บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 64

สรุปบท บทที่64คู่หญิงโฉดชายชั่วหน้าไม่อาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

บทที่64คู่หญิงโฉดชายชั่วหน้าไม่อาย – ตอนที่ต้องอ่านของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

ตอนนี้ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่64คู่หญิงโฉดชายชั่วหน้าไม่อาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่64คู่หญิงโฉดชายชั่วหน้าไม่อาย

พวกเจ้าจะแสดงความรักง้องอนตัวติดกันควรจัดการงานหมั้นให้ถูกต้องตามประเพณีก่อนหรือไม่?ทั้งสองคนต่างยังไม่มีงานหมั้นก็ต่างควงคู่แนบชิดน่าเกลียดหรือไม่ไร้ยางอายหรือไม่?

การมาถึงของเฟิ่งเทียนฉี่ยิ่งทำให้บรรยากาศยิ่งใหญ่ผู้คนต่างยืนขึ้นแย้มยิ้มคำนับต้อนรับเฟิ่งเทียนฉี่ตระกูลจูนนับเป็นตระกูลใหญ่สองตระกูลแห่งแคว้นอำนาจบารมีท่วมท้นในตอนนี้รัชทายาทถึงกับมาอวยพรด้วยตนเองยิ่งเสริมบารมีให้กับจูนสงเทียนมีหน้ามีตามากขึ้นไปอีก

จูนสงเทียนลุกกายขึ้นพลางแย้มยิ้ม“องค์รัชายาทให้เกียรติมาถึงที่นี่ช่างเป็นเกียรติแก่ข้ายิ่งนัก”

“ท่านเจ้าตระกูลจูนเกรงใจไปแล้วงานฉลองวันเกิดท่านข้าจะไม่มาได้อย่างไร?ข้ายังเตรียมของขวัญอวยพรใหญ่มาให้เข้าอีกด้วยทหาร!เอาของขวัญเข้ามา!”เฟิ่งเทียนฉี่หันกายแล้วส่งสัญญาณปรบมือทหารยกของเข้ามาทันที

มีผ้าคลุมสีแดงบังอยู่ทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นอะไรหยูนเฉียวพ่นลมออกมาพลางกล่าว“นั่นมันไม่ใช่ปะการังพันปีที่แอบประมูลไปจากเราหรือ?”

เฟิ่งเทียนฉี่เปิดผ้าคลุมไหมแดงออกด้วยตัวเองเผยโฉมปะการังเนื้อแดงราวกับสีแดงสดของเลือดฝูงชนรอบข้างต่างพากันตะลึงพรึงเพริดอิจฉาตาร้อน

เฟิ่งเทียนฉี่ทำทีลูบคางอย่างองอาจทำเย่อหยิ่งพลางเอ่ยปาก“นี่คือปากการังที่ข้าให้คนไปเสาะหาถึงที่ทะเลใต้ใช้เวลากว่าเจ็ดสิบกว่าวันถึงจะเฟ้นหาเจอ!ปะการังใหญ่พันปีนี้ทั้งโลกนี้มีเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น!และมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะควรคู่กับเจ้าตระกูลจูนเช่นท่าน”

“องค์รัชทายาทท่านช่างทุ่มเทยิ่งนัก!”

“ปะการังพันปีนี้มีค่ายิ่งนักและมีเพียงสิ่งที่มีมูลค่าเช่นนี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรกับเจ้าเจ้าตระกูลจูน!”

“เหอะ!”หยูนเฉียวอดไม่ได้ต้องพ่นลมหายใจออกมา

ผู้คนรายรอบโต๊ะนี้ต่างได้ยินที่หยูนเฉียวพึมพำก่อนหน้าและรู้ว่าปะการังพันปีนี้ได้แอบประมูลมาจากตระกูลหยูนเมื่อได้ยินที่เฟิ่งเทียนฉี่เล่าว่าตนเองเฟ้นหามาด้วยตัวเองแต่ละคนต่างอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีออกมา

หยูนจ้งจิ่นมองสบตากับหยูนเฉียวแวบหนึ่งต่างทำท่าทางราวอยากจะบอก“องค์รัชทายาทช่างน่าไม่อายจริงๆ”

แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจพูดมันออกมาตอนนี้นั่นเท่ากับเป็นการฉีกหน้าเฟิ่งเทียนฉี่!แต่เมื่อสบตากับทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจการเสแสร้งนี้ดูแล้วเฟิ่งเทียนฉี่แท้จริงแล้วกลับไม่ได้ให้เกียรติจูนสงเทียนอย่างที่ปากว่า

เฟิ่งเทียนฉี่เอ่ยขึ้นมาอีกครา“คิดดูแล้ววันนี้มีเรื่องน่ายินดีถึงสองเรื่องวันนี้เป็นวันฉลองวันเกิดท่านเจ้าตระกูลจูนข้าจะประกาศเรื่องน่ายินดีอีกเรื่อง”

“โอ้?”จูนสงเทียนถอนสายตาออกมาจากปะการังเป็นครั้งแรก

เขาชอบปะการังที่รับเป็นของขวัญจากเฟิ่งเทียนฉี่มากและยังถ้อยคำคำพูดต่างๆของเฟิ่งเทียนฉี่เมื่อครู่ยิ่งทำให้เขาหน้าบานยิ่งไปอีกรัชทายาทใช้เวลาลงแรงหาของเป็นสิบกว่าวันมาให้?มีเพียงเขาเท่านั้นหล่ะที่ได้!มันน่าผยองใจยิ่งนัก

เมื่อได้ฟังคำพูดเฟิ่งเทียนฉี่เมื่อครู่จูนสงเทียนอดสงสัยไม่ได้“องค์รัชาทายาทท่านเรื่องน่ายินดีเรื่องที่สองคืออะไรหรือ?”

เขาไม่ทราบซั่งกวนอี่หรงและจูนหยูนเสวี่ยสบตากันปิดความตื่นเต้นรอคอยไว้ไม่อยู่ในห้องโถงใหญ่นั้นทั่วทุกคนต่างสงสัยเฟิ่งเทียนฉี่เตรียมของขวัญชิ้นที่สองไว้อีกหรือ?”

จูนเสี่ยวเหล่ยพูดพึมพำ“ว้าวอยากรู้จังว่าของขวัญชิ้นที่สองคืออะไร?”

จูนจิ่วปรายตามองนางแวบหนึ่งไม่ได้กล่าวอะไรทว่าเมื่อมองสายตาที่เฟิ่งเทียนฉี่และจูนหยูนเสวี่ยแลกเปลี่ยนกันสายตาหนึ่งแทบอดรนทนไม่ได้จะครอบครองจะครอบครองให้ได้อีกหนึ่งก็สูงส่งบริสุทธิ์แต่ปิดความพอใจไว้ไม่มิด

นางพอจะเดาได้แล้วว่าของขวัญชิ้นที่สองคืออะไร

ลมพัดกลิ่นสุรามาเอื่อยๆแม้จูนจิ่วจะเคยได้กลิ่นเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้นางหันไปได้ในที่ไกลๆจูนจิ่วเห็นผู้เฒ่าท่ามกลางผู้คนมองตรงมาที่นางพลางยักคิ้วหลิ่วตาผู้เฒ่าคนนี้!จูนจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย

ท่ามกลางสายตาผู้คนนับหมื่นที่กำลังรอคอยอยู่นั้นเฟิ่งเทียนฉี่ทำให้ผู้คนต่างลุ้นระทึกในที่สุดก็เฉลย“เรื่องน่ายินดีอีกเรื่องคือข้าจะรับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจูนจูนหยูนเสวี่ยเป็นพระชายา!”

เฮ่!เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มขึ้น

เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มไปทั่วห้องโถงใหญ่ผู้คนทุกคนต่างตกตะลึงชั่วเสี้ยววินาทีเสียงกระซิบกระซาบดังระงมไปพร้อมๆกับเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี

เฮือก!

ผู้คนโดยรอบต่างสูดหายใจด้วยความตกใจแม่นางนี้หน้าตาสวยสะคราญต่อเมื่อปริปากกลับปากคอเราะร้ายนัก

จูนสงเทียนตวาดอย่างกราดเกรี้ยว“บังอาจนัก!เจ้าช่างกล้าพูดจาเหลวไหลกล่าวหาองค์ราชทายาทและบุตรสาวข้า”

“จุ๊จุ๊เจ้าตระกูลจูนท่านเป็นคนใหญ่คนโตมักจะขี้ลืมสินะเวลาสั้นๆหนึ่งปีท่านกลับจำข้าไม่ได้เสียแล้วแต่ก็ถูกแล้วนั่นแหละในสายตาท่านข้าก็เป็นเหมือนคนที่ตายไปแล้วมิใช่รึ?ท่านอา”

คำเรียกสองคำสุดท้ายราวกับราดน้ำมันบนกองเพลิง

พ่าม!

ราวกับระเบิดลงกลางวงทุกคนราวกับตื่นตะลึงจนนิ่งงันไปท่านท่านอาหรือ?นางเป็นคนตระกูลจูนหรือ?นี่มันเรื่องอะไรกัน!

จูนสงเทียนชะงักราวโดนฟ้าฟาดจดจ้องไปยังจูนจิ่วอย่างไม่เชื่อสายตาเขาค่อยๆพบความคล้ายคลึงกันกับน้องชายของเขาบนในหน้าของจูนจิ่วแววตาอันเยียบเย็นราวน้ำแข็งหัวใจเขาเต้นระรัวเร็ว

เขาเบิกตาโพลงตะลึงงัน“เจ้าคือจูนจิ่วหรือ?”

“ใช่แล้ว”รอยยิ้มของจูนจิ่วแย้มยิ่งกว้างขึ้นองอาจอวดดีราวไฟแผดเผาเบื้องหน้าผู้คนไม่มีผู้ใดสามารถละสายตาไปจากนางได้

จูนจิ่วเดินออกไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่งจูนสงเทียนก็ก้าวถอยหลังก้าวหนึ่งนางมองลึกลงไปในดวงตาพลางยิ้มเยาะเหยียดหยันจูนจิ่วเอ่ยขึ้น“ท่านอาข้าพูดถูกไหมพวกเขาช่างเป็นดั่งหญิงร้ายชายเลวน่าไม่อายพูดไปแล้วก็ช่างเหมาะสมกันจริงๆ!”

“จูนจิ่ว!”จูนหยูนเสวี่ยกรีดร้องนางเกือบจะเป็นลมล้มไปจูนจิ่วกล้าพูดเพียงนี้เชียวหรือ?

เฟิ่งเทียนฉี่ทำตัวไม่ถูกปากพึมพำชื่อจูนจิ่วอยากไม่อยากจะเชื่อเขายังสับสนไม่มีสติจูนจิ่วหันหลังกลับจูนหยูนเสวี่ยร่างชานิ่งไม่ไหวติงแต่จูนจิ่วกลับหัวเราะเยาะ“งานหมั้นยังไม่ทันได้จัดการเจ้าก็รีบจะเข้าหอแล้วเจ้าไม่ใช่นางแพศยาแล้วใครจะใช่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ