สรุปเนื้อหา บทที่ 56 ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต – บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว
บท บทที่ 56 ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 56 ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต
แบ่งสองส่วนแปด แปดส่วนยังคงเป็นคงจูนจิ่ว เขาคนประมูลได้สองส่วน การแบ่งแบบนี้เป็นการแบ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
หยูนจ้งจิ่นวางจอกเหล้า มองจูนจิ่วด้วยคิ้วที่ขมวดแล้วพูดขึ้นว่า “แม่นางจูนจิ่ว ตระกูลหยูนของเราตั้งแต่เปิดประมูลมายังไม่เคยมีแบบนี้ ความสามารถทางการแพทย์ของเจ้าข้าไม่สงสัย แต่แปดส่วนสองนี้ยากที่จะตกลง”
“ต่อไปยาของข้าจูนจิ่ว จะให้ประมูลขายโดยตระกูลหยูนของเจ้าเท่านั้น” จูนจิ้วยิ้มพูด “แบบนี้เพียงพอไหม?”
ให้ตระกูลหยูนเท่านั้นที่สามารถประมูลขาย
หยูนจ้งจิ่นหวั่นไหว จากยาปรุงจิต ก็ทำให้รู้ว่าความรู้ทางการแพทย์ของจูนจิ่วนั้นล้ำเลิศมาก แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักตันเก๋อยังโดนจูนจิ่วจับผิด อนาคตของนางไม่จบเพียงเท่านี้แน่
แต่แบ่งแปดส่วนสองช่าง......
หยูนเฉียวพูดทำลายความคิดของหยูนจ้งจิ่นว่า “พี่ชาย ข้าคิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้วนะ ยาของแม่นางจูนล้ำเลิศไม่มีที่ติ ไม่ทำให้เราขาดทุนแน่นอน พี่ชายเจ้ารีบตกลงเลย ต้องเซ็นสัญญาเลยไหม? ข้าจะไปเอามา”
หยูนจ้งจิ่นทำปากบูดเบี้ยว หันหัวไปมองหยูนเฉียว น้องชายคนนี้เก็บมาหรือเปล่า?
แต่หยูนจ้งจิ่นไม่รู้ว่าหยูนเฉียวพูดถูก เขาร่วมมือกับจูนจิ่ว ไม่มีทางขาดทุนแน่นอน
ในอนาคต ยาของจูนจิ่วจะทำให้เขากับกิจการงานประมูลของตระกูลหยูนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสิบทิศ จนถึงทั่วโลก ยาของหมอเทวดาจูนจิ่ว สามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาของตระกูลหยูนเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็ทำให้เป็นที่นิยมของคนทั่วทุกสารทิศ ที่จะมาห้อมล้อมเพื่อซื้อยาของหมอเทวดาจูนจิ่ว
แต่หยูนจ้งจิ่นไม่มีญาณที่สามารถรู้ถึงอนาคต เขาจึงยังคงลังเล “เหตุใดแม่นางจูนจิ่วถึงเลือกตระกูลหยูนของเรา?”
“เพราะข้ารู้จักหยูนเฉียว เพราะตระกูลหยูนของพวกเจ้าเป็นคู่อริของตระกูลจูน” จูนจิ่วพูดขึ้นน้ำเสียงเรียบเฉย
ประโยคทำให้หยูนเฉียวดีใจอย่างมาก ประโยคที่สองทำให้ทั้งสองพี่น้องต่างก็อึ้งไปเลย
นี่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเป็นอริกับตระกูลจูน?
เดี๋ยวนะ จูนจิ่วแซ่จูนนี่ อีกอย่าง จูนจิ่ว คนขี้ขลาดตาขาวของบ้านตระกูลจูนคนนั้นก็ชื่อนี้ไม่ใช่หรือ? และคนขี้ขี้ขลาดตาขาวคนนั้นก็ถูกทิ้งส่งให้ไปอยู่เมืองเฟิงหลัว ตามที่หยูนเฉียวพูดมา จูนจิ่วช่วยชีวิตเขาก็ตอนที่อยู่เมืองเฟิงหลัว
หยูนจ้งจิ่นกับหยูนเฉียวมองหน้ากัน พวกเขาดูเหมือนรู้ความลับอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที
ทั้งสองชนแก้วกันเงียบๆ จอกนี้ช่างบาดคอยิ่งนัก หยูนจ้งจิ่นดื่มคือเหล้า หยูนเฉียวร่างกายเพิ่งฟื้นฟูจึงดื่มน้ำชาแทน
จูนจิ่วพูดขึ้นว่า “ตัดสินใจได้หรือยัง? ถ้าตกลง ความร่วมมือนี้ก็จะเริ่มต้นได้ตั้งแต่บัดนี้ คุณชายหยูนวางใจได้ ข้าจูนจิ่วไม่มีทางทำให้เจ้าขาดทุนแน่นอน”
“เหมียว เหมียว”
เสี่ยวอู่แอบดื่มเหล้าไปหนึ่งจอก นอนเมาออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดจูนจิ่ว พอได้ยินคำพูดของจูนจิ่ว ก็ส่งเสียงเหมียว เห็นด้วยอย่างมึนๆ เมาๆ
ร่วมมือกับเจ้านายของเขา มีคนไหนที่จะไม่ร่ำรวยเป็นเศรษฐี จนถึงจุดสูงสุดของชีวิต? ร่วมมือกับเจ้านาย เป็นอะไรที่ถูกต้องแล้ว หากไม่ร่วมมือมีแต่คนบ้า
จูนจิ่วได้ยินเสียงของเขา ยิ้มแล้วยื่นมือไปลูบคางเสี่ยวอู่ ทางเสี่ยวอู่ก็เงยหัวออดอ้อน สายตาแมวสบกับสายตาโม่อู๋เยว่ ร่างแมวบางตัวถึงกับแข็งทื่อ
เหมือนดั่งโดนไฟช็อต เสี่ยวอู่รีบลุกขึ้นมา นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างจูนจิ่ว การกระทำอย่างกะทันหันนี้ทำให้จูนจิ่วมองดูเสี่ยวอู่ ทำไมถึงไปอย่างกะทันหัน?
เสี่ยวอู่เขารู้สึกได้ถึงแรงอาฆาต จนร่างสั่นเทาไปทั้งตัว
ในตอนนี้ หยูนจ้งจิ่นก็ตัดสินใจ หยูนเฉียวไปเอาพู่กันหมึกกับกระดาษด้วยตัวเอง ให้หยูนจ้งจิ่นเขียนสัญญาลงนามสองฉบับ ให้หยูนจ้งจิ่นกับจูนจิ่วถือ คนล่ะหนึ่งฉบับ
หยูนจ้งจิ่นมองดูจูนจิ่วสองคำบนกระดาษ ยกพู่กันเขียนอย่างคล่องแคล่ว วาดเขียนอย่างมั่นใจสง่างาม เป็นไปอย่างที่พูด
เขาไม่เพียงมองดูจูนจิ่ว ยังถามขึ้นอย่างที่ในใจคิดสงสัยว่า “แม่นางจูนจิ่ว เจ้ากับตระกูลจูนเมืองด้านตะวันออกเกี่ยวข้องอะไรกัน?”
ได้ยินแล้ว หยูนเฉียวแทบกลั้นหายใจ มองจูนจิ่วอย่างตื่นเต้นและร้อนใจ
เมื่อออกมาจากจวนตระกูลหยูน จูนจิ่วจ้องมองซ้ายขวาจดจำทิศทาง นางยื่นมือ “เดินทางนี้ ปี้หลัวน่าจะหาที่พักได้เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปหานางกันก่อน”
“ผิดแล้ว ต้องไปทางนี้” โม่อู๋เยว่จับมือจูนจิ่วไว้ เปลี่ยนไปอีกทาง
จูนจิ่วขมวดคิ้ว “ทางนี้?”
“ใช่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เดินตามข้ามาก็พอ”
เสียวโม่อู๋เยว่พูดขึ้นอย่างขี้เกียจ กลับแฝงไปด้วยความมาดเข้มที่ไม่อาจขัดได้ มือของเขาที่ดึงจูนจิ่วไว้คลายออก เปลี่ยนเป็นจูงมือนาง จูนจิ่วรู้สึกลังเล แต่ก็ยอมตามโม่อู๋เยว่ไป
มีแต่เสี่ยวอู่ที่แยกเขี้ยวแยกฟัน ขีดข่วนไปทั่ว
จูงมือกันแล้ว
คนเลวนี้แอบทำมิดีมิร้ายกับเจ้านาย เหมียวเหมียวเหมียว แต่เพราะสู้ไม่ไหว ไม่สามารถช่วยเหลือความบริสุทธิ์ของเจ้านาย น่าโมโหยิ่งนัก
โม่อู๋เยว่มองดูเสี่ยวอู่ แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ตอนที่เขาก้มมองดูจูนจิ่ว แววตาฉายแววลึกซึ้ง โม่อู๋เยว่พูดขึ้นว่า “ข้าสั่งให้เหลิ่งยวนซื้อบ้านในเมืองหลวงไว้หลังหนึ่ง ต่อไปเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็พักอยู่ที่นี่”
“ซื้อบ้าน อยู่ที่ไหน?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าเงยหัวสิ....” โม่อู๋เยว่ใช้นิ้วกดตรงกลางอุ้งมือจูนจิ่ว ทันใดนั้นก็รู้สึกดั่งไฟช็อตชาไปทั้งตัว
จูนจิ่วขมวดคิ้วลืมความรู้สึกพวกนี้ไปเลย นางเงยหน้ามองดู ด้านหน้ามีคฤหาสน์อยู่หลังหนึ่ง ด้านมีป้ายเขียนไว้ว่าจวนโม่สองพยางค์ เหลิ่งยวนยืนอยู่หน้าประตู ยื่นมือเปิดประตูใหญ่ “เชิญครับ”
กำลังเข้าเดือนสาม ในขณะที่ผลักประตู ก็มีดอกท้อโปรยปลิวบินลอยออกมา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกหอมไปถึงเบื้องลึกในใจจูนจิ่ว
จูนจิ่วไม่ได้เข้าไป แต่เงยหน้ามองไปยังโม่อู๋เยว่แล้วพูดขึ้นว่า “ข้ากับเจ้าพักอยู่ด้วยกัน?” “ไม่งั้น เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากกลับไปตระกูลจูน วันๆ ต้องสู้รบกับพวกมดพวกนั้นหรือ?” โม่อู๋เยว่พูดประโยคเดียวแต่ถึงใจ ทำให้นางเถียงไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...