ลู่จิ้นยวนพูดคำนี้ออกมา ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนโรคจิตมาก
ผลักเธอออกไปด้วย แต่ก็ไม่อยากให้เธอไป อย่างน้อย เขาไม่อยากเห็นว่าเธอมีชีวิตที่ไม่ดี ถ้าแบบนั้นเขาจะวางใจได้ยังไง?
เวินหนิงรู้สึกงงกับความคิดลู่จิ้นยวนมาก เธอมองตาของผู้ชายคนนั้น ก็ยังเป็นดวงตาที่สวยงามเหมือนมหาสมุทรที่ลึกลับ แล้วสะท้อนเงาของเธอออกมา
เขากำลังคิดอะไรกันแน่?
เวินหนิงเดินใกล้เข้าไป แล้วจ้องตาของลู่จิ้นยวน ในสายตาเธอมีแต่ความสงสัย
"ลู่จิ้นยวน นายรู้หรือเปล่านายทำแบบนี้แปลกมาก ทำไม นายยังมีความรู้สึกกับฉันหรอ?"
เวินหนิงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องให้เธอยอมรับของพวกนั้นด้วย ของพวกนั้นไม่สำคัญอยู่แล้วสำหรับตระกูลลู่ แต่ก็ยังถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่น้อยเลย ให้เธอแบบนี้ เขาต้องการอะไร?
เขาจะได้ดูไม่ขี้เหนียวตอนเลิกกันงั้นหรอ?
หรือว่า เขามีเหตุผลอะไรบางอย่าง?
เวินหนิงรู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว แต่ว่า บางครั้งคนก็ตาบอดแบบนี้แหละ ถึงแม้จะมีลางสังหรณ์แล้ว แต่ก็พยายามคิดในแบบที่ตัวเองต้องการ
หรือว่า ลู่จิ้นยวนอาจจะไม่อยากเลิก หรือว่า นี่ก็แค่แผนของเขา หรือว่า……
"ลู่จิ้นยวน นายบอกฉันมา นายทำแบบนี้มีอะไรปิดบังหรือเปล่า?"
สายตาลู่จิ้นยวนหม่นหมองลง แล้วเอ่ยพูดออกมาอย่างเรียบนิ่ง "ไม่มี"
"ไม่มีจริงหรอ?"
เวินหนิงเดินก้าวเข้าไปใกล้ แล้วจับคอเสื้อเขาไว้ ถึงแม้จะรู้ว่าทำแบบนี้จะเหมือนคนบ้า แล้วขายหน้ามากด้วย แต่เธอก็ไม่สนอะไรขนาดนั้นแล้ว
ลู่จิ้นยวนเอามือเธอออก แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้น เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "เธอกำลังคิดบ้าอะไร? ของพวกนี้ ก็แค่……ก็แค่ชดเชยให้เธอก็เท่านั้น"
"ชดเชยอะไร? ชดเชยที่ผ่านมานานขนาดนี้เอาแต่ปั่นหัวฉันหรอ? หรือว่า ที่นายไม่อยากให้ฉันไปจากที่นี่ เพราะเผื่อวันนึงจะคิดถึงฉัน ยังสามารถกลับมาระบายอารมณ์ได้?"
เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นี่เป็นคำพูดที่ดูสูงส่งมาก เธอต้องพยายามให้ถึงที่สุดถึงจะได้ของพวกนี้มา แต่ในสายตาของลู่จิ้นยวนกลับไร้ค่าขนาดนั้น
หรือว่า คนธรรมดาอย่างเธอ ในสายตาเขาก็เป็นได้แค่นี้
"……"
ลู่จิ้นยวนไม่ได้ตอบ พอเห็นความเศร้าในสายตาเวินหนิง เขาก็อยากจะปฏิเสธ แต่พอจะพูดออกมาก็ถูกเขากลืนเข้าไปอีกครั้ง
เวินหนิงเห็นว่าเขาเงียบ ก็คิดว่าเขายอมรับแล้ว
เพราะฉะนั้น เขาแค่ไม่อยากให้เธอไปหาผู้ชายคนอื่นหลังจากที่ไปจากเขา เพราะยังไง ในสายตาลู่จิ้นยวนตัวเองก็เป็นผู้หญิงที่ขาดผู้ชายไม่ได้ นี่ก็เหมาะกับความคิดของคนอย่างเขามาก
"ในเมื่อแบบนี้……ของของตระกูลเวิน ฉันไม่เอา" เวินหนิงกัดฟันแน่นแล้วเอ่ยตอบ
ถ้าต้องพึ่งความสงสารของลู่จิ้นยวน ต้องเป็นของเล่นที่ให้เขาระบายอารมณ์เธอถึงจะได้ของพวกนั้นกลับมา เธอไม่เอาดีกว่า
ถึงเธอจะจน เธอไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังมีศักดิ์ศรี เธอจะไม่มีทางให้โอกาสผู้หญิงวันนั้นมาชี้หน้าด่าเธอว่าไม่มียางอาย
"เธอ……"
ลู่จิ้นยวนไม่คิดเลยว่าเธอจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาดแบบนี้ "เธออยากได้ตระกูลเวินกลับมาไม่ใช่หรอ? ทำแบบนี้ จะไม่เอาอะไรแล้ว?"
เวินหนิงมองสบตาเขา "ถ้าต้องขายศักดิ์ศรีตัวเอง แล้วเป็นของเล่นของนายเพื่อนแลกของสิ่งนั้นมา ฉันไม่เอาดีกว่า"
อันเฉินเดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเธอถือกระเป๋าเดินทางไว้ แล้วลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็รีบยื่นมือไปช่วยเธอถือของไว้
"ฉันจะไปจากที่นี่แล้ว" เวินหนิงเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง "ช่วงเวลาที่ผ่านมา รบกวนนายมาก ขอบคุณที่นายดูแลพวกเรา ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่นายเคยช่วยฉันไว้ แต่ว่า ถ้าจะตอบแทนบุญคุณก็คงจะเป็นอีกหน่อย"
ไปจากที่นี่?
สีหน้าอันเฉินประหลาดใจมาก
วันนี้เพิ่งจะให้เอกสารการโอนย้ายของตระกูลเวินให้เธอ ทำไมถึงจะไปจากที่นี่?
"คุณเข้าใจอะไรผิดกับบอสหรือเปล่าครับ คุณในตอนนี้ จะไปที่ไหนก็ไม่สะดวก อย่าวู่วามนะครับ!"
มองเห็นความเป็นห่วงในสายตาอันเฉิน เวินหนิงในใจก็รู้สึก ตื้นตันใจ "ไม่ได้เข้าใจผิด แต่ว่า……เราเลิกกันแล้ว อีกหน่อยจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก เพราะฉะนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้"
เลิกกันแล้ว?
อันเฉินรู้สึกตกใจมาก ทำไมเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย หรือว่า……
"คุณรู้หมดแล้ว?"
อันเฉินเดาว่า เป็นเพราะเรื่องของมู่เยียนหรานหรือเปล่า เวินหนิงรู้เรื่องแล้ว เธอเลยไม่อยากเป็นมือที่สาม ก็เลยทะเลาะกัน?
"ถึงแม้บอสกำลังจะหมั้น แต่ว่า ความจริงเรื่องนี้……"
เวินหนิงที่ท้องโตหยิบกระเป๋าเดินทางกลับมา แล้วกำลังเดินออกไป แต่คำพูดที่อันเฉินพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ก็ทำให้ฝีเท้าเธอหยุดลง
"นายว่าอะไรนะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก