สรุปตอน บทที่ 57 ระหว่างเจ้ากับข้า เป็นศิษย์อาจารย์กันแบบนี้ – จากเรื่อง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว
ตอน บทที่ 57 ระหว่างเจ้ากับข้า เป็นศิษย์อาจารย์กันแบบนี้ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดยนักเขียน ต้าวเมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 57 ระหว่างเจ้ากับข้า เป็นศิษย์อาจารย์กันแบบนี้
ตระกูลจูน จูนจิ่วไม่คิดที่จะกลับไปอยู่แล้ว
ตอนที่นางอยู่เมืองเฟิงหลัว ซั่งกวนอี่หรงยังคิดหาทุกวิถีทางวางยานาง หากกลับไป ก็ต้องหวาดกลัวทั้งอาหารสามมื้อ ล้วนต้องสู้รบตบมือ วุ่นวายยิ่งนัก นางชอบทีเดียวดับมากกว่า
ไม่ลงมือก็แล้วไป หากลงมือจักไม่ลังเลเลย
จูนจิ่วก้าวเท้าเดินขึ้นบันได แล้วก็หยุดชะงัก นางหันไปมองโม่อู๋เยว่ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้นว่า “โม่อู๋เยว่ ชายหญิงโสดอาศัยอยู่ด้วยกันมันไม่ดี พวกเราควรมีเหตุผลอย่างหนึ่งที่สามารถอยู่ได้อย่างเปิดเผยไหม?”
“อืมๆ ” โม่อู๋เยว่เงยหน้ามองดูนาง สายตาลึกๆ ฉายแววงุนงง
สักพักหนึ่ง เขาก็หัวเราะ
โบราณมีคำหนึ่งว่าไว้แค่ยิ้มก็สามารถละลายได้ทั้งโลก วันนี้พญามารยิ้มกระชากวิญญาณ
จูนจิ่วหน้าบึ้ง กดหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของตัวเองไว้ นางคือหมอเทวดาจูนจิ่วต้องไม่หลงคารมผู้ชาย
โม่อู่เยว่พูดขึ้นว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ต้องการเหตุผลอะไร?”
“ศิษย์กับอาจารย์ ต่อหน้าภายนอก เจ้าเป็นอาจารย์ของข้า และข้าเป็นศิษย์ของเจ้า แบบนี้ต่อให้เราอาศัยอยู่ด้วยกัน คนอื่นก็จะไม่คิดอะไร สะดวกทั้งเจ้าและข้าถูกไหม?”
“ฮ่าๆ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากที่จะหาเหตุผลอธิบายความเป็นมาในความสามารถของตัวเองมากกว่ามั่ง” ด้วยสายตาที่โม่อู๋เยว่เพ่งมอง ทุกอย่างของจูนจิ่วล้วนไม่สามารถปิดบัง
นางรู้ว่าโม่อู๋เยว่มีอำนาจ ไม่สามารถที่จะทัดเทียมได้ ดังนั้น นางอยากอาศัยอำนาจของโม่อู๋เยว่มาช่วยบดบังตนเอง
มีอะไรสำคัญไปกว่า การมีอาจารย์ที่แข็งแกร่ง ยิ่งสามารถอธิบายที่มาของความสามารถตัวเอง? ในขณะเดียวกันยังสามารถสะเทือนการกระทำบางอย่างของคนเลว
เมื่อเขารู้ทัน จูนจิ่วก็ไม่เกรงกลัว นางเอามือกอดอก พูดขึ้นว่า “เป็นยังไง? จะเป็นอาจารย์ของข้าไหม?”
“ได้ ข้าจะเป็นอาจารย์ของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์”
จูนจิ่วยิ้มมากกว่าเมื่อกี้อย่างได้ใจ แล้วเห็นโม่อู๋เยว่ก้าวเข้ามาใกล้ ระยะห่างยิ่งใกล้ ฮอร์โมนอันเอาแต่ใจของโม่อู๋เยว่ ทำให้จูนจิ่วหายใจติดขัด จนต้องถอยหลังออกห่าง
ด้านหลังติดประตู จูนจิ่วเงยหน้า นางโดนโม่อู๋เยว่ต้อนติดอยู่ที่นี่แล้ว
ดวงตาโม่อู๋เยว่กลายกลับไปเป็นสีทอง แววตาสีสันสวยงาม งดงามยิ่งกว่าแสงใดๆ ในโลก ดวงตาลึกๆ สีทองเพ่งมองจูนจิ่ว โม่อู๋เยว่ยื่นมือเชยคางจูนจิ่วขึ้นมา
ใกล้มากเลย
จูนจิ่วรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะไร้อากาศหายใจ โดนสายตาของโม่อู๋เยว่ดูดกลืนไปหมดแล้ว
นางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “โม่อู๋เยว่ เจ้าจะทำอะไร?”
หรือว่าโดนนางหลอกใช้ ทำให้เขาโกรธ จะฆ่าคนแล้วหรือ?
คิดถึงตรงนี้ มือจูนจิ่วที่ซ่อนอยู่ข้างหลังกางออก มีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ กำไว้ในมือแน่น หากโม่อู๋เยว่ลงมือ นางจะชิงลงมือก่อน
หลังจากนั้น โม่อู๋เยว่พูดขึ้นว่า “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ของแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน และระหว่างเจ้ากับข้า เป็นศิษย์อาจารย์กันแบบนี้”
“อะ....” คำว่าอะไรยังพูดไม่จบ ก็หยุดอยู่ในปาก
จูนจิ่วตาโต มองหน้าโม่อู๋เยว่ที่ยิ่งอยู่ยิ่งเข้ามาใกล้อย่างตกใจ ยังมีรอยจูบที่ร้อนผ่าวประทับอยู่
ฉึก
มีดสั้นจากล่างขึ้นบน แทงลงกลางใจโม่อู๋เยว่ โม่อู่เยว่ไม่ได้ขยับ สองนิ้วมือวาดเขียนกดมีดสั้นไว้ แล้วเขาก็ถอนจูบออก ยิ้มหัวเราะมองจูนจิ่วอย่างพญามาร “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จำไว้นะ ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ของเราเป็นแบบนี้”
จูนจิ่วไม่พูดอะไร นางดูมีดสั้นดึงไม่ออก จึงไม่เอาแล้ว มือขวาคว้าจับชายเสื้อโม่อู๋เยว่ ยกเข่าหมายจะกระทืบหว่างขาโม่อู๋เยว่ ท่านี้โหดมาก โม่อู๋เยว่ไม่หลบไม่ได้
การหลบของเขา ทำให้จูนจิ่วดึงชายเสื้อเปิดออก มองเห็นภายในอย่างกระชันชิด จูนจิ่วรีบปล่อยมืออย่างสั่นเทา โม่อู๋เยว่ถอยหลังออกห่าง
“เหมียวเหมียวเหมียว” เสี่ยวอู่ได้สติกลับมา ร้องเรียกเสียงหลงวิ่งเข้าไป เจ้านาย เสี่ยวอู่มาช่วยช้าไป เสี่ยวอู่จะไปกัดคนเลวนั่นให้ตาย
เหลิ่งยวนยิ่งตกใจกว่า แผ่นหลังเท้าที่ก้าวเดินดูแข็งทื่อไปหมด เจ้านายของเขาลวนลามจูนจิ่ว ยังพูดจาจีบสาวอย่างไม่อาย ที่แท้เจ้านายเป็นคนแบบนี้หรือ?
แต่ตกหลุมรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง น่าแปลกไปไหม?
……………..
จวนโม่กว้างใหญ่พอสมควร มีเรือนตั้งหลายเรือน จูนจิ่วเลือกเรือนที่ดีที่สุด สั่งปี้หลัวไปเก็บกวาด โม่อู๋เยว่ที่เดินตามอยู่ข้างหลังโดนมองข้ามไปเลย
จนกระทั่ง.....โม่อู๋เยว่ถือแมวมาตัวหนึ่งยื่นตรงหน้านาง “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ แมวของเจ้า”
“เหมียว เหมียว เหมียว” เสี่ยวอู่ร้องเรียกอย่างน่าสงสาร
สู้ไม่ไหว แม้ริมชายเสื้อโม่อู๋เยว่ยังแตะไม่โดนเลยก็โดนเขาจับไว้แล้ว
จูนจิ่วได้ยินเสียงเสี่ยวอู่ที่ทั้งน่าสงสารและโมโห นางเม้นริมฝีปาก ช่วยเสี่ยวอู่ออกมาจากมือโม่อู๋เยว่ แล้วโม่อู๋เยว่ก็นั่งลงตรงด้านหน้าจูนจิ่วอย่างหน้าตาเฉย
ก่อนที่จูนจิ่วจะไล่คน โม่อู๋เยว่พูดขึ้นว่า “เหลิ่งยวนบอกว่า ในตัวเมืองมีคนกำลังตามจับจูนจิ่ว”
จูนจิ่วที่พวกเขาตามจับคือคนขี้ขลาดตาขาว เพราะเหตุนี้จึงคิดไม่ถึงว่าคนที่อาละวาดสำนักตันเก๋อ จนชื่อเสียงโด่งดังจะเป็นจูนจิ่วคนที่พวกเขาต้องการจับ เพราะฉะนั้นจึงยังไงก็หาตัวจับไม่ได้
จูนจิ่วอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ให้พวกเขาตามจับไป ตามสักเดือนสองเดือนก็ไม่เป็นไร ซั่งกวนอี่หรงยิ่งโมโหยิ่งดี”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ไม่มีแผนที่จะออกไปเผชิญออกหน้า?”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ข้าจะกลับไป จะต้องสามารถทำให้จวนจูนพลิกแผ่นดิน” จูนจิ่วลูบแมวเล่น แววตาฉายแววอาฆาต
ตอนนี้ทั้งจวนจูนจะเป็นยังไง นางไม่รีบร้อน นางสามารถค่อยๆ รอ รอจนถึงเดือนหน้าวันงานเลี้ยงฉลองวันเกิดประมุขจวนจูนค่อยกลับไป แต่นางยังต้องการสายสืบคนหนึ่ง ช่วยนางเป็นหูเป็นตาดูความเคลื่อนไหวของจวนจูน ในใจจูนจิ่ว บังเกิดชื่อของคนคนหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...