บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 58

สรุปบท บทที่ 58 ซั่งกวนอี่หรงกระอักเลือด: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

อ่านสรุป บทที่ 58 ซั่งกวนอี่หรงกระอักเลือด จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บทที่ บทที่ 58 ซั่งกวนอี่หรงกระอักเลือด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 58 ซั่งกวนอี่หรงกระอักเลือด

ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง เรือนด้านหลังจวนจูน บรรยากาศแห่งความอาฆาตปกคลุมจนทำให้หายใจแทบไม่ออก

ซั่งกวนอี่หรงเพ่งมองพวกคนใช้ที่คุกเข่าอยู่อย่างดุดัน “พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก จูนจิ่วคนเดียวก็ไม่มีปัญญาจับมาได้ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าไว้เป็นถังข้าวหรือไง?”

“จู๋หมู่ใจเย็นๆ ”

ใจเย็นๆ ใจเย็นยังไง? จับจูนจิ่วมาไม่ได้ ก็เหมือนดั่งหนามที่คอยทิ่มแทงอกนาง

ในทันใดชิววี่ก็เข้ามา “จู๋หมู่ คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วค่ะ”

ซั่งกวนอี่หรงรีบฉีกยิ้ม นางเงยหน้ามองไปยังจูนหยูนเสว่ ซั่งกวนอี่หรงพอใจที่สุด ลูกสาวตัวเองสวยสดงดงามเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในแคว้นเทียนโจ้งจะเพียงพอได้อย่างไร?

ต้องเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดในโลก ลูกสาวของนางสามารถได้ตำแหน่งมาอย่างง่ายดาย มีใครสามารถทัดเทียมได้?

เมื่อเดินเข้ามาใกล้กลับเห็นจูนหยูนเสว่หน้าบึ้งขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ดี ซั่งกวนอี่หรงจึงรีบถามขึ้นว่า “เป็นอะไร? ดูเหมือนเสว่เอ๋อร์มีเรื่องไม่สบายใจ? ไปดูอะไรสนุกๆ ที่สำนักตันเก๋อกับองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ?”

“ท่านแม่ ข้าเจอเด็กคนหนึ่งชื่อจูนจิ่วที่สำนักตันเก๋อ”

“อะไรนะ” ซั่งกวนอี่หรงตกตะลึง

นางรีบสั่งให้บ่าวทั้งหมดออกไป แล้วดึงมือจูนหยูนเสว่ไว้ ให้นางรีบเล่าเรื่องให้ฟัง จูนหยูนเสว่เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่สำนักต้นเก๋อให้ซั่งกวนอี่หรงฟังอย่างละเอียด

จูนหยูนเสว่มีความรู้สึกว่า จูนจิ่วเป็นอะไรที่วุ่นวาย

ซั่งกวนอี่หรงขมวดคิ้วครุ่นคิด “เสว่เอ๋อร์ เมื่อกี้เจ้าพูดว่าเด็กที่ชื่อจูนจิ่วคนนั้น ดูแล้วอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ใช่ไหม?”

“ใช่ ท่านแม่คงไม่คิดว่าเป็นนางใช่ไหม คนขี้ขลาดตาขาวคนนั้น จะเป็นนักกลั่นยาได้ยังไง? จูนจิ่วทำเรื่องในวันนี้ไม่ได้แน่ นางทำได้เพียงเป็นเหมือนหนู แอบหลบอยู่ที่มุมแล้วร้องไห้อย่างสั่นเทา”

“ไม่” ซั่งกวนอี่หรงไม่ได้หมดความสงสัย จากข่าวที่จูนหวั่นเอ๋อร์กับจูนเฉิงส่งมาก นางก็รู้สึกผิดปกติ

ตอนนี้มีข้อสงสัยนิดๆ หน่อยๆ ก็ปล่อยไปไม่ได้

ซั่งกวนอี่หรงสั่งชิววี่ “ไป ชิวอี่เจ้าไปสืบดูความเป็นมาของจูนจิ่วคนนั้น ไม่ว่าจะใช่นางไหม ก็ต้องเชิญนางมาที่จวนให้ได้ ถ้าไม่ใช่ ก็ถือว่าได้ทำความรู้จักกับนักกลั่นยาคนหนึ่ง ถ้าใช่ ก็ฆ่านางซะ”

“รับทราบค่ะ” ชิ่ววี่รับคำสั่ง

แล้วเมื่อนางเดินไปถึงหน้าประตู ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนชิวอี่ล้มลง “โอ๊ย”

“จู๋หมู่ จู๋หมู่ท่านช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากตาย จู๋หมู่ท่านช่วยข้าด้วย” จูนหวั่นเอ๋อร์กระโจนเข้ามาคุกเข่า น้ำเสียงทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว

“เสียมารยาท หวั่นเอ๋อร์เจ้าทำไมกล้า.....อ้าก” ชิววี่ดึงหวั่นเอ๋อร์ขึ้นมามองเห็นหน้า แล้วก็กรีดร้องตกใจ

เห็นหน้าหวั่นเอ๋อร์ที่เริ่มเน่าเปื่อย น่าหวาดกลัวมาก

จูนหวั่นเอ๋อร์เอามือกุมหน้าร้องไห้ “จู๋หมู่ ยาพิษของจูนจิ่วนักกลั่นยารักษาไม่ได้ จู๋หมู่ช่วยข้าด้วย”

“ทหาร ลากนางออกไป” ซั่งกวนอี่หรงไม่แม้แต่จะมองจูนหวั่นเอ๋อร์ สั่งคนมาลากออกไปเลย

จูนหยูนเสว่แทบกลั้นลมหายใจ “ท่านแม่ นั่นจูนหวั่นเอ๋อร์ของบ้านรองเมืองเฟิงหลัว? ทำไมนางกลายเป็นแบบนี้? ทำไมถึงพูดว่ายาพิษของจูนจิ่วรักษาไม่ได้”

“เสว่เอ๋อร์ บ้านรองเมืองเฟิงหลัวโดนล้างเลือดแล้ว เป็นฝีมือจูนจิ่ว ยาพิษที่จูนหวั่นเอ๋อร์โดนก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเจ้ารู้ไหมว่าทำไมแม่ถึงต้องเชิญจูนจิ่วคนนั้นมา?”

“จูนจิ่วล้างเลือดบ้านรองเมืองเฟิงหลัว ยังวางยาพิษให้กับจูนหวั่นเอ๋อร์ เป็นไปได้ยังไง?”

“แม่สงสัยว่า ตระกูลหยูนกำลังช่วยนางอยู่”

…………

จูนหวั่นเอ๋อร์โดนลากออกไป ชิววี่มองนางอย่างรังเกียจ “จูนหวั่นเอ๋อร์ คราวหากยังกล้ามาก่อกวนจู๋หมู่อีก ระวังชีวิตของเจ้าไว้ให้ดี”

“ข้าไม่ได้ก่อกวน จู๋หมู่เคยรับปากว่าจะช่วยข้ารักษา” แววตาจูนหวั่นเอ๋อร์ฉายแววเคลียดแค้น เพ่งมองชิววี่อย่างโกรธแค้น

“ยา ยาถอนพิษ”

ปลายนิ้วจูนจิ่วดีดยาออกมาเม็ดหนึ่ง จูนหวั่นเอ๋อร์รีบคลานเข้ามาเก็บกิน เมื่อกลืนยาลงท้อง จูนหวั่นเอ๋อร์ที่นั่งกองกับพื้นถึงกับโล่งอก เขารอดแล้ว

“จูนหวั่นเอ๋อร์” เสียงจูนจิ่วเย็นชา จนจูนหวั่นเอ๋อร์สะดุ้ง

นางมองจูนจิ่วอย่างเกรงกลัว เห็นนางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือถือเค้กไว้กำลังทานอย่างสบายใจ ก้มหน้ามองดูนาง ดูแคลนเหมือนดั่งมดตัวหนึ่ง

จูนจิ่วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าไปทำเรื่องที่สอง”

“เรื่อง เรื่องอะไร?”

“จับตาดูตระกูลจูน จดบันทึกความเคลื่อนไหวทุกอย่าง ปี้หลัวจะมาเอาข่าวที่นี่ทุกๆ สามวัน” จูนจิ่วทานเค้กเสร็จ ปัดๆ มือแล้วพูดต่อว่า “หากไม่เจอเจ้า หรือเจ้ารายงานตระกูลจูน ชีวิตของเจ้า จะเลวร้ายยิ่งกว่าจูนเหล๋ย”

ร่างกายจูนหวั่นเอ๋อร์สั่นเทาจนตัวงอ

ตอนนี้นางไม่แม้แต่จะคิดที่จะต่อกอนกับจูนจิ่ว ชีวิตน้อยๆ อยู่ในมือจูนจิ่ว หากไม่อยากตายอย่างทรมาน ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งอย่างว่าง่าย

จูนหวั่นเอ๋อร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น “จูนจิ่ว ข้าได้ยินจู๋ ไม่ ข้าได้ยินซั่งกวนอี่หรงสองแม่ลูกพูดว่า จะเชิญเจ้าไปร่วมงานเลี้ยง”

“อ๋อ?”

“เป็นความจริง ข้าไม่ได้โกหกเจ้า” จูนหวั่นเอ๋อร์กำลังเอาใจจูนจิ่ว

จูนจิ่วไม่ได้สงสัยคำพูดของจูนหวั่นเอ๋อร์ จูนหยูนเสว่เคยเห็นนาง กลับก็ยังไงก็ต้องเล่าให้ซั่งกวนอี่หรงฟัง ซั่งกวนอี่หรงที่ชั่วร้ายหากไม่ได้ฆ่านางให้ตายนางไม่ยอมรามือแน่ นางจะไม่ละเลยหลักฐานและโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น

แล้ว นางไม่ได้วางแผนที่จะไปงานเลี้ยง ให้ซั่งกวนอี่หรงร้อนใจทรมานที่จับนางไม่ได้ไปพลางๆ ก่อน

จูนจิ่วยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า เช่นการประมูลขายยา เรื่องจ้าวเห้อสำนักตันเก๋อ ทำให้จูนจิ่วมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง เมื่อตระกูลหยูน ประกาศประมูลขายยาของนาง ก็เกิดเหตุแย่งชิงขึ้นมาทันที ต่อให้ราคาสูงเสียดฟ้า ก็ไม่ลดล่ะใดๆ เมื่อคนกลุ่มแรกที่ซื้อได้ยาไป พบว่ายามีดีกว่าที่คิดไว้ ดียิ่งกว่ายาทุกอย่างที่เคยซื้อมาอีก หลังจากนั้น หมอเทวดาจูนจิ่วก็โด่งดังไปทั่วแล้ว

ไม่มีใครพูดถึงคนขี้ขลาดตาขาวของตระกูลจูนอีก ทุกคนต่างก็ชื่นชมยกย่องหมอเทวดาจูนจิ่ว ซั่งกวนอี่หรงหาจูนจิ่วไม่เจอ ทำได้เพียงโกรธจนกระอักเลือด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ