บทที่69วางกับดักให้เฟิ่งเซียวโดดเข้าไป – ตอนที่ต้องอ่านของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
ตอนนี้ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่69วางกับดักให้เฟิ่งเซียวโดดเข้าไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่69วางกับดักให้เฟิ่งเซียวโดดเข้าไป
คำพูดนี้ทำให้เฟิ่งเซียวตะลึงค้างไปทันทีเขามองไปยังจูนจิ่วอ้าปากแล้วก็หุบไปเขาไม่รู้จะพูดอะไรไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร
เป็นจูนจิ่วมองเขาพลางเอ่ยปากขึ้น“ท่านเล่าเรื่องบิดามารดาข้าให้ฟังได้หรือไม่”
“บิดามารดาเจ้าหรือ?เอ่อเจ้าพูดถึงชายสามตระกูลจูนใช่ไหม?จูนชิงเซียวเขา...ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง!เป็นคนมีน้ำใจโอบอ้อมอารีเป็นคนดีคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่ดีคนหนึ่งเสียดายเพียงแต่จากไปเร็วเกินไป”เฟิ่งเซียวรีบสงบคำมองไปยังจูนจิ่วอย่างขออภัย
เขาไม่ควรเอ่ยถึงการตายของบิดาจูนจิ่ว
แต่สิ่งที่จูนจิ่วสนใจกลับไม่ใช่สิ่งนี้นางเอนพิงไปบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านหลังมือพยุงคางเอาไว้นั่งราวกับไม่ได้ทรงท่านั่งแต่กลับดูราวกับสบายยิ่งนักจูนจิ่วรู้สึกประหลาดใจนักว่าทำไมเฟิ่งเซียวต้องอ้อมแอ้มอยู่ถึงจะกล่าวเรื่องบิดามารดาของนางได้?
ราวกับเหมือนคิดไปถึงคนที่ไม่ได้สำคัญอะไรเท่าใดต้องรำลึกอยู่นานกว่าจะเอ่ยปากได้
แววตาสงสัยแปลกประหลาดซ่อนไว้ในเบื้องลึกจูนจิ่วมองดูเฟิ่งเซียวอย่างเงียบๆพลางถามต่อไป“แล้วมารดาของข้าหล่ะ?”
“นางเป็นหญิงที่งดงามยิ่งนัก!อ่อนโยนทั้งสดใสทั้งฉลาดทั้งเจ้าเล่ห์หลอกให้บิดาเจ้ามาหลงกลให้ใจทั้งดวงอยู่ที่นางคนเดียวเสี่ยวจิ่วเจ้าเหมือนนางนักทั้งสวยทั้งฉลาด”
เมื่อเอ่ยถึงมารดาของจูนจิ่วเฟิ่งเซียวกลับพูดมากขึ้นทันทีเผยให้เห็นช่องโหว่บางอย่างแต่เขากลับไม่รู้ตัว
เขากล่าวต่อไปนัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“มารดาเจ้าคือคนที่ดีที่สุดที่ข้าเคยพบเจอตอนแรกอยากให้นางเป็นพระสุณิสาของข้านักเสียดายที่นางตกหลุมรักบิดาเจ้าแต่บิดาเจ้าก็ดียิ่ง!เพื่อนางสามารถทิ้งชีวิตตัวเองได้พวกเขาสองสามีภรรยามีความรำอักลึกซึ้งแก่กันทำให้ข้าอิจฉายิ่งนัก”
จูนจิ่วมองดูเฟิ่งเซียวหลงเข้าไปในความทรงจำอยู่ๆขาของนางก็หนักขึ้นเป็นเสี่ยวอู่กระโดดขึ้นมา
เอนหัวจ้องไปยังเฟิ่งเซียวแล้วหันมองนางอุ้งเท้าหน้าของเสี่ยวอู่วางอยู่บนไหล่ของจูนจิ่วเรียกเมี้ยวเมี้ยวเบาๆ“นายท่านข้ามีคำถาม!ท่านเคยบอกข้าว่าบิดาท่านไม่เคยแต่งงานมิใช่หรือ?”
“ก็ใช่หน่ะสิเพราะอย่างนั้นเขาได้ให้เบาะแสสำคัญเรามาแล้ว”จูนจิ่วแย้มยิ้มด้วยแววตาชั่วร้าย
เมื่อเฟิ่งเซียวออกมาจากภวังค์ความทรงจำของตัวเองก็เห็นรอยยิ้มของจูนจิ่วเข้าเขาชะงักงันไปพลางลูบเคราที่ขาวดั่งหิมะ“เป็นอะไรไปหรือ?”
“คุณชายสามตระกูลจูนจูนชิงเซียวไม่มีภรรยา”
จูนจิ่วหัวเราะพลางมองไปยังเฟิ่งเซียวนางเห็นเฟิ่งเซียวนิ่งอึ้งไปมือยังลูบเคราไปอย่างไม่รู้จะทำอะไรดูแล้วเขาเหมือนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเพียงเอ่ยปากก็บอกเบาะแสสำคัญมากแล้ว
นี่ก็ไม่อาจโทษว่าเป็นความผิดของเฟิ่งเซียว
ในสายตาของเขาแล้วจูนจิ่วน่าจะอายุราวสิบสี่ปีเด็กหญิงอายุเท่านี้ยังเป็นเด็กหญิงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
แม้เข้าจะเห็นอีกด้านอันเหี้ยมโหดของจูนจิ่วในจวรตระกูลจูนมาแล้วก็ยังเห็นจูนจิ่วเป็นเด็กนั่นเองควรจะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเขา!เขาวางตำแหน่งตัวเองผิดไปจึงเปิดเผยเร็วเกินไป
ในร่างกายนี้เป็นวิญญาณของผู้บรรลุนิติภาวะแล้วยิ่งไปกว่าเมื่อจูนจิ่วในอนาคตอายุเพียงนี้ก็สามารถทำให้คนไม่น้อยเกรงกลัวและปวดหัวได้และยังมีชื่อเป็นหมอเทวดาจูนจิ่วอีกด้วย!
เมื่อเห็นเฟิ่งเซียวไม่กล่าวอะไรจูนจิ่วหัวเราะออกมาอย่างไม่แยแสสนใจนางเอ่ยขึ้น“เมื่อข้าไปที่ตระกูลจูนให้รู้สึกแปละประหลาดในความทรงจำของข้าก็แทบจะไม่มีใครเอ่ยถึงบิดามารดาข้ามีคนพูดและต่อว่าข้าเป็นกาลกินีทำให้เขาสองคนต้องตาย”
“เสี่ยวจิ่ว”เฟิ่งเซียวปวดใจยิ่งนัก
จูนจิ่วไม่หยุดนางกล่าวต่อไป“ในความทรงจำมีเพียงข้าเป็นบุตรสาวของคุณชายสามตระกูลจูนจูนชิงเซียวแต่น่าแปลกนักข้าเกิดในเดือนเก้าแต่คุณชายสามตายไปตั้งแต่ต้นปีเดือนห้าห่างกันถึงหนึ่งปีสี่เดือนคุณชายสามที่ตายไปแล้วจะทำให้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์ถึงสิบเดือนแล้วคลอดออกมาเป็นข้าได้อย่างไร?”
จูนจิ่วไม่ได้ตอบและไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้นางเพียงแต่จ้องมองเฟิ่งเซียวอย่างสงบนิ่ง
เฟิ่งเซียวมองไปที่นางลอบถอนหายใจพลางอธิบาย“บิดามารดาเจ้าก่อเรื่องกับศัตรูผู้แข็งแกร่งพวกเขากลัวตายศัตรูพวกนั้นตามหาเจ้าจะแก้แค้นกับเจ้าพวกเขาจึงนำเจ้ามาฝากไว้กับข้าแล้วกุเรื่องให้เจ้าเป็นเป็นลูกสาวของจูนชิงเซียวแบบนี้เจ้าก็สามารถเติบโตอย่างปลอดภัย”
“แต่ข้าในตอนนี้มีเรื่องสำคัญให้ต้องจากไปไม่อย่างนั้นข้าต้องพาเจ้าไปด้วยแน่ข้าจะดูแลเจ้าด้วยตัวข้าเองจนเจ้าเติบใหญ่!จูนสงเทียนสมควรตายพวกมันกล้าหลอกข้า!พวกมันสาบานจะเลี้ยงดูสั่งสอนเจ้าอย่างดีสุดท้ายแล้วกลับทำเรื่องโหดเหี้ยมไม่น่าอภัยสมควรตาย!”
เฟิ่งเซียวหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ“ข้าคาดคิดว่าเจ้าคงอยากจะเติบโตท่ามกลางคนในครอบครัวตอนนี้ดูไปแล้วเป็นข้าเองที่ทำผิดเสี่ยวจิ่วเจ้าให้ข้าทดแทนให้เจ้าได้หรือไม่?เจ้าอยากให้ข้าพระอัยกาเจ้าทำอะไรก็ได้!”
เสี่ยวอู่เห็นผู้เฒ่ากล่าวโทษตัวเองผมขาวสีดอกเลาเอวที่งุ้มลงเล็กน้อยให้ใจแมวเวทนานัก!
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเฟิ่งเซียวพูดอะไรเพราะในสายตามันนางท่านของมันสำคัญที่สุดต้องรับฟังการตัดสินใจของนางเท่านั้น
จูนจิ่วเอ่ยปากในที่สุดนางยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว“นี่คือความต้องการก่อนตายของท่านหรือ?”
ราวกับโดนอสุนีบาตฟาดเฟิ่งเซียวก้าวถอยหลังทิ้งระยะห่างออกไป
เขาเบิกตาโพลงราวกับเห็นวิญญาณอยู่ตรงหน้าเฟิ่งเซียวตกตะลึงค้าง“เสี่ยวจิ่วเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”
“ในตอนแรกท่านไม่ได้พาข้าไปด้วยเนื่องเพราะในร่างมีพิษจะมีชีวิตอีกไม่นานแล้วท่านไม่อาจไม่ไปหาวิธีรักษาชีวิตดังนั้นจึงฝากข้าไว้ที่ตระกูลจูนอยู่ๆตอนนี้ท่านกลับมาแล้วเป็นเพราะท่านใกล้จะสิ้นชีพแล้วท่านอยากพบหน้าข้าอีกครั้งแต่กลับคิดไม่ถึงว่าข้าจะมีชีวิตยากลำบากขนาดนี้ก็เลยอยากทดแทนให้ข้า”
จูนจิ่วขยับร่างเล็กน้อยเปลี่ยนเป็นท่านั่งแบบสบายๆกลับยิ่งทำให้เฟิ่งเซียวจดจ้องเขม็งที่แท้เขากดจุดให้นางขยับกายไม่ได้แต่กลับคลายได้เร็วถึงปานนี้?รอยยิ้มแย้มขึ้นจูนจิ่วแย้มหัวเราะพลางมองไปทางเขา“ข้าพูดถูกใช่หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...