ลู่จิ้นยวนหลีกเลี่ยงสายตาของเวินหนิงเล็กน้อย "เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่่องพวกนี้"
เวินหนิงเข้าใจทันที ว่าเธอเดาไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะตระกูลลู่กำลังกดดันลู่จิ้นยวนอยู่ ทันใดนั้นในใจเธอก็รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาหลายเท่า
“ ฉันเป็นคน ... แย่มากเลยใช่ไหมคะ”
ถ้าไม่ใช่เธอ แต่เป็นมู่เยียนหราน หรือหญิงสาวที่ตระกลูดีๆของบ้านไหน คิดว่าตระกูลลู่ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ ถึงได้ซักถามด้วยความโกรธขนาดนี้
“ อย่าคิดไปเรื่อยเปื่อยเลยครับ ผมจะแก้ไขปัญหาพวกนี้เอง”
ลู่จิ้นยวนลูบหัวของเวินหนิงเบาๆ ตอนนี้ที่สำคัญ คือต้องรีบหาทางลบล้างข้อกล่าวหาของเวินหนิงให้โดยเร็วที่สุด สิ่งที่เหลือ ยังสามารถค่อยๆคิดก็ได้ยังมีเวลาอีกเยอะ
เวินหนิงไม่ได้อารมณ์ร้อนขนาดนั้น ลู่จิ่นยวนจึงส่งเธอกลับบ้าน "พักผ่อนให้ดีๆนะครับ"
เวินหนิงยิ้มๆ ดูเหมือนว่าการที่มีหัวหน้างานเป็นเจ้านายก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ทำให้เธอสะดวกขึ้นมากในเรื่องการขอลางานและการหนีงาน
"ฉันกลับก่อนล่ะนะ" เวินหนิงลงจากรถโบกมือบ๊ายๆให้ลู่จิ้นยวน เฝ้าดูชายหนุ่มจากไป ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นไปบนตึกอย่างช้าๆ
แต่ว่า พึ่งจากถึงหน้าประตู กำลังจะเอากุญแจออกมา ก็มีเสียงที่เย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นในหู "ในที่สุดเธอก็กลับมาสักที เวินหนิง"
เย่หวานจิ้งยืนอยู่ที่หน้าประตูคอนโดที่เวินหนิงเช่าอยู่ด้วยใบหน้าเย็นชา ใบหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาเป็นอย่างดีดูเปล่งประกายอ่อนเยาว์ตามด้วยจุดประสงค์ที่มา
เมื่อเวินหนิงเห็นว่าเป็นนาง รู้สึกตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าบวกกับเสียงที่ได้ยินของนางเมื่อกี้ เธอก็เข้าใจทันทีว่าเป็นการมาที่ไม่เจตนาดี แต่ไม่ว่าจะยังไงนางก็เป็นแม่ของลู่จิ้นยวน ดังนั้นเธอจึงทักทายนาง แล้วทำเป็นอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ สวัสดีค่ะ ท่านป้า”
เป็นเพียงคำทักทายสั่นๆไม่กี่คำ แต่กลับจุดไฟความโกรธของเย่หวานจิ้งขึ้นมา
เธอจะรู้หรือเปล่าว่าเธอได้นำพาคลื่นพายุเข้ามาเท่าไรกัน ตั้งแต่เช้าที่นางลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นลูกชายที่น่าภาคภูมิใจของตัวเองกับนักโทษหญิงคนหนึ่ง เป็นรูปถ่ายที่รักๆใคร่ๆของผู้หญิงที่เธอดูถูกมาโดยตลอด เธออยากฉีกเวินหนิงให้เป็นชิ้นๆ.
แต่เธอกลับมองข้ามมันไปง่ายๆ คงจะคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลลู่จริงๆแล้วสินะ
"เวินหนิง ครั้งสุดท้ายที่ฉันกับเธอเจอกัน ฉันก็ได้พูดทุกอย่างกับเธออย่างชัดเจนไปแล้วนะ ฐานะของเธอ ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ตัวเองแก่ใจ ครั้งนี้เธอยังมาพัวพันกับลู่จิ้นยวนอยู่อีก นี่ไม่มียางอายจนลืมศักดิ์ศรีตัวเองแล้วจริงๆใช่ไหม"
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกลูลู่พยายามปกปิดข่าวคราวนั้นแล้วล่ะก็ ตอนนี้ข่าวอื้อฉาวนั้นคงจะแพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว หากมีคนอยากหลอกใช้ตัวตนของเวินหนิงแล้วล่ะก็ จะมีแต่จะทำลายชื่อเสียงของลู่จิ้นยวนให้ย่อยยับ
เวินหนิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอไม่คิดว่าเย่หวานจิ้งนั้นจะคิดว่าเธอเลวร้ายได้ขนาดนี้ ราวกับว่าในใจเธอไม่มีอะไรเลยนอกจากยั่วยุผู้ชายเท่านั้น
"ท่านป้าคะ ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้ท่านโกรธได้มากขนาดนี้ แต่ฉันอยากจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปีก่อนนั้นฉันไม่ได้เป็นคนทำ ตอนนี้ฉันกำลังพยายามหาหลักฐานอยู่ คิดว่าไม่นานก็คงจะได้ผลสรุปออกมา ... "
"ฉันไม่ต้องการฟังผลอะไรของเธอ" สำหรับเย่หวานจิ้งคำพูดของเวินหนิงนั้นเป็นแค่การแก้ตัวเท่านั้น เธอเหลือบมองเวินหนิงด้วยความรังเกียจ " ที่แท้เธอก็ใช้คำหลอกลวงพวกนี้มาหลอกจิ้นยวนนี่เอง คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังมีสามารถทางด้านนี้ด้วย”
เวินหนิงพูดอะไรไม่ออก ทั้งๆที่เธอเป็นแพะรับบาปของเวินหลานโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วทำไมเธอถึงได้เป็นคนผิดไปอย่างงั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก