว้ หนทางของข้าก็คือเจ้า เจ้าอยู่ที่ไหน ข้าก็จะอยู่ที่นั่น ” จูนจิ่วใจเต้นตึกตักๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ