บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 72

บทที่72ข้าวางแผนจะไปที่เทียนโจ้ง

ในวันที่เช้าตรู่ฟ้าเริ่มสางจูนจิ่วตื่นขึ้นมากลั่นยาวันนี้เป็นวันที่ต้องนางส่งมอบยาชุดที่Nให้กับหยูนจ้งจิ่นซึ่งหยูนจ้งจิ่นกับหยูนเฉียวจะมาเอาในช่วงบ่าย

ยาที่นางเอาไปประมูลขายนั้นล้วนเป็นยาแบบง่ายๆแต่สำหรับคนประเทศเทียนจ้งแล้วกลับเป็นของชั้นเลิศที่ยากจะพานพบแค่เพียงเปิดการขายคนก็กระหน่ำกันมา

ดูภายนอกหยูนจ้งจิ่นก็เป็นพวกปัญญาชนมีการศึกษาแต่ในความเป็นจริงเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้ากลเขาควบคุมปริมาณยาอย่างเคร่งครัดจงใจจำกัดการขายมากสุดขายยาครั้งละห้าเม็ดทำให้ยาของจูนจิ่วต่อให้มีเงินทองก็หาซื้อยากตอนนี้ยาที่กลั่นโดยจูนจิ่วสามารถขายต่อไปอีกสามปีทีเดียว

รอกลั่นยาเสร็จสิ้นก็เที่ยงแล้ว

จูนจิ่วหยิบยาน้ำมาหนึ่งขวดแล้วออกไปข้างนอกเลยเอายาน้ำมาวางไว้ตรงหน้าเฟิ่งเซียวเฟิ่งเซียว

มองไปที่ยาน้ำผิวหน้าสั่นเทาไท่ซ่างฮ่องที่ฆ่าศัตรูมานับหมื่นนับพันอย่างดุดันโหดร้ายในเวลานี้นัยน์ตากลับกลับฉายแววความหวาดกลัวให้เห็น

เขาพูดว่า“เสี่ยวจิ่วข้ารู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมากแล้ววันนี้ไม่ดื่มได้ไหม?”

“ไม่ได้”

จูนจิ่วนั่งอยู่ตรงข้ามเฟิ่งเซียวนิ้วมือที่ขาวผ่องสวยงามเคาะเบาๆบนโต๊ะอย่างเป็นจังหวะนางมองดูที่เฟิ่งเซียวด้วยท่าทีแบบนี้มองจนเฟิ่งเซียวรู้สึกใจหวิวๆสุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงกัดฟันดื่มยาน้ำจนหมด

เมื่อเห็นเฟิ่งเซียวดื่มจนหมดพร้อมกับสีหน้าที่ดูพะอืดพะอมจูนจิ่วกระตุกยิ้มน้อยที่มุมปาก“วันนี้ทำได้ดีนอนพักผ่อนอีกหนึ่งชั่วยามแล้วไปแช่ยาสมุนไพรกัน”

“ดี”เฟิ่งเซียวมีอาการกะปลกกะเปลี้ย

ตั้งแต่ที่ยอมรับการรักษาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วเจ็ดวันเฟิ่งเซียวทำตามที่จูนจิ่วจัดเตรียมอย่างไม่เคยคิดสงสัยยกเว้นยาน้ำที่ต้องดื่มทุกวันซึ่งมันขมจนเฟิ่งเซียวยอมดื่มยาพิษเสียดีกว่าอีกทั้งพอดื่มเสร็จกินข้าวไม่ลงจริงๆได้แต่กินโจ๊กแก้หิวไปก่อน

เฟิ่งเซียวเพิ่งจะเข้าใจในเวลานี้ว่าเหตุผลที่ทำไมคนมากมายถึงกลัวการเป็นนักกลั่นยานักหนานั่นก็เพราะการกินยามันทุกข์ทรมานจริงๆเขาเป็นทหารมาทั้งชีวิตบาดเจ็บเลือดไหลไม่เคยกลัวตอนนี้กลับต้องคุกเข่าให้ยาน้ำนี้ระทมทุกข์ยิ่งนัก

ตามด้วยการดื่มน้ำไปหนึ่งเหยือกถึงจะพอกลบกลิ่นได้บ้างเฟิ่งเซียวเอาซองจดหมายที่อยู่ในมือให้กับจูนจิ่ว“เสี่ยวจิ่วเจ้าดูนี่สิ”

“นี่คืออะไร?”

“จดหมายแนะนำถึงสำนักเทียนโจ้งเสด็จปู่เขียนให้เจ้าเองเจ้าเป็นนักกลั่นยาและยังเป็นนักจิตชั้นสองควรจะไปเรียนที่สำนักเทียนโจ้งที่นั่นมีคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้ามากมายเจ้าก็ควรคบหาเพื่อนฝูงบ้าง”เฟิ่งเซียวพูด

เขาถอนหายใจถ้าไม่ใช่เป็นเพราะลูกชายของฮ่องเต้ที่ส่งสารมาล่ะก็เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย

แล้วมองไปที่จูนจิ่วยิ้มอย่างมีเมตตา“เสี่ยวจิ่วเจ้าไปเรียนดีๆเสด็จปู่จะไปกับเจ้าด้วย”

“ท่านไปด้วย?”

เฟิ่งเซียวพยักหน้า“ใช่น่ะสิเสด็จปู่ไม่วางใจเจ้าเสี่ยวจิ่วเจ้าดูตัวเจ้าสิงดงามขนาดไหนหากมีผู้ชายหน้าไหนคิดไม่ซื่อกับเจ้าจะทำอย่างไร?เสด็จปู่จะได้ช่วยเจ้าตรวจเช็คดูก่อนถึงยังไงซะพวกผู้เฒ่าที่สำนักเทียนโจ้งก็ร้องขอให้เสด็จปู่ไปเป็นอาจารย์ที่นั่นมาโดยตลอด”

มองดูเฟิ่งเซียวที่แสดงท่าทีภาคภูมิใจผู้เฒ่าที่สำนักเทียนโจ้งที่เขาพูดถึงดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาทแล้วกลับมาดูที่จดหมายในมือจูนจิ่งเกิดความลังเลแค่ง่วงก็มีคนส่งหมอนมาให้มันบังเอิญไปหรือเปล่า?

จูนจิ่วเก็บจดหมายลุกขึ้นแล้วพูดว่า“ก็ดีไปด้วยกันข้าจะได้คุมท่านกินยาด้วย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งเซียวหยุดชงักทันทีมือกำลังสั่นดื่มดื่มยางั้นหรือ?

ความภาคภูมิใจในใจไม่หลงเหลือแล้วเฟิ่งเซียวไปแช่ยาอย่างทอดถอนใจก็อีแค่ดื่มยาไม่ใช่หรือ?เขายอมให้จูนจิ่วรักษาเขายานี้ดื่มก็ดื่มเถอะกระดกคำเดียวก็หมดแล้วง่ายๆสบายๆ

รอเฟิ่งเซียวแช่ยาเสร็จแล้วออกมาจมูกเขาได้กลิ่นหอมที่ชวนให้หลงใหล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ