อ่านสรุป บทที่ 53 ขโมยหน้าด้าน จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว
บทที่ บทที่ 53 ขโมยหน้าด้าน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 53 ขโมยหน้าด้าน
ไม่นานหยูนเฉียวเอาสมุนไพร เตาหลอมมา และตัวเองก็มาด้วย จูนจิ่วแนะนำหยูนเฉียวปรุงยาต่อหน้าผู้คน “ หั่นเป็นชิ้นสามส่วน บนเป็นผงเจ็ดส่วน ”
“ ครับ ”
“ น้ำเย็นและยา ใช้ไฟอ่อนทำความร้อน ”
“ ครับ ”
จูนจิ่วสั่งอย่างไร หยูนเฉียวก็ทำตามอย่างนั้น หยูนจ้งจิ่นเห็นหยูนเฉียวเชื่อฟังจูนจิ่วดังนี้ มีสายตาค่อนข้างประหลาดใจ ครุ่นคิดเล็กน้อย ท่าทีที่เฉียวเฉียวมีต่อจูนจิ่วแปลกมาก
ทุกคนดูอยู่อย่างเงียบๆ พวกเขาเดาออกว่าจูนจิ่วต้องการจะทำยาปรุงจิต แต่นางจะทำออกมาได้จริงๆไหม
“ เมี๊ยว ” นอกจากเสียงของจุนจิ่วกับหยูนเฉียวแล้ว ก็มีแค่เสียงน่ารักอ่อนนุ่มของแมว
หางเสี่ยวอู่พันขาจูนจิ่ว มันเงยหน้าตากลมวิ๊งๆ “ เมี๊ยว ทำไมนายท่านถึงไม่ลงมือกลั่นยาปรุงจิตด้วยตัวเอง ”
“ เสียหน้าเปล่าๆ แค่จ้าวเห้อ ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือกลั่นยาให้เขาดู ”
จ้าวเห้อทำให้จูนจิ่วรังเกลียดคลื่นไส้
คราวที่แล้วเขาอยู่ข้างๆ ลักครูขโมยยาของนาง คนผ่านทางไม่รู้จักพอ คิดไม่ถึงว่าจะเล่นละครหน้าไม่อายได้แบบนี้
ท่ามกลายสายตาฝูงชน เวลาค่อยๆผ่านไป หยูนเฉียวดับไฟยกเตาหลอม ยาปรุงจิตสำเร็จแล้ว
“ เสร็จแล้ว ” หยูนเฉียวทำเพื่อพิสูจน์ว่าที่จูนจิ่วสั่งไม่มีปัญหา เขาหยิบยากินเข้าไปเม็ดหนึ่งทันที เห็นดังนี้ ทุกคนต่างตะลึงตาโตขึ้นมา
กินแล้วหรอ
หรือว่านี่จะเป็นยาปรุงจิตจริงๆ
หยูนเฉียวถือยาปรุงจิตไว้ ริมฝีปากแย้มมองจูนจิ่ว ดวงตาเขาเป็นประกายมองข้ามหยูนจ้งจิ่นที่ข้างจูนจิ่วไป มองเห็นแค่จูนจิ่วไม่ทันไร อะไรที่หลังเป็นขนๆหนาวอย่างนี้นะ
โม่อู๋เยว่ : เหอะๆ
จูนจิ่วยักคิ้ว ส่งสัญญาณให้หยูนเฉียวเอายาปรุงจิตที่เพิ่งออกจากเตาใหม่ให้ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อ “ ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อใช่ไหม กรุณาตรวจสอบด้วย นี่ใช่ยาปรุงจิตไหม ”
“ ได้ ได้ ” ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อตะลึงงัน
จากการที่จูนจิ่วแนะนำหยูนเฉียวกลั่นยา เขาก็ดูออกว่าจูนจิ่วต้องเป็นมืออาชีพ อีกอย่างการกลั่นยายังรุ้ลึกซึ้งกว่าเขาอีก ทั้งตกใจทั้งดีใจ ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อกำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรกับจูนจิ่ว
เวลานี้ ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อตรวจสอบยาต่อหน้าฝูงชนอย่างไม่ลังเล
ขณะที่จ้าวเห้อกำลังเหงื่อตก ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อยืนยันผลออกมาอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยขึ้น “ นี่เป็นยาปรุงจิตไม่มีผิด ยาคุณภาพสูง สำเร็จดีกว่าที่จ้าวเห้อนำออกมาเสียอีก ”
ตูม!
สำนักตันเก๋อระเบิดวุ่นวายอีกครั้ง แม้แต่หลังคาก็พังเปิดออกแล้ว
นี่มันตื่นตาตื่นใจเกินไปหรือเปล่า
จูนจิ่วยิ้ม ชำเหลืองมองจ้าวเห้อ “ คนหลอกลวง เจ้ามีอะไรจะพูดไหม ”
“ นี่เจ้าขโมยวิชา เจ้าใส่ร้าย องค์รัชทายาท ท่านช่วยตัดสินให้ข้าด้วย ” จ้าวเห้อรู้ว่าไม่มีทางให้ไปต่อแล้ว รีบขอความช่วยเหลือจากเฟิงเทียนฉีทันที
ไฟรนมาถึงตัว เฟิงเทียนฉีมองจูนจิ่วด้วยความสงสัย ท่าทางที่จูนจิ่วสั่งหยูนเฉียวกลั่นยา สงบมาก นิ่งสบายๆ ทำให้เฟิงเทียนฉีแปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยจ้าวเห้อเป็นคนหลอกลวงหรือไม่
ไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก จูนหยูนเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นก่อน
นางจ้องจูนจิ่วด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “ อาศัยแค่เจ้าสามารถกลั่นยาปรุงจิตที่ดีกว่าออกมา นี่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ที่เจ้าบอกว่าอาจารย์จ้าวเห้อหลอกลวงเป็นเรื่องจริง ยังไงสำนักตันเก๋อก็ยืนยันก่อน สูตรยานี้ก็เป็นเขาที่เอาออกมาก่อน ส่วนเจ้าอาจจะขโมยวิชามา ตอนนี้มาทำเป็นผู้ร้ายฟ้องศาลก่อน ”
สูตรยาเขาขโมยมา เขาเคยศึกษามันแน่นอน อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดคนที่เขียนสูตรยานี้ออกมาได้เป็นอัจฉริยะเท่านั้น เขาแค่ทำตามนี้กลั่นยายังลองร้อยกว่าครั้งถึงสำเร็จได้ ตอนนี้จะตอบคำถามได้อย่างไร
จ้าวเห้อเหงื่อไหลราวฝนตกทันที แย่แล้ว
จูนจิ่วถามต่อ “ กลั่นยาต่างต้องใช้เตาหลอม ทำไมยาปรุงจิตไม่ใช้เตาหลอมกลั่นยา ใช้ไฟแค่เพียงขั้นตอนสุดท้าย ”
“ นี่ นี่เพราะสุดท้ายแล้วความร้อนสูง ถึงจะกลั่นเป็นยาเร็ว ” จ้าวเห้อแย่งตอบทันที อันนี้เขารู้ ถูกไม่ผิดใช่ไหม
แต่แล้ว จูนจิ่วตำหนิ “ ผิด ข้อสาม เจ้ารู้ไหมยาชิวอวี๋นหมู่ใช้สามดอกแรงเกินไป กลั่นไม่ดีจะมีพิษตกค้าง ”
“ อะไรนะ มีพิษ ” จ้าวเห้อตาโตขึ้น
จูนจิ่วเห็นเขามีท่าทางตื่นตกใจ ยิ้มเยาะเล็กน้อย “ โง่ ข้าหลอกเจ้า ผลของยาชิวอวี๋นหมู่สามดอกกับยาจิ่วไน่หงเข้ากัน ไม่มีสารพิษตกค้างใดๆ ถามต่อกันสามข้อ เจ้าตอบผิดทุกข้อ สูตรยาปรุงจิตเจ้าเป็นคนทำขึ้นมาจริงๆหรอ ”
ปัง!
หัวสมองจ้าวเห้อระเบิดดังขึ้น เขาไม่กล้าสบตาจูนจิ่ว ถอยหลังไปจนเกือบสะดุดล้ม
ตอนนี้ยังมีใครไม่เข้าอีกไหม สูตรยาไม่ใช่ของจ้าวเห้อ เขาเป็นคนหลอกลวง
หยูนเฉียวเอ่ยขึ้นทันที “ ยาปรุงจิต เป็นยาขณะที่ข้าไปเมืองเฟิงหลัวโรคพิษหนาวกำเริบ ตอนนั้นเป็นแม่นางจูนที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ทั้งยังมีน้ำใจเอาสูตรยานี้ให้ข้า เพื่อให้ข้าได้กลั่นยาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา รักษาอาการป่วยกำเริบ ”
“ ตอนนั้นจ้าวเห้อก็อยู่ด้วย เขาเป็นคนขโมยสูตรยาของแม่นางจูน เขาเป็นคนหลอกลวง ขโมยหน้าด้านๆ หัวขโมย ”
ทุกคนเงียบกริบ
เมื่อครู่พวกเขายกย่องชื่นชมจ้าวเห้อขนาดไหน ตอนนี้ที่หน้าก็เจ็บมากแค่นั้น ละอายใจไม่กล้ามองพวกจูนจิ่ว ทำได้แค่จ้องมองจ้าวเห้ออย่างกราดเกรี้ยว
สารเลว กล้ามาหลอกพวกเขา ผู้อาวุโสสำนักตันเก๋อยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาถลึงตาเอ่ย “ ดีจ้าวเห้อ กล้าขโมยผลงานของแม่นางคนนี้ มาเป็นของตัวเอง หลอกลวงสำนักตันเก๋อของข้า เกือบตกหลุมพรางของเจ้า จับไอ้คนหลอกลวงนี้เอาไว้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...