บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 302

"โอ้" ลู่จิ้นยวนถึงกับต้องทำตาเหล่ เมื่อถูกเด็กวัยห้าขวบพูดอย่างงี้ เขาทนไม่ได้จริงๆ "นี่ลูกกำลังหมายความว่า ลูกอกหักงั้นเหรอ"

ลู่จิ้นยวนสังเกตเห็นข้อความบนโทรศัพท์มือถือของเขา ก็หยิบมาดูอย่างไม่มีความเกรงใจใดๆ เป็นข้อความวีแชทของผู้หญิงคนเมื่อวานนี้

เมื่อดูประวัติการแชทล่าสุดของทั้งสองคน ดวงตาของชายหนุ่มคนค่อยๆหรี่ตาลง

นี่ผู้หญิงคนนั้น กำลังคบกับผู้ชายคนอื่นจริงๆหรือ

จู่ๆ ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกอึดอัดไม่พอใจขึ้นมา แต่เขาก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง ...

ก็แค่ผู้หญิงที่เพิ่งจะรู้จักกันเท่านั้นเอง ก็แค่เคยช่วยลู่อันหรานไว้แค่นั้น เป็นไปได้ไงที่เขาจะมีความคิดและความรู้สึกดีๆมากกว่าอย่างอื่น

สีหน้าของลู่จิ้นยวนอย่างกับกำลังครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ใช้ความคิดที่ว่าไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองไม่มีความสุข เพื่อปกปิดความผิดปกติของเขา

ลู่อันหรานทำได้แค่จ้องมองโทรศัพท์ที่ถูกฉกไปอย่างหน้าตาเชย "เว้ย พ่อ นี่คุณพ่อกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวของผมอยู่นะครับ รีบคืนโทรศัพท์ของผมกลับมาเดียวนี้เลยนะ"

ทันทีที่เสียงพูดจบ ลู่จิ้นยวนถึงตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของเขาดูแปลกมากแค่ไหน ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้ลู่อันหรานทันที

เมื่อเห็นใบหน้าของลู่อันหรานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แก้มที่ดูนูนขึ้นมาเหมือนซาลาเปาเล็ก ๆเพื่อแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก ลู่จิ้นยวนก็พูดขึ้นมาอย่างเรียบง่ายว่า " ไปทานอาหารเช้าก่อน ดื่มนมให้หมดด้วย แล้วพ่อจะคืนโทรศัพท์ให้ลูกเอง"

ปกติลู่อันหรานทานข้าวจะเป็นคนจู้จี้จุกจิกตลอดโดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ชอบดื่มนม ตอนนี้ลู่จิ้นยวนได้ถือไพ่เหนือกว่าเขา น้ำเสียงของลู่จิ้นยวนเต็มไปด้วยคำขู่อย่างเห็นได้ชัด

"คุณพ่อ ... นี่เป็นการรังแกกันชัดๆ " ลู่อันหรานเรียกว่าทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือเรื่องดื่มนม ทุกครั้งเขาพยายามหาทางหลีกเลี่ยงมัน แต่ครั้งนี้เขาเหมือนโดนถูกตัดสินโทษยังไงไม่รู้ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

"หือ ลูกไม่อยากได้โทรศัพท์มือถือคืนเหรอ" ลู่จิ้นยวนเพิกเฉยไม่สนใจต่อคำประท้วงเล็ก ๆ ของเขา " ถ้าไม่ทานอาหารเช้าให้หมด ก็อย่ามารบกวนพ่อนะ"

ขณะที่พูด เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่ลู่อันหรานรักและห่วงมาก จากไปอย่างง่ายดายโดยทิ้งให้เขาอยู่ตรงโต๊ะอาหารเช้าคนเดียว เขาได้แต่ทำหน้าบึ้งและค่อยๆจัดการทานผักและนมที่เขาไม่ชอบเข้าไป

หลังจากที่เดินมาถึงที่ห้องหนังสือ ลู่จิ้นยวนได้โทรไปหาผู้รับผิดชอบของโรงพยาบาลโดยตรง หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าคนที่มาเยี่ยมนั้นเป็นผู้หญิง สีหน้าเศร้าหมองของเขาก็ผ่อนคลายลงบ้าง

นิ้วมือก็สัมผัสไปบนหน้าจอ "เป็นผู้หญิง"

โม่โยวที่อยู่ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ได้เห็นข้อความที่ดูแปลก ๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตอบตามความเป็นจริงว่า " เดาถูกแล้วค่ะ เป็นเพื่อนผู้หญิงของฉันคนหนึ่ง "

เมื่อเห็นข้อความดังกล่าว มุมริมฝีปากของลู่จิ้นยวนที่โค้งแน่นได้ผ่อนคลายเล็กน้อย “ คุณอยู่ที่นั้นคนเดียว ไม่น่าเบื่อเหรอ คนในครอบครัวของคุณล่ะอยู่ที่ไหน ”

โม่โยวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เรื่องขอเธอค่อนข้างวุ่นวายสบสนเป็นพิเศษ เธอไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับเด็กอายุห้าขวบ " อืม ... คนในครอบครัวฉันอยู่ในต่างจังหวัดกันหมด ไม่สะดวกกลับมา มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็เลยไม่อยากให้พวกเขาต้องกังวล "

ลู่จิ้นยวนสามารถสัมผัสถึงความเหงาเดียวดายของเธอ จากข้อความสั้นๆในสองสามบรรทัดนี้

ได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังต้องทนกลั้นเอาไว้ไม่ยอมบอกให้คนในครอบครัวรับรู้ สามารถบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างที่จะเข้มแข็งมาก หรือไม่กล้าที่จะพึ่งพาคนอื่น

"ถ้ามีเวลาว่างล่ะก็ เดียวผมไปเยึ่ยมคุณนะครับ " ลู่จิ้นยวนได้ตอบกลับข้อความหนึ่งว่า " ถ้าตอนนี้มีอะไรขาดเหลือ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ที่นั่นได้โดยตรง หากมีกันล่าช้าอะไรต่อคุณแล้วล่ะก็ สามารถบอกฉันได้เลยนะครับ"

โม่โยวได้แต่จ้องมองข้อความบนวีแชทอันยาวเหยียดนี้ด้วยความงุนงง เธอไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า เธอรู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือประโยคข้อความนี้เธอดูยังไงก็ไม่เหมือนเด็กห้าขวบพูด ถึงแม้ว่าปกติแล้วลู่อันหรานจะชอบแสร้งทำเป็นผู้ใหญ่เล็กน้อย ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ได้องอาจและเอาแต่ใจมากขนาดนี้

หรือว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนหรือเปล่า

ความคิดนี้ได้ลอยเข้าไปมาในหัวสมองของเธอแค่ชั่ววินาที แล้วโม่โยวก็ส่ายหัวขึ้นมาทันที เมื่อวานนี้เธอถึงกับตั้งใจไปสืบข้อมูลของลู่จิ้นยวนมาอย่างพิเศษ คนเขาเป็นถึงประธานผู้บริหารใหญ่ที่วันๆนั้นยุ่งมาก จะเอาเวลาที่ไหนมาส่งข้อความให้กับคนอย่างเธอ

หลังจากที่คิดฟุ้งซ่านอยู่พักหนึ่ง โม่โยวก็นึกถึงปัญหาต่างๆที่จะตามมา " หนูอย่ามาเลยดีกว่า ถ้าหากหนูได้รับอุบัติเหตุอันตรายอะไรขึ้นมาจะทำยังไงดี คนในครอบครัวของหนูคงจะทนทุกข์ทรมานไม่ได้"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก