เวินหนิงพยักหน้า เหอจื่ออันเห็นว่าเธอดูท่าทางไม่ค่อยดี ก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเธออีกพักหนึ่ง หลังจากนั้น ก็มีคนเอาอาหารเย็นมาส่ง
"กินอะไรหน่อยเถอะ" เหอจื่ออันยังตั้งใจสั่งให้คนทำอาหารรสชาติที่เวินหนิงชอบ ตอนนี้ร่างกายของเธอดูผอมกว่าตอนก่อนหน้าเยอะมาก ดูแล้วเหมือบกับกำลังจะเปราะหัก
"ค่ะ......" เวินหนิงมองอาหารที่เคยเป็นของชอบของเธอ แต่กลับไม่รู้สึกอยากอาหารเลย
แต่ว่า เธอนั้นไม่สามารถที่จะทำลายน้ำใจของเหอจื่ออันได้ ดังนั้น ก็เลยฝืนกินเข้าไปประมาณหนึ่ง
เห็นว่าเวินหนิงกินอาหารตามปกติ เหอจื่ออันถึงได้สบายใจ เลยออกไปจากที่นี่
เห็นว่าเขาออกไปแล้ว เวินหนิงถึงได้เอามืออุดปากแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไป
อาหารที่กินเข้าไปเมื่อกี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เธอฝืนตัวเองให้กินเข้าไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กินเข้าไปมาก แต่กลับมีความรู้สึกว่าอยากจะอาเจียนออกมา
เหมือนกับเป็นเพราะว่าความฝันเมื่อกี้ ตอนนี้แม้แต่จะกินอาหารเธอก็กินไม่ลง แค่คิดว่าลูกของตัวเองอาจจะกำลังเจอกำเรื่องทรมานอยู่ เธอก็ไม่มีความอยากอาหารเลย
.........
บริษัทตระกูลลู่
ห้องทำงานชั้นบนสุด อันเฉินกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของลู่จิ้นยวน มีสีหน้าเคร่งขรึม
สองสามวันมานี้เขามัวแต่สืบเรื่องที่ตั้งของเกาะร้าง แต่ว่า เย่หวานจิ้งกลับทำความสะอาดและทำลายหลักฐานทั้งหมดไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ แม้แต่ใครที่เคยไปเกาะนั้นบ้างก็ยังไม่รู้
แถม เพื่อที่จะทำลายหลักฐาน เย่หวานจิ้งยังไปโน้มน้าวให้นายท่านลู่ ปิดประกาศขายเกาะร้างนั่น
ถ้าหากว่า สถานที่แห่งนั้นถูกขายออกไปแล้วล่ะก็ อยากจะสืบหาเบาะแสต่อ มีเพียงแต่จะยากขึ้น
"หาไม่เจอ?" ใต้ดวงตาของลู่จิ้นยวนมีรอยคล้ำอยู่เล็กน้อย ไม่กี่วันมานี้ เขาก็ใช้เส้นสายของเขาตามหาตัวเวินหนิงไม่หยุดพัก
บางที อาจเพราะสัญชาตญาณ บางที อาจเพราะความพยายามบางอย่าง ลู่จิ้นยวนก็เลยไม่เชื่อความจริงที่ว่าเวินหนิงตายไปล้ว
ตอนนี้ เขาส่งคนของตัวเองออกไปตรวจสอบทุกโณงพยาบาลภายในประเทศแล้วรอบหนึ่ง แต่ว่า ยังคงไม่ได้อะไร
"ไม่มีทาง ผมไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีเรื่องไหนที่จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย ตรวจสอบต่อไป!"
เสียงแหบแห้งของลู่จิ้นยวน สั่งขึ้น
อันเฉินมองเส้นเลือดสีแดงที่ปูดขึ้นมาในตาเขา ก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน เขาไม่เห็นว่าเขานั้นน่าสงสารขนาดนี้มาก่อน
ตั้งแต่ที่รู้เรื่องว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเวินหนิง ลู่จิ้นยวนไม่ได้กลับบ้านมาสามวันสามคืนแล้ว นั่งตามหาตำแหน่งของเธอมาไม่ได้พักผ่อน
และในตอนที่อันเฉินกำลังจะโน้มน้าวให้เขานั้นพักผ่อนซักหน่อย ประตูก็โดนเคาะ เสียงไพเราะนุ่มนวลดังขึ้น "จิ้นยวน คุณอยู่หรือเปล่าคะ?"
เพิ่งจะหมั้นกันไป ลู่จิ้นยวนไม่ได้แค่เพียงปฏิเสธทุกงานที่จะต้องไปออกงานร่วมกันกับมู่เยียนหราน ตอนนี้ แม้แต่บ้านก็ไม่กลับ
สำหรับมู่เยียนหรานแล้ว ด้านนึงเธอจำเป็นที่จะต้องรักษาหน้างานแต่งทั้งสองตระกูลเอาไว้ อีกด้านก็ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แม้แต่หน้าของคู่หมั้นก็ไม่ได้เจอ ในที่สุด ก็เลยทนไม่ไหว วางแผนว่าจะมาหาเขา
"คุณหนูมู่มาแล้ว อย่างนั้น ให้ผมออกไปก่อน?"
ถึงแม้ทั้งสองคนจะหมั้นแล้ว แต่อันเฉินก็ยังไม่เปลี่ยนคำเรียก ในใจของเขา ยังไงก็ยังไม่ยอมรับผู้หญิงอื่นมาอยู่ในตำแหน่งคุณนายลู่
"ไม่ต้อง นายอยู่ที่นี่แหละ"
ลู๋จิ้นยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้า ไม่ได้สนใจเสียงเคาะประตูที่อยู่ด้านนอกเลนด้วยซ้ำ สำหรับมู่เยียนหราน ตอนนี้แม้แต่อารมณ์จะตอบรับเขายังไม่มี
ถ้าเกิดวันนั้นเธอไม่ได้ใช้วิธีสกปรกลบข้อความของอันเฉินทิ้ง บางที ตอนนี้เวินหนิงอาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้
ทั้งๆที่มู่เยียนหรานได้ยินว่าภายในห้องทำงานนั้นมีเสียงคนคุยกันอยู่ข้างใน แต่ว่า สุดท้ายลู่จิ้นยวนก็ยังไม่ได้อนุญาตให้เข้าไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหุบลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็เคาะประตูอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก