โม่โยวไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกโมโหมากขึ้นไปเสียอีก เธอมองลู่จิ้นยวนว่าเป็นพวกเจ้าชู้ยักษ์เก็บเกี่ยวเอาผลประโยชน์จากเธอไปทั่ว กัดฟันกรอด แล้วจากนั้นจึงกัดเข้าไปที่ท่อนแขนของเขาเต็มแรง
หง่ำ……..
ลู่จิ้นยวนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นปลาบขึ้นมา แต่แรงกำลังของท่อนแขนเขากลับไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่คิดขึ้นมาว่า เจ็บก็ดีเหมือนกัน เจ็บแล้วก็จะได้รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
ภรรยาของเขา เวินหนิงของเขา ได้กลับมาอยู่ข้างกายเขาแล้วจริงๆ
รสชาติขมฝาดราวกับเหล็กที่อยู่ในปากได้เรียกสติเธอให้หวนคืนสู่ร่างโดยทันที จึงพลันอ้าปากเอาฟันที่ขบกัดอยู่นั้นออก มองดูรอยแผลสดที่มีเลือดไหลรินอยู่ข้างหน้า ก็ตกใจตื่นตะลึง แล้วอดไม่ได้ที่จะเผลอขมวดคิ้ว
เธอเม้มริมฝีปากแน่น รับรู้ถึงการกักขังตัวเธอแน่น ถึงขนาดที่ว่ารู้สึกได้ถึงแรงที่ทำให้เธอทรมานจนหายใจไม่ออกอยู่เล็กน้อย นัยน์ตาคู่สวยมีประกายแห่งความสับสนปรากฏขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ต่อให้เป็นพวกหัวทื่อ ก็รู้สึกได้ว่าลู่จิ้นยวนนั้นมีอะไรผิดแปลกไปไม่ถูกต้อง
โม่โยวเลิกคิดที่จะขัดขืนอีกต่อไป พูดออกมาอย่างระมัดระวังว่า “ประธานลู่คะ ท่านปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ ฉันรู้สึกทรมานมาก”
ลู่จิ้นยวนชะงักค้างไป ในใจรู้สึกตกใจจนรีบคลายมือออก
แต่ว่าในขณะที่เขากำลังคิดจะผ่อนแรงเพื่อคลายมือออกนั้น โม่โยวก็รีบดันตัวเขาออกแล้วถอยหลังออกไปหลายก้าว จนแทบที่ติดกับประตู รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับเขาเอาไว้ ในสายตามีแต่ความหวาดระแวงปรากฏอยู่
ในใจเขาก็พลันมีความรู้สึกหงุดหงิดหัวใจขึ้นมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ ถอนหายใจอยู่ภายในใจเงียบๆ เดินไปนั่งลงที่โซฟาด้านหนึ่ง
“ขอโทษด้วย เมื่อกี้คงทำให้เธอตกใจแย่สินะ เวิน.....โม่โยว ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องบอกเธอ เธอนั่งลงก่อนจะได้ไหม”
โม่โยวมองไปที่เขา ทั้งไม่เอ่ยอะไรออกมา และไม่ขยับเขยื้อนกายเลยเช่นกัน
ลู่จิ้นยวนเองก็ไม่รีบร้อน รอคอยเธออยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ
เวลาล่วงเลยผ่านไปแล้วหลายนาที โม่โยวสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที แล้วจึงเดินไปอย่างช้าๆ นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของลู่จิ้นยวน
“ประธานลู่คะ ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยเถอะค่ะ”
นัยน์ตาที่ลุ่มลึกของเขามองเธออย่างมีความนัยน์อันลึกซึ้ง อารมณ์ความรู้สึกที่เจือมาทำให้โม่โยวตื่นตระหนก และรู้สึกสับสนวุ่นวายใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ไม่สามารถที่จะนั่งอยู่นิ่งๆ ได้เลย
“ฉันเล่าเรื่องให้เธอฟังสักเรื่องนะ และเธอก็จะต้องตั้งใจฟัง เมื่อ 5 ปีก่อน.......”
ในห้องทำงานอันโอ่อ่าใหญ่โต มีเพียงเสียงของลู่จิ้นยวนที่ดังก้องไปทั่ว เขาเล่าเรื่องอย่างละเอียด น้ำเสียงที่ใช้นั้นนุ่มนวล เอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ
เวลาก็ล่วงเลยว่าไปจากวินาทีเป็นนาที สีหน้าอันราบเรียบของโม่โยวในตอนแรกก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนอย่างช้าๆ
“ก็ผ่านมาแบบนี้เป็นเวลา 5 ปีแล้ว จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาเธอ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เดิมทีแล้วตัวเธอจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวฉันเสียขนาดนี้”
“และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง เธอได้ช่วยลูกของพวกเราเอาไว้ อันหราน เธอเคยไปสวนสนุกด้วยกันกับพ่อลูก เธอใช้ตัวตนความเป็นแม่ช่วยเหลืออันหรานเอาไว้ เธอช่างมีพรสวรรค์ในการคิดวางแผน เธอ.........”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ โม่โยวก็ผลุนผลันลุกขึ้นยืน พูดออกมาเสียงดังอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “พอแล้ว”
ลู่จิ้นยวนยังคงจ้องมองเธอ นำเอกสารการยืนยันตัวตนทั้งสามฉบับมากางออกไว้ข้างหน้าเธอ แล้วเอ่ยต่อว่า “จนกระทั่งวันนี้ ฉันก็ได้มั่นใจแล้ว เธอเป็นภรรยาของฉันจริงๆ แม่ของอันหราน”
สีหน้าของโม่โยวซีดเผือด และมีสภาพจิตใจที่ตื่นตระหนกสับสนงุนงง หัวใจของเธอเต้นรัวจนเจ็บหน้าอก มองดูเอกสารยืนยันตัวตนที่อยู่ข้างหน้า ผลการทดสอบที่มุมล่างขวา ทำให้ดวงตาของเธอร้อนผ่าว
ณ นาทีนี้เธอตกใจตื่นตะลึงจนไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก ทั้งหมดไม่เคยอยู่ในการรคาดเดาของเธอมาก่อน ที่แท้อันหรานก็เป็นลูกของเธอ เป็นเด็กที่เธอคลอดออกมาก่อนที่จะสูญเสียความทรงไปเมื่อ 5 ปีก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก