หลังจากรถวิ่งไปอย่างลมกระโชก ก็ไปจอดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล
ทั้งสองลงจากรถ ไปตามห้องผู้ป่วยที่ไป๋ซินอวี๋เคยให้จนเจอ แล้วทำการเคาะประตู
เสียงที่แผ่วเบาของมู่เยียนหรานดังมาจากในห้อง "ใครคะ"
เฉิงหยางก็ยังประหลาดใจกับอาการสถานการณ์ในตอนนี้ของเธอ "ฉันเอง ยังมี ... จิ้นยวน"
จากนั้นมู่เยียนหรานก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงผู้ป่วย ถึงแม้ว่า อารมณ์แปรปรวนของเธอได้รับการรักษาแล้ว ร่างกายของเธอก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ
เธอคิด ตามนิสัยของลู่จิ้นยวนแล้ว บวกกับความช่วยเหลือของไป๋ซินอวี๋ เขาจะต้องมาเยี่ยมเธอ ในที่สุดเขาก็มาจนได้
มู่เยียนหรานทำผมที่ปล่อยอยู่ดูยุ่งๆหน่อย เน้อริบฝีปากหน่อยๆเพื่อให้ดูซีด บวกกับผิวที่ขาวอยู่แล้วของเธอ ทำให้เธอดูป่วยและน่าสงสารเล็กน้อย
ก็แค่การแกล้งทำเป็นให้ดูเหมือนน่าสงสาร ทีเวินหนิงยังทำได้ ทำไมเธอจะทำไม่ได้
ลู่จิ้นยวนและเฉิงหยางเข้ามาในห้องผู้ป่วย เห็นเธอนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างไม่มีเรี่ยวแรง ซึ่งแตกต่างกับหญิงสาวที่ร่าเริงสดใสไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้รู้สึกน่าใจหายอยู่เหมือนกัน
ทั้งสองพึ่งจะนั่งลงได้สักพัก ไป๋ซินอวี๋ก็เข้ามา คิดหาวิธีให้เฉิงหยางออกไป
เพราะเขารู้ว่า มู่เยียนหรานอยากอยู่กับลู่จิ้นยวนสองต่อสอง
เมื่อรอจนคนอื่นๆเขาออกไปกันหมดแล้ว มู่เยียนหรานก็เหลือบมองลู่จิ้นยวนที่นั่งอยู่ไม่ไกล “ ไม่เจอกันซะนาน จิ้นยวนฉันคิดว่า ... นายคงไม่อยากจะเจอฉันอีกแล้ว”
ลู่จิ้นยวนส่ายหัว "ไม่เหรอ จะเป็นไปได้ยังไง"
มู่เยียนหรานก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วยิ้มเบา ๆ “ อย่ากังวลไปเลย อาการป่วยของฉันตอนนี้ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ฉันจะไม่โทษนายหรอก”
ลู่จิ้นยวนฟังเธอพูดแต่ละคำแต่ละประโยค ทำให้รู้สึกห่างเหินกันมาก จนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะยังไง แต่ก่อนนั้นพวกเขาเคยเป็นยิ่งกว่าเพื่อนรักกัน ต่อให้เลิกกันแล้ว เขาก็ไม่ต้องการทำร้ายมู่เยียนหราน
"ฉันจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง"
เมื่อมู่เยียนหรานเห็นว่าลู่จิ้นยวนดูเหมือนจะไม่ได้ต่อต้านอะไรเธอ ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความอ้อนวอน " นายช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย ให้ฉันได้นอนหลับหน่อย จะได้ไหม"
“ นายดูสิ ฉันนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวันแล้ว คุณหมอบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงจะตายเพราะการนอนดึก”
มู่เยียนหรานชี้ไปที่รอยคล้ำใต้ดวงตาของเธออย่างน่าสงสาร ลู่จิ้นยวนปฏิเสธเธอไม่ลง นั่งลงไปข้างๆเตียง
แม้ว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น แค่นี้เธอก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
...
หลังจากที่ไป๋ซินอวี๋พาเฉิงหยางออกไป เฉิงหยางเห็นใบหน้าเหม็นเขียวของเขาและไม่พูดอะไร ถอนหายใจแล้วพูดว่า " นี่พวกนายอายุเท่าไหร่กันแล้ว รู้จักกันก็ประมาณสิบกว่าปีแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่สามารถทำให้ต้องทะเลาะกันขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมที่ต่อไปนี้จะไม่ติดต่อกันอีก"
สีหน้าของไป๋ซินอวี๋เศร้าลง ลูกคุณหนูอย่างพวกเขา อยู่ในแวดวงเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กๆจนคุ้นเคยกับการนิ่งและเพิกเฉย เฉิงหยางกับลู่จิ้นยวนเป็นเพื่อนหายากที่สามารถพูดความในใจได้จริงๆ และยังเป็นเพื่อนที่สามารถลุยน้ำลุยไฟกับเขาได้ เขาก็ไม่อยากทะเลาะกับลู่จิ้นยวนจนมองหน้าไม่ติด.
ก็แค่ว่า เห็นไม่ได้ที่ลู่จิ้นยวนทำร้ายจิตใจของมู่เยียนหรานเพื่อผู้หญิงอย่างเวินหนิง
"อาหยาง เรื่องนี้ถ้าจะให้พูดมันค่อนข้องยาว แต่ว่า ฉันต้องการนายช่วย"
เฉิงหยางเลิกคิ้ว “ ทำไม มีเรื่องอะไรก็พูดมา นายเป็นคนพูดเออๆอาๆแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก