แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 433

"หมอลั่วขอรับ ท่านเป็น......ผู้หญิงจริงหรือขอรับ?"

ในเวลานี้ ทหารที่อยู่ช่วยลั่วเสี่ยวปิงถามด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ

"ยังไง เจ้ามีความคิดต่อพระชายาของข้าหรือ?"

ยังไม่ทันรอลั่วเสี่ยวปิงตอบ เสียงที่เย็นชาก็แทรกเข้ามา

พระชายา?

ทหารคนนั้นรู้สึกทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว คุกเข่าลงทันที"ไม่ขอรับ......ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ"

จากนั้นทหารคนนั้นก็คุกเข่าให้ลั่วเสี่ยวปิง"ข้าน้อยทูลกราบอ๋องเซ่อเจิ้ง ทูลกราบพระชายาอ๋องเซ่อเจิ้งพ่ะย่ะค่ะ"

คำพูดของฉีเทียนเห้า ไม่เพียงแต่ทำให้ทหารหน้าแดงคนนั้นตกใจ แม้กระทั่งทหารที่อยู่ในนี้ล้วนตกใจไปหมด

หมอลั่วไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิง ยังเป็นพระชายาอ๋องเซ่อเจิ้งด้วย!

พระชายาอ๋องเซ่อเจิ้งทำงานของหมอทหารเพื่อพวกเขา ?

เวลานี้ ทหารทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก จากนั้นคุกเข่าไปทางฉีเทียนเห้าและลั่วเสี่ยวปิงพร้อมกัน"ทรงพระเจริญอ๋องเซ่อเจิ้ง พระชายาอ๋องเซ่อเจิ้ง พันปี พันพันปี"

ทุกคนล้วนกราบด้วยความจริงใจและเสียงดัง

การเคลื่อนไหวของฝั่งนี้ ดึงดูดทหารคนอื่นๆมา

หลังจากรู้ความจริง ทหารคนอื่นก็คิดจะคุกเข่า แต่ฉีเทียนเห้าพูดว่า"พอเถอะ ถอยลงไปเลย ยังนึกว่าพวกเจ้าเกะกะหรือ?"

เป็นน้ำเสียงที่รังเกียจมาก แถมยังบ่งบอกให้รู้ว่าห้ามปฏิเสธ

ดังนั้น ทหารเหล่านั้นมีแต่ต้องจากไป

ไม่ถึงสามวันก็ควบคุมอาการป๋วยของค่ายทหารได้แล้ว

แต่หลังจากควบคุมอาการป่วยแล้ว ก็ไม่ได้ปลดบล็อค เพราะตอนนี้ล็อคก็บอกแล้วว่าจะประลองยุทธ ตอนนี้หายดีแล้ว ก็ต้องฝึกฝนกัน

หลังจากยุ่งเรื่องค่ายทหารเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงและฉีเทียนเห้าก็ไปที่เมืองเยว่ด้วยกัน เพราะตอนนี้เมืองเยว่ยังมีผู้ป่วยอยู่

หลังจากรู้ว่าผักขมสามารถทำเป็นยาถอนพิษแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ส่งข่าวให้ซุนมู่หยางในเวลาแรก ซุนมู่หยางก็ได้ใช้ผักขมทำเป็นยาถอนพิษ แต่ไม่มีน้ำแร่วิญญาณ ประสิทธิภาพก็แย่ไปหน่อย ทหารเหล่านั้นยังพอว่า แต่จีซิงยี่ในฐานะที่เป็นแม่ทัพไม่สามารถนอนอยู่ตลอด

แต่เมื่อจีซิงยี่ได้เห็นฉีเทียนเห้า สีหน้าแย่มาก

"เรื่องครั้งนี้ถือว่าข้าติดบุญคุณของเจ้า แต่เจ้าอย่าฝันว่าเพราะเรื่องครั้งนี้ข้าก็จะรับใช้เจ้า"

เมื่อเผชิญกับฉีเทียนเห้า จีซิงยี่ไม่เกรงใจเลย ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับจีซิงยี่ที่มีความชอบธรรมในก่อนหน้านี้ที่ลั่วเสี่ยวปิงเห็น

จีซิงยี่ในตอนนี้ แม้อายุไม่มาก แต่เหมือนเป็นคนแก่ที่ดื้อมาก ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่พอใจยิ่งนัก

เพราะผู้ชายของตัวเองถูกคนอื่นทำจนหน้าแตกต่อหน้าตัวเอง ในฐานะที่เป็นผู้หญิงของฉีเทียนเห้า ถ้านางยังเงียบอีก งั้นก็ไม่คู่ควรที่จะอยู่ข้างของฉีเทียนเห้าแล้ว

ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะเดินหน้าขึ้นไป พูดว่า"ขออนุญาตถามแม่ทัพ การยืนกรานของแม่ทัพเป็นเพราะดื้อรั้นถือทิฐิดึงดัน หรือเป็นเพราะศีลธรรม เจ้านึกว่าสิ่งที่เจ้ายืนกรานนั้นเป็นถูกต้องใช่ไหม?ท่านเคยถามตัวเองไหมว่า สิ่งที่ตัวเองยืนกรานนั้นถูกหรือผิด?"

ตอนที่เห็นฉีเทียนเห้า จีซิงยี่ก็เห็นลั่วเสี่ยวปิง ได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดให้ฉีเทียนเห้า สีหน้าของจีซิงยี่ก็บึ้งตึง"เจ้าอย่านึกว่าเจ้าเป็นเพื่อนของจุนเอ๋อร์ มีบุญคุณต่อบ้านข้า เจ้าก็มีสิทธิ์มาสั่งการข้า"

จีซิงยี่ในขณะนี้เป็นเหมือนเม่น เห็นใครก็จะขึ้นไปแทง

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันรอให้ลั่วเสี่ยวปิงอ้าปาก ฉีเทียนเห้าก็เดินหน้าขึ้นไปกอดลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปในอ้อมอก"พระชายาของข้าไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับใครเลย คนของข้า จะสั่งการใครล้วนได้หมด ยังไงก็มีข้าสนับสนุนให้"

จีซิงยี่ได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปเลย

พระชายา?

มองไปทางลั่วรู้สึกตกใจ

หลังจากหายตกใจแล้ว สายตาของจีซิงยี่ก็มีความสงสัยพาดผ่าน

พระชายาอ๋องเซ่อเจิ้งบังเบิญได้ช่วยภรรยาของเขา เรื่องนี้มันบังเอิญไปหรือเปล่า?

"พระชายาของข้าใจดี ไม่อาจเห็นคนป่วยและทรมาน หากแม่ทัพจีใช้ความคิดของตัวเองตัดสินคนอื่น ก็ใจแคบไปหน่อย"ฉีเทียนเห้ารู้ความคิดของจีซิงยี่ เลยพูดด้วยเสียงเย็นชา

จากนั้นก็พูดต่อว่า"ส่วนแม่ทัพจีจะอยู่ฝ่ายเดียวกับข้าหรือเปล่านั้น แม่ทัพจีนึกว่าข้าจะสนหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง