บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 85

สรุปบท บทที่85ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าที่ได้เป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้ง: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ

ตอน บทที่85ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าที่ได้เป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้ง จาก บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่85ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าที่ได้เป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ ที่เขียนโดย ต้าวเมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่85ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าที่ได้เป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้ง

ไม่ว่ากู่ซงจะพูดยังไงหยูนเฉียวและเสี่ยวอู่ก็ยังจ้องมองเขาอยู่ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้จูนจิ่วแม้แต่ครึ่งก้าว

จูนเสี่ยวเหล่ยถลึงตาใส่กำหมัดแน่นและพูดว่า“พี่สาวเก้าพี่อย่าได้ไปสนใจเขาเด็ดขาดนะแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนไม่ดี”

“เหมียวเหมียว”

“ใช่ๆ”เสี่ยวอู่และหยูนเฉียวพูดพร้อมกันเห็นด้วยกับคำพูดของจูนเสี่ยวเหล่ย

จูนจิ่วไม่พูดออกเสียงลูบที่คางมองไปที่พวกเขาแล้วมองไปที่กู่ซงที่อยู่ตรงข้ามทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ในปากคาบใบหญ้าไว้เมื่อเห็นนางมองมากู่ซงรีบยิ้มแป้นจนเห็นฟันส่งยิ้มให้พร้อมกับโบกมือให้นาง

หยูนเฉียวแยกเขี้ยวยิงฟัน“ข้าจะให้พี่ชายลองตรวจสอบดูสืบค้นยันต้นตระกูลเขาเลยดูสิว่าเขาเป็นใครกันแน่”

“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”จูนจิ่วพูดเสียงเรียบๆ

นางเก็บสายตาที่มองไปกลับมาและให้ความสนใจกับบัตรเทียนโจ้งที่พึ่งได้มาเมื่อครู่จูนจิ่วกล่าว“นี่เป็นเพียงการซื้อขายครั้งเดียวเขาต้องการยาส่วนข้าต้องการบัตรเทียนโจ้งนับแต่นี้ไปจะไม่มีการติดต่ออื่นใดอีก”

“เหมียวเหมียว”แต่ข้ากลับรู้สึกว่าเขาจะหน้าด้านหน้าทนพัวพันไม่จบสิ้นน่ะสิเสี่ยวอู่พูด

เหมือนกับโม่อู๋เยว่หรือ?

ในใจกลับมีความคิดนี้ผุดขึ้นมาจูนจิ่วรีบเอามือกดทับที่กระดิ่งแล้วมองต่ำเธอโต้แย้งทันทีกู่ซงกับโม่อู๋เยว่ไม่เหมือนกันสายตาของชายหนุ่มสุกสกาวสดใสไร้มลทินใดๆการหยอกล้อเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การล้อเล่นเท่านั้น

มาตามคำล่ำลือเพียงต้องการขอยา?หรือต้องการทำอะไรจูนจิ่วคิดหาคำตอบไม่ได้ไม่คิดดีกว่าเธอเงยหน้ามองไปที่คนสองคนกับแมวหนึ่งตัวยิ้มหยันว่า“ถ้าเขายังกล้ามาหยอกล้อข้าอีกนะข้าจะทำให้เขาคุกเข่าร้องไห้เรียกข้าว่าปะป๊าเลยคอยดู”

นายท่านดูมีอำนาจและเท่ห์มากเลยอะเสี่ยวอู่พูด

หยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยมึนงง??คุกเข่าร้องไห้แล้วให้เรียกปะป๊า?ปะป๊าเป็นคำเรียกอะไร?

กู่ซงเป็นเพียงแค่ตัวละครแทรกเข้ามาครู่เดียวบนยอดเขาเป่ยโจ้งฉากสำคัญได้เกิดขึ้นแล้วตามกำหนดเวลาที่ลดลงเลยๆคนที่ไม่มีบัตรเทียนโจ้งอดทนรอไม่ไหวแล้วจำเป็นต้องรีบลงมือเพียงครู่เดียวยอดเขาเป่ยโจ้งได้กลายเป็นสนามรบที่กลโหลวุ่นวายภาพที่เห็นมีเพียงการต่อสู้ฆ่าฟันกัน

พวกเขาต่อสู้กันโดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะมีบัตรเทียนโจ้งหรือไม่ต่อสู้กันอย่างรีบร้อนใจร้อนอยากได้บัตรเทียนโจ้งเร็วๆ

จูนจิ่วและพวกนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ชมละครชุดใหญ่กันคนที่เดินเข้ามาหาเรื่องพวกเขาไม่มีใครที่ต้องขยับตัวเลยเพราะจูนจิ่วได้โปรยผงยาไว้รอบๆก้อนหินใหญ่มาหนึ่งคนล้มหนึ่งคนมาสองคนล้มสองคนตูบตูบตูบ……จนข้างล่างมีคนนอนกองกันเต็มไปหมดจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเห่าใส่หัวอีก

มองไปตรงข้ามกู่ซงยืนอยู่บนกิ่งต้นไม้สบายๆชิลเมมือนกับพวกเขาเลย

เวลาผ่านไปเลยๆ

ช่วงเวลาพลบค่ำเหอจงรองผู้อำนวยการสำนักเทียนโจ้งพร้อมคณะลูกศิษย์ขึ้นยอดเขาพวกเขาขึ้นมาโดยการเหยียบยอดกิ่งต้นไม้ศิษย์สำนักเทียนโจ้งสวมชุดสีเขียวอ่อนแบบพลิ้วไหวมองจากที่ไกลๆดูสวยมากๆเลย

เมื่อเหอจงมาถึงเห็นจูนจิ่วสายตาแน่นเกร็งขึ้นมาทันที

กำหมัดแน่นฉายแววอาฆาตทำไมจูนจิ่วยังมีชีวิตอยู่?

พลันเห็นบนยอดเขาเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่ต่อสู้กันอยู่เหอจงหน้าดำคร่ำเครียดพร้อมสะบัดแขนเสื้ออย่างโมโหลูกศิษย์ที่ติดตามมาด้วยรีบไปห้ามปรามแยกพวกเขาออกจากกันหลังจากที่ความวุ่นวายเงียบสงบลงสายตาของเหอจงยังคงจ้องมองไปที่จูนจิ่วอย่างเคียดแค้น

พลังจิตเข้ามาในเสียงเหอจงพูดเสียงดังลั่นราวกับเสียงฟ้าคามรามเขาพูดว่า“คนที่มีบัตรเทียนโจ้งเดินมาข้างหน้า”

จูนจิ่วรับรู้การมองคาดการณ์ของหรูมั่นดีแต่นางยังคงอุ้มเสี่ยวอู่อย่างนิ่งสงบและเดินตามไปอย่างเงียบๆ

หลังจากที่ลงจากยอดเขาเป่ยโจ้งต่อด้วยการก้าวเท้าข้ามประตูสำนักเทียนโจ้งหรูมั่นพูดอย่างอมยิ้ม“หากพวกเจ้าข้ามประตูนี้ไปแล้วนับแต่นี้เป็นต้นไปพวกเจ้าถือเป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้งอย่างสมบูรณ์ข้าในนามตัวแทนสำนักเทียนโจ้งขอยินดีต้อนรับพวกเจ้าด้วย”

หรูมั่นคิดว่าหนุ่มๆสาวๆน่าจะต้องตื่นเต้นดีใจมากเสียอีกแต่ทว่านอกจากคนที่หน้าตาดูอิดโรยคนนั้นที่แสดงความตื่นเต้นแล้ว

คนอื่นๆไม่ก็เย็นชาเหมือนจูนจิ่วไม่ก็ดูขี้เล่นเหมือนกู่ซงแล้วยังมีหยูนเฉียวกับจูนเสี่ยวเหล่ยที่เดินแนบข้างซ้ายขวาของจูนจิ่วเหมือนว่าต้องการให้กู่ซงอยู่ห่างๆจูนจิ่วไว้อย่าแม้แต่จะคิดล้ำเส้นเด็ดขาดช่างเป็นการรวมกลุ่มที่พิสดารจริงๆ

หรูมั่นตะลึงไปหน่อยๆยิ้มแห้งที่มุมปาก“ข้าพาพวกเจ้าไปที่พักก่อนดีกว่า”

“ดีดีศิษย์พี่หรูมั่นเร็วๆหน่อยนะ”หยูนเฉียวกำลังเร่งพอถึงที่พักจะได้อยู่ห่างเจ้าบ้ากามนี้เสียที

สำนักเทียนโจ้งมีพื้นที่กว้างขวางยอมทุ้มทุนสร้างอาคารคนใหม่แยกกันอยู่คนละหลังแต่ละหลังมีสภาพแวดล้อมที่ดีแต่ว่ามีแบ่งที่พักชายหญิงยามวิกาลไม่อนุญาตให้เที่ยวหากันแต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหยูนเฉียวเลย

ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับขอบฟ้าหยูนเฉียวพกเหล้าชั้นดีหลบหลีกผู้คนแล้วแอบเข้ามา

หยูนเฉียวพูด“แม่นางจูนพี่ชายข้าเตรียมเหล้าชั้นดีมาให้ล่วงหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับพวกเราที่ได้เข้าเป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้งเหล้าดอกท้อหมักร้อยปีมีเงินก็ซื้อไม่ได้นะเพราะอันนี้เป็นสมบัติเฉพาะของตระกูลหยูนเราแม่นางจูนลองชิมดู”

“จูนเสี่ยวเหล่ยล่ะ?”

“เด็กสาวคนหนึ่งดื่มเหล้าทำไมกันพวกเราดื่มก็พอ”หยูนเฉียวดีอกดีใจจนต้องตบโต๊ะเขากลับลืมไปว่าร่างกายของจูนจิ่วเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีเองและเขาก็แค่อายุสิบหก

แต่ว่าวิญญาณของจูนจิ่วเป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วพอเปิดเหล้าหมักดอกท้อกลิ่นหอมที่ชวนให้คนหลงใหลใครมันจะไปสนเรื่องอายุเปิดฝาปุ๊บดื่มปั๊บเลยจนเหลิ่งยวนที่มองดูอย่างกังวล“เหล้าดื่มเยอะแล้วคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ?ถุยๆปากไม่เป็นมงคล”เหลิ่งยวนมองไปที่ในบ้านเสี่ยวอู่ดื่มเหล้าดอกท้อไปหนึ่งแก้วก็หลับไปเลยส่วนหยูนเฉียวกับจูนจิ่วยังคงดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าแบบไม่ยอมหยุดเขารู้สึกเป็นห่วง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ