บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 71

สรุปบท บทที่71เจ้าอยากแต่งงานกับจูนจิ่ว: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

สรุปเนื้อหา บทที่71เจ้าอยากแต่งงานกับจูนจิ่ว – บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ โดย ต้าวเมียวเมียว

บท บทที่71เจ้าอยากแต่งงานกับจูนจิ่ว ของ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่71เจ้าอยากแต่งงานกับจูนจิ่ว

เป็นค่ำคืนที่ดาวเต็มท้องฟ้า

เสี่ยวอู่หมอบอยู่บนที่นอนนุ่มหางคลอเคลียที่ต้นขาของจูนจิ่วมันเอียงหัวมองดูจูนจิ่วฝึกฝนวิทยายุทธ

ในสายตาของมันปราณที่ทรงพลังหมุนหนึ่งรอบในร่างของจูนจิ่วก็จะแบ่งส่วนหนึ่งมาที่ตัวมันรู้สึกอบอุ่นราวกับได้ไออุ่นจากแสงแดดสบายตัวมากเลยสบายจนมีเสียงร้องไม่หยุด

หลังจากที่หมุนลมปราณวิชาปิงซินจูนจิ่วขมวดคิ้วและลืมตาขึ้นนางมองเห็นเสี่ยวอู่พร้อมใช้มือลูบไปทีเสี่ยวอู่รีบนอนราบหงายท้องร้องเสียงอ่อนนุ่มเหมียวๆ

“เสี่ยวอู่เจ้ารู้สึก”อย่างไร?”จูนจิ่วถาม

เสี่ยวอู่เอียงหัวอย่างงงงวยเจ้าแมวแววตากลมๆร้อง“เหมียว?”

“ข้าถามเจ้าปราณที่เจ้าได้จากตัวข้ารู้สึกอย่างไร?มีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม?”

“เหมียวเหมือนกับครั้งก่อนเลยเจ้านายเหมียวมีอะไรผิดปกติหรือ?”

จูนจิ่วแค่ขมวดคิ้วลูบที่เสี่ยวอู่แล้วไม่ได้พูดอะไรเสี่ยวอู่เหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่างรีบนั่งดีๆมองไปที่จูนจิ่วอย่างใจจดใจจ่อรอคำตอบจากจูนจิ่วเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วจูนจิ่วบอกกับเสี่ยวอู่ได้เพียงพบปัญหาติดขัดตอนที่ฝึกฝน

ตอนที่เพิ่งฝึกฝนบรรลุถึงจิตชั้นสองอย่างราบรื่นแต่ตอนนี้จูนจิ่วพบว่าไม่ว่านางจะฝึกฝนยังไงแค่เพียงรู้สึกว่าพลังจิตในตันเถียนมีความบริสุทธิ์และเข้มข้นมากขึ้นไม่มีความรู้สึกว่ามีการเพิ่มระดับแต่อย่างใดปัญหาที่ว่าทำให้จูนจิ่วชงัก?

เสี่ยวอู่ไม่ใช่คนก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องไม่เข้าใจ

ทว่ามันนึกถึงคนคนหนึ่งเสี่ยวอู่ร้องเหมียวๆสองครั้งหันหัวแล้วพุ่งออกนอกบ้านไปจูนจิ่วมองอย่างไม่เข้าใจ“เสี่ยวอู่?”

ไม่นานบนหลังคาก็เกิดความโกลาหลวุ่นวายเฟิ่งเซียวที่อยู่ด้านข้างไม่แม้แต่จะลืมตาเลยดึงผ้าห่มคลุมหัวแล้วหลับต่อเลยตอนแรกก็นึกว่าเป็นนักฆ่าหรือขโมยเสียอีกพอรู้ว่าเป็นเสี่ยวอู่เองที่กำลังไล่เหลิ่งยวน

ตอนนั้นเขากำลังลูบหนวดเครามึนงงไม่เข้าใจจะจองเวรจองกรรมอะไรนักหนา?

เหลิ่งยวน:เขาถูกพาลโทสะใส่เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่อยากพูดอะไรอัดอั้นตันใจจนอยากร้องไห้

จูนจิ่วได้แต่มองดูเหลิ่งยวนที่ถูกเสี่ยวอู่ไล่ตะเพิดลงจากหลังคาจากนั้นไล่บังคับนางจนถึงภายในห้องเหลิ่งยวนจนปัญญาและกัดฟันด้วยความแค้นเสี่ยวอู่ได้ทีอวดเก่งอย่างยืดอกเชิดหน้าพร้อมร้องเหมียวๆสองครั้ง

เสี่ยวอู่พูด:“เหมียวอะไรเจ้านายไม่เข้าใจถามเขาได้นะ”

ใช่แล้ว

จูนจิ่วตาเป็นประกายทันทีเหลิ่งยวนก็เป็นนักจิตเช่นกันถามเขาได้สบายสำหรับเสด็จปู่ที่แค่ฝันก็อยากเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของจูนจิ่วถูกหลงลืมไปแล้วล่ะ

เห็นจูนจิ่วกำลังเดินมาทางเขาเหลิ่งยวนรู้สึกโกรธแต่พอคิดได้ว่าตนเองนอกจากจะทำตามบัญชาและรักษาความปลอดภัยแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรทว่าจึงตอบอย่างระมัดระวัง“แม่นางจูนมีเรื่องอะไรหรือ?”

“มีเรื่องเจ้านั่งสิ”

“แค่กแม่นางจูนเจ้ามีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะข้าไม่นั่งล่ะ”เหลิ่งยวนไอแห้งๆไปหนึ่งทีดึกๆดื่นๆแบบนี้เข้ามาในห้องของจูนจิ่วไม่ดีนักถ้าหากเจ้านายรู้เข้าล่ะก็เขาจะต้องแย่แน่คิดไปเหลิ่งยวนก็เดินเว้นระยะห่างอย่างเงียบๆ

จูนจิ่วเห็นเขาไม่ถามเหตุผลนางจึงเปิดปากถามไปตรงๆ:“ตอนที่ข้าฝึกฝนได้พบปัญหาติดขัดถ้าหากเป็นเจ้าเจ้าจะทำอย่างไร?”

“ปัญหาติดขัด?อันนี้ต้องพึ่งจิตรู้แจ้งแต่ว่าแม่นางจูนเจ้ามีพรสวรรค์ที่ดีมากไม่ควรจะติดอยู่ที่ขั้นนี้ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าอาจจะต้องการอาจารย์ที่คอยชี้แนะโดยทั่วไปการเป็นนักจิตในช่วงแรกๆล้วนต้องการอาจารย์ทั้งนั้น”

“มีเหตุผลงั้นเจ้าก็สอนข้าสิ”จูนจิ่วมองจ้องที่เหลิ่งยวน

เห็นเฟิ่งเทียนฉี่ไท่โกรธและพอใจฮ่องเต้ทำเสียงฮื้ม“เจ้าเป็นถึงองค์ชายราชทายาทแต่ดินแดนนี้ไม่ได้เป็นของเจ้าขอแค่เสด็จปู่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หนึ่งวันคำพูดของเขาถือสิทธิเด็ดขาดในแคว้นเทียนโจ้งแทนที่จะไม่พอใจสู้คิดหาวิธีเอาใจเสด็จปู่ของเจ้าจะดีกว่า”

“การที่ข้าแต่งงานกับจูนจิ่วถึงจะสามารถเอาใจเสด็จปู่การแต่งงานกับจูนหยูนเสวี่ยจะยิ่งทำให้เสด็จปู่รังเกียจข้า”

“เจ้าอยากแต่งงานกับจูนจิ่ว?”สีหน้าของฮ่องเต้เหมือนกับเห็นผี

“เขาในฐานะฮ่องเต้แน่นอนว่าต้องรู้พฤติกรรมของจูนจิ่วในจวนจูนและยังรู้ว่าเฟิ่งเทียนฉี่ถูกหัวเราะเยาะหนักมากและตอนนี้แพร่กระจายไปทั่วแคว้นเทียนโจ้งซึ่งไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าเฟิ่งเทียนฉี่“ไม่เอาไหน”ทั้งยังถูกว่ารูปไม่งาม

มาถึงขนานนี้แล้วคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งเทียนฉี่ยังไม่ตายใจอีกอยากแต่งงานกับจูนจิ่ว?

ในสายตาของเฟิ่งเทียนฉี่ฉายแววความทะเยอทะยานเขามองไปที่ฮ่องเต้และพูดว่า“เสด็จพ่อหรือว่าท่านไม่อยากให้เสด็จปู่อยู่ต่อคอยคุ้มกันแคว้นเทียนโจ้งของเราหรือ?ขอเพียงแต่ให้ข้าแต่งงานกับจูนจิ่วเสด็จปู่ก็จะอยู่ต่อแคว้นเทียนโจ้งของเราจะยิ่งน่าเกรงกลัวมากขึ้น”ประเทศอื่นยิ่งไม่กล้าคิดบุกรุก

“เจ้าจะแต่งงานกับจูนจิ่วอย่างไร”

“เสด็จพ่อผู้หญิงยังไงแล้วก็ช่วยเหลือสามีสั่งสอนบุตรตอนนี้นางยังแกร่งกร้าวแค่รอวันที่เป็นคนของข้าก่อนก็จะฟังคำสั่งของลูกเองล่ะ?”เฟิ่งเทียนฉี่กระตุกยิ้มที่มุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย

ฟังน้ำเสียงของเฟิ่งเทียนฉี่ฮ่องเต้ถึงขั้นสะดุ้งตกใจเฟิ่งเทียนฉี่คิดจะทำ

เฟิ่งเทียนฉี่พูดอีกว่า“เสด็จพ่อข้ารู้ดีว่าตอนนี้ยังพบจูนจิ่วไม่ได้ดังนั้นข้าอยากขอให้เสด็จพ่อส่งจดหมายไปให้เสด็จปู่บอกว่าสำนักเทียนโจ้งกำลังเปิดรับสมัครนักนักเรียนจูนจิ่วนักกลั่นยาควรจะเข้าเรียนที่สำนักเทียนโจ้งพอถึงเวลานั้นเสด็จปู่ไม่อยู่ข้างกายจูนจิ่วข้าก็มีโอกาสแล้ว”

ฮ่องเต้ตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออกอยากจะต่อว่าเฟิ่งเทียนฉี่แต่ก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาด่าดีแต่ขณะเดียวกันเขาก็ถูกคำพูดของเฟิ่งเทียนฉี่ทำให้ใจอ่อน

นักจิตระดับเจ็ดคนหนึ่งระหว่างการอยู่ที่แคว้นเทียนโจ้งกับออกไปเที่ยวโลกกว้างอิทธิพลที่มีต่อเขตแดนภายนอกต่างกันโดยสิ้นเชิงฮ่องเต้ทราบดีอยู่แล้วมีเพียงจูนจิ่วเท่านั้นที่จะสามารถให้ไท่ซ่างฮ่องอยู่ต่อได้

เมื่อเห็นฮ่องเต้ใจอ่อนเฟิ่งเทียนฉี่ยิ้มกว้างมากขึ้นจูนจิ่วเขาจะต้องได้นางมาครอบครองให้ได้เฟิ่งเทียนฉี่คิดเตลิดไปไกลจูนจิ่วเป็นฮองเฮาของเขาส่วนจูนหยูนเสวี่ยเป็นพระสนมเอกหนึ่งคนคือฮองเฮาอีกคนคือหญิงงามเขาจะเอาทั้งหมด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ