หลังจากที่ลู่จิ้นยวนพูดจบ ก็กระแทกประตูเดินออกไปจากที่นี่
ได้ยินเสียงประตูที่หนักหน่วง ร่างกายของเวินหนิงถึงกับสั่นสะท้าน เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าทำไมเธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วพูดความจริงออกมา ผลที่ได้รับทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ...
เธอได้โทรไปหาหลิวเมิ่งเซวี่ยอีกครั้ง แต่หลิวเมิ่งเซวี่ยไม่รับโทรศัพท์เธอเลย ราวกับว่ากลัวเธอจะหาโอกาสหลอกเขาพูดอะไรออกมา สุดท้ายถึงกับปิดเครื่องไป
เวินหนิงทำอะไรไม่ถูก จึงได้โทรไปที่โรงแรมหมิ่งเซิ่ง คำตอบที่ได้คือบุคคลภายนอกไม่สามารถดูได้ และนอกจากนี้ วิดีโอกล้องวงจรปิดจะถูกล้างทุกๆสามเดือน ต่อให้เวินหนิงจะมีความสามารถขนาดไหน ก็ไม่อาจนำวิดีโอที่มากมายขนาดนั้นไปกู้ข้อมูลเดิมคืนกลับมาได้ และข้อมูลไม่อาจสมบูรณ์ได้โดยเฉพาะในส่วนที่เธออยากได้แล้วล่ะก็ มันเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่าหาเข็มในใต้สมุทรจริงๆ
หลังจากที่ได้โทรศัพย์พวกนี้จบ เวินหนิงรู้สึกว่าร่างกายหมดเรี่ยวแรงอย่างกับโดนดูดจนว่างเปล่า ที่แท้ มีเรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าเธออยากพิสูจน์ก็สามารถไปพิสูจน์ได้
ในเวลานี้ เวินหนิงรู้สึกว่าลูกในท้องเตะเธอเบาๆ ตอนนี้ลูกในท้องมีอายุครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เธอจะยอมรับได้อย่างไร ถ้าให้เธอต้องแยกกันจากลูก
นี่มันจะไม่มีหนทางอื่นเลยเหรอ ...
เวินหนิงมองขึ้นไปที่เพดานด้วยความสับสน และรู้สึกเหนื่อยล้าใจอย่างมาก
จนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงจริงๆ
...
เมื่อลู่จิ้นยวนออกมาจากบ้านของเวินหนิง ในใจเต็มไปด้วยความโมโห เมื่อนึกถึงเด็กในท้องของเธอ แค่รู้สึกว่าความสนิทสนมในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันเหมือนกับภาพสะท้อนในกระจกที่เหลือทน
หากเด็กคนนั้นไม่ถูกกำจัดออกไป มันจะเป็นมารในใจเขาตลอดไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็ไม่มีกระจิกกระจายไปบริษัทอีก และที่บ้านตระกูลลู่ก็พึ่งจากผ่านการขัดแย้งเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไปหาเฉิงหยาง
ไม่รู้ว่าช่วงนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับอะไรทำอะไรอยู่ ไม่ได้ติดต่อกับเขามานานพอสมควร
ขณะที่เฉิงหยางรับสายโทรศัพย์ของลู่จิ้นยวนนั้น เขากำลังนั่งฟังเพลงอยู่ในบาร์ นักร้องสาวสวยบนเวทีกำลังแอบส่งสายตามาทางเขา ชายหนุ่มกำลังจะได้เจอความโรแมนติกที่เขาไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ แต่กับโดนเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์รบกวนซะงั้น
แต่เมื่อเห็นว่าเป็นลู่จิ้นยวน เขาก็ยังรับสายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง " นี่ปกตินายไม่โทรมาก็ยังพออนุโลม พอโทรมาก็มาทำลายเรื่องดีๆความสุขเล็กๆน้อยๆของฉัน นี่นายโทรมา มีธุระอะไรหรือเปล่า”
น้ำเสียงเย่อหยิ่งของเฉิงหยางพูดขึ้น ทำให้ความเบื่อหน่ายของลู่จิ้นยวนลดลงเล็กน้อย “ นายอยู่ที่ร้านบาร์เหรอ”
เฉิงหยางได้แจ้งสถานที่ให้เขาไป นี่เป็นบาร์เล็กๆที่ดนตรีไพเราะและมีชื่อเสียงของเมืองเจียงเฉิง ที่นี้ค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับออกมานั่งพักผ่อนผ่อนคลายประมาณนั้น
"ฉันไปหานาย"
ลู่จิ้นยวนเหลียบมองที่อยู่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วทำการกลับรถแล้วขับรถตรงไป
ตอนนี้เขาไม่อยากคิดมากกับเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสียอีกต่อไป บางทีการดื่มจนเมา ก็เป็นทางเลือกที่ดีและเร็วที่สุดในการแก้ไขปัญหาอยู่เหมือนกัน
เฉิงหยางตกผงะ นิสัยของลู่จิ้นยวนไม่ได้เป็นคนที่กลางวันแสกๆจะออกมาหาความสนุกแบบนี้ เขาจะมาจะต้องมีเรื่องอะไรทำให้เขาไม่สบายใจแน่ๆ
คิดไปคิดมา เฉิงหยางก็ได้ปฏิเสธคำเชิญของนักร้องสาวลูกทุ่งอย่างไม่เต็มใจ แล้วนั่งรออยู่ตรงนั้น
หลังจากนั้นไม่นานลู่จิ้นยวนก็มาถึง ทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัว ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย เพราะอย่างหนุ่มหล่อที่มีขายาวและหน้าตาที่หล่อเหลาไม่ด้อยไปกว่าดาราแบบนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่นี่
แต่ว่า ลู่จิ้นยวนไม่มีกระจิกกระจาย หลังจากที่ปฏิเสธผู้หญิงสองสามคนที่เข้ามาคุยด้วยอย่างไม่แยแส แล้วไปนั่งข้างๆเฉิงหยาง เหลือบตามองค็อกเทลที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเม้งปาก “ นี่นายดื่มอันนี้เหรอ ”
“ แล้วนายอยากดื่มอะไรอีกล่ะ”
เฉิงหยางเหลือบตามองเขา ลู่จิ้นยวนเคาะบนโต๊ะแล้วสั่งเหล้าที่แอลกอฮอล์ค่อนข้างสูงมาสองสามขวด " ลองดูไหม"
เฉิงหยางเห็นแล้วตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่เป็นเหล้าจำพวกที่แอลกอฮอล์สูงมาก ถ้าดื่มหมดนี้ ต่อให้เป็นเขาก็ต้องหมดสติอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก