ตอน บทที่ 55 นางถือสามาก จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 55 นางถือสามาก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 55 นางถือสามาก
ไม่มีใครเห็นว่าโม่อู๋เยว่ปรากฏตัวมายังไง เหมือนกับว่าได้ยินประโยคนี้ เงยหน้าขึ้นก็เห็นเขาแล้ว
มองแว็บเดียว สวยสยบมาร
แค่แว็บเดียว ทุกคนรู้สึกกลัวจากจิตวิญญาณ ต่างก้มหน้าหลบตาไปตามๆกัน ไม่กล้ามองโม่อู๋เยว่อีก ในใจจำได้แค่ความงามของเขา หรือเรียกได้ว่าสวยนางมาร แต่ไม่มีใครกล้าเอาเขามาเปรียบกับผู้หญิง ในภาพที่มองนั้นมีการข่มขู่แฝงอยู่ น่ากลัวอย่างยิ่ง
เฟิงเทียนฉีกลัวมาก “ เจ้าเป็นใคร ”
โม่อู๋เยว่มองข้ามเขา มองแค่จูนจิ่ว หลังจากปกปิดดวงตาดำแล้ว ยิ่งเหมือนกระแสน้ำวนลึกดูดคนไม่ปล่อย น้ำเสียงเขายั่วยวน “ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีจิ่วดี คนสวย น้ำเสียงสวย ฉลาด มีฝีมือ โชคดี ชื่อดี พรสวรรค์ดี ”
โม่อู่เยว่พูดคำชื่นชมที่ตัวเองคิดได้ออกมาทั้งหมด แต่ยังขาดอีกสองคำ
จูนจิ่วเสริมขึ้นเอง “ ยังมีเงินเยอะ กับรูปร่างดี ”
โม่อู๋เยว่ : ......
จูนจิ่วหรี่ตามองเขา โม่อู๋เยว่โต้แย้ง นางรีบทำท่ายกขาใส่เขาทันที โม่อู๋เยว่เผยรอยยิ้มมารยอมสงบออกมา “ ใช่ เงินเยอะกับรูปร่างดี ”
เสี่ยวอู่พยักหน้าอย่างจริงจังอยู่ข้างๆ ในฐานะผู้ชื่นชมทุกอย่าง นายท่านดีที่สุด ดีทุกอย่างนี้สร้างขึ้นมาสมบูรณ์แบบสำหรับนายของมัน
ใครจะมีความสมบูรณ์แบบเหมือนนายของมัน
ทุกคนชักกระตุกที่มุมปาก ละอายเหงื่อตก
พูดมาแปดอย่างก่อนหน้าไม่เป็นไร แต่รูปร่างดี สำหรับรูปร่างแบบสนามบินนี้ ตาบอดหรือเปล่า แต่พวกเขากล้าคิดเพียงแค่ในใจ ไม่มีใครพูดออกมาหาเรื่องตาย
คำพูดโม่อู๋เยว่ทำให้จูนจิ่วอารมณ์ดี นางชำเหลืองมองจูนหยูนเสวี่ยกับเฟิงเทียนฉีเล็กน้อย “ มีแค่คนที่จิตใจมืดบอด ถึงจะรู้สึกว่าชื่อนี้ไม่ได้ ”
จูนหยูนเสวี่ยกับเฟิงเทียนฉีสำลักจนพูดไม่ออก
ทุกคนรอบๆกลับพยักหน้าอย่างเงียบๆ เพราะจูนจิ่ว ในใจของทุกคนต่างเปลี่ยนมุมมองใหม่ ที่จวนจูนก็คือที่จวนจูน ท่านนี้ก็เป็นท่านนี้ แต่อย่างไรพวกเขาก็ไม่รู้ว่า ทั้งสองจูนจิ่วก็คือคนคนเดียวกัน
ไม่รู้ตอนที่ซั่งกวนอี่หรงรู้ว่าแผนการชั่วร้ายของตัวเอง เพราะจูนจิ่วสวนกลับแบบนี้ หลังจากคนในเมืองหลวงวิพากษ์วิจารณ์น้อยลงมาก จะโกรธจนกระอักเลือดออกมาไหม
ถ้าเขาจะกระอักเลือด จูนจิ่วก็เต็มใจที่จะเห็นเขากระอักด้วยตาตัวเอง
เมื่อเห็นจูนจิ่วกำลังเดินไป เฟิงเทียนฉีรีบเอ่ยขึ้น “ ช้าก่อน ไม่รู้ว่าแม่นางจูนจิ่ว....”
เฟิงเทียนฉีฝืนเอ่ยปากพูดลำบาก เพราะชื่อนี้ เหมือนกับสวะที่เขารังเกียจไม่มีผิด แต่แม่นางตรงหน้าของเฟิงเทียนฉี ยากที่จะซ่อนความน่าตื่นตาตื่นใจ
เขาเผยรอยยิ้มที่อ่อนน้อมถ่อมตนออกมา “ ข้าอยากจะขอโทษความเข้าใจผิดเมื่อครู่ แม่นางจูนจิ่วจะให้เกียรตินั่งสักหน่อยไหม ”
“ ไม่ ข้าไม่สนใจคนโง่ตาบอด ” จูนจิ่วตอบอย่างเย็นชา
นางไม่มองเฟิงเทียนฉีแม้แต่นิด แต่กลับหันไปมองผู้อาวุโสของสำนักตันเก๋อ ยักคิ้วเอ่ยขึ้น “ ไม่ใช่จะขึ้นทะเบียนหรอ ”
“ ใช่ๆ เชิญตามข้ามา ” ผู้อาวุโสของสำนักตันเก๋อหันเดินนำทางไป
จูนจิ่วหันมองโม่อู๋เยว่ “ เราไปกันเถอะ ”
“ ไป ”
โม่อู๋เยว่ยิ้ม เขาชอบที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูดว่าเรา
พวกเขาเดินลงจากเวทีไปโดยไม่หันหลังกลับ ทุกคนมีเพียงความนับถือและชื่นชมในตัวจูนจิ่ว ปฏิเสธรัชทายาทอย่างไม่มีเบื่อใยแบบนี้ น้อยมาก
จูนหยูนเสวี่ยโกรธเดินเข้าไป ฝืนทำตัวสง่างาม นางถามเฟิงเทียนฉี “ องค์ชาย ท่านเชิญนางทำไม ”
“ เฉียวเฉียว ”
“ เป็นชื่อเล่นของข้า ” หยูนเฉียวหน้าแดงเล็กน้อย เขากระแอมมองจูนจิ่วด้วยความคาดหวัง “ ถ้าแม่นางจูนไม่ถือ เรียกข้าว่าเฉียวเฉียวก็ได้ ”
“ นางถือมาก ” น้ำเสียงโม่อู๋เยว่แฝงความอารมณ์โกรธ
โม่อู๋เยว่มองตาเดียวก็ทะลุไปถึงความคิดของหยูนเฉียว อ่อยคนของเขาต่อหน้าเขา เบื่อชีวิตยืนยาวไปใช่ไหม
เห็นหยูนจ้งจิ่นกับหยูนเฉียวมองโม่อู๋เยว่ทันที แต่มองแค่นิดเดียว ก็หลบสายตาทันที แรงข่มขู่น่ากลัวมาก ดุดันจนทำให้หายใจไม่ออก เขาเป็นใคร
ทั้งยังเห็นมากับจูนจิ่ว ท่าทางไม่ธรรมดา พวกเขาอดที่จะคิดไม่ได้ หรือว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านของจูนจิ่ว
“ แค่กๆ ” จูนจิ่วกระแอมทำลายความเงียบ “ เรียกหยูนเฉียวก็ดีแล้ว ไม่ใช่คุณชายหยูนเชิญเราไปงานเลี้ยงหรอ เชิญนำทางไปได้เลย ”
“ ได้ เชิญท่านทั้งสอง ”
เข้าจวนหยูนมา นี่เป็นจวนส่วนตัวของหยูนจ้งจิ่ว เงียบสงบ งดงาม ทิวทัศน์สวย เดินเข้ามาทำให้ผ่อนคลายมีความสุข รู้สึกสบายใจ
หยูนจ้งจิ่วเชิญพวกเขานั่ง รินน้ำชาด้วยตัวเอง เอ่ยรอยยิ้มที่สง่างาม “ แม่นางจูนช่วยเฉียวเฉียวเอาไว้ บุญคุณช่วยชีวิต ข้าไม่รู้จะตอบแทนยังไง หากแม่นางจูนจิ่วมีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วย บอกมาได้เลย ”
“ เรามาทำการแลกเปลี่ยนกันเถอะ ” จูนจิ่วเอ่ยพร้อมลูบหูของเสี่ยวอู่
หยูนจ้งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อย สักพักก็เข้าใจความหมายของจูนจิ่ว เขาคิดว่าจูนจิ่วจะขอบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยน
“ แลกเปลี่ยน ” หยูนจ้งจิ่วสนใจ “ ไม่รู้ที่แม่นางจูนจิ่วพูดหมายถึงแลกเปลี่ยนอะไร ”
“ ยา ตระกูลหยูนของพวกท่านดำเนินการประมูลทั้งหมดในแคว้นเทียนโจ้งไม่ใช่หรอ ข้าเอายาให้พวกท่าน ให้พวกท่านมาจัดการประมูล ตอนนี้ข้าสามารถเอายาให้ก่อนชุดหนึ่ง หลังจากท่านตรวจสอบแล้วค่อยประมูล แบ่งเป็นท่านสองส่วนข้าแปดส่วน ” “ แค่กๆๆ ” หยูนจ้งจิ่วสำลัก “ แม่นางจูนจิ่ว การแบ่งนี้ของท่านเกินไปหน่อยหรือเปล่า ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...